“หรือจะใช่…” คนซื่อบื้ออย่างโอวหยางเทากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วที่สุด

เขารีบเอ่ยว่า “หากเจ้าไม่อาจยืนยันได้ จะนำกลับไปให้กูเยว่อู๋เหินตรวจสอบดูดีหรือไม่ หากเป็นหยกเทพบรรพกาลอย่างในตำนานจริงๆ อย่างนั้นหยกชิ้นนี้ก็คือสมบัติของท่าน ต้นตระกูลหมู่ตึกกู่เยว่ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะดูไม่ออกหรอกกระมัง”

“แค่กๆ…” ในยามนี้เยี่ยเม่ยทนไม่ไหวกระแอมไอออกมาคำหนึ่ง

คราวนี้ทุกคนล้วนสงบนิ่งลง รวมถึงโอวหยางเทาที่เมื่อครู่พูดไม่หยุดดังสายน้ำไหลก็หุบปากลงในบัดดล ไฉนเขาถึงได้ละเลยรายละเอียดหนึ่งไปได้นะ ของพวกนี้ล้วนเป็นของเยี่ยเม่ยนี่นา ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ที่นี่บอกว่ามันคือของของหมู่ตึกกูเยว่

นี่ไม่เท่ากับแย่งของกับเยี่ยเม่ยหรือ

ซ้ำยังแอบบอกเป็นนัยว่าราชสำนักจงเจิ้งเคยยึดสมบัติของหมู่ตึกกูเยว่ไปอีกด้วยอย่างนั้นหรือ ด้วยเหตุนี้คนทั้งหมดต่างนิ่งเงียบ

เยี่ยเม่ยมองจิ่วหุนและพวกเซียวเซ่อหยางทีหนึ่ง ถามขึ้นว่า “ตลอดทางที่ผ่านมาพวกเจ้าไม่เคยเห็นความผิดปกติของหยกก้อนเลยนี้หรือ”

เซียวเซ่อหยางตอบ “หีบถูกปิดไว้ตลอด ก่อนทำการขนย้ายพวกเราแค่เปิดดูผ่านๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้น ในนี้มีหยกมากมาย พวกเราไม่ทันสังเกต”

จิ่วหุนเองก็ไม่ทันสังเกตเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในฐานะนักฆ่าอันดับหนึ่งเขาไม่ขาดเงิน ทั้งไม่ขาดสมบัติ ในสายตาของจิ่วหุนข้าวของพวกนี้ก็แค่สิ่งของ ไม่สามารถปลุกความตื่นเต้นในใจเขาได้สักน้อย ย่อม…คร้านจะใส่ใจรายละเอียดทีละชิ้น

เยี่ยเม่ยถามต่ออีก “หยกชิ้นนี้ มีประโยชน์อะไร”

คราวนี้ลั่วซิงเฉินที่เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา อดใจเอ่ยไม่ไหวกล่าว “ข้าจะเล่าให้ฟังนะ มีคำเล่าขานว่าเมื่อหมื่นปีก่อน มีจอมปีศาจตนหนึ่งทรยศสำนักเทียนจี เขาครอบครองกุญแจลับของสำนักเทียนจีไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือค่ายกลค่ายหนึ่งที่เรียกว่า ‘ค่ายกลยมราชถล่มเทวะ’ ทันทีที่ค่ายกลถูกปลุกขึ้น ภูตผีปีศาจแห่งขุมนรกร่ำร้อง ไม่ว่าสุดยอดฝีมือขนาดไหนก็ไม่อาจเอาชนะได้ คนที่ถูกขังไว้ในค่ายกลก็จะตายในยามสามของคืนนั้น น่าสยดสยองครั่นคร้ามอย่างยิ่ง”

เยี่ยเม่ยเคยได้ยินเรื่องของค่ายกลแสนอัศจรรย์มาบ้าง แต่ว่าของพรรค์นี้เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก

ลั่วซิงเฉินเอ่ยปาก “ได้ยินว่าค่ายกลนี้ หนึ่งร้อยปีจะทำงานครั้งเดียว แต่ว่าตามคำเล่าขาน นอกจากหนึ่งหมื่นปีก่อน ภายหลังก็ไม่มีใครรู้จักวิธีใช้มันอีกเลย”

เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา “ที่ข้าถามคือหยกก้อนนี้”

เจ้าเด็กนี่ตอบนอกเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ

คราวนี้ซินเยว่เยี่ยนก็รับช่วงอธิบายต่อ “ตามที่ได้ยินมา ปีนั้นจอมปีศาจใช้ค่ายกลนี้กักขังยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนไว้ สำนักเทียนจีที่ไม่เคยยุ่งเรื่องภายนอกมาก่อน ได้ยินว่าค่ายกลนี้ถูกใช้ออกก็รีบส่งคนมาช่วย ทว่าหลังจากค่ายกลทำงานแล้ว ต่อให้เป็นคนของสำนักเทียนจีเอง สุดท้ายก็ถูกกักขังไว้ภายในยากออกมาได้ ภายหลังมีคนบอกกับท่านต้นตระกูลหมู่ตึกกู่เยว่ วิธีทำลายค่ายกลนี้มีเพียงทางเดียว นั่นก็คือใช้หยกเทพบรรพกาลทำลายแกนกลางค่ายกลเสีย แต่ของสิ่งนี้เลือกนาย มีแต่เจ้านายที่มันยอมรับเท่านั้นถึงใช้งานมันได้”

“เลือกเจ้านายอย่างไร” เยี่ยเม่ยเกิดความสนใจขึ้นมา

ซินเยว่เยี่ยนตอบ “ง่ายมาก หยดเลือดลงไป หากเลือดซึมเข้าไปได้ก็จะสามารถเชื่อมโยงกับพลังของหยกได้ นั่นก็คือหยกเทพยอมรับเป็นเจ้านาย หากหยกไม่สามารถดูดซึมเลือดเข้าไปได้ เลือดไหลตกลงมา นั่นก็คือไม่รับนาย ได้ยินว่ามียอดคนจำนวนนับไม่ถ้วนในปีนั้นที่ทำการทดสอบ เพียงแต่มีแค่เลือดของท่านต้นตระกูลหมู่ตึกกูเยว่เท่านั้นที่เลือดซึมเข้าไปได้ ดังนั้นค่ายกลนี้ท่านต้นตระกูลจึงเป็นผู้ทำลาย”

ในเวลานี้เองโอวหยางเทาขมวดคิ้ว ถามว่า “ได้ยินว่ากูเยว่จิ่วเทียนต้นตระกูลหมู่ตึกกูเยว่สูญเสียพลังทั้งร่างเพื่อทำลายค่ายกลนี้ ถึงแม้ช่วยเหลือยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนได้ แต่ตัวเขากลับ…”

“ไม่ผิด” ซินเยว่เยี่ยนพยักหน้า “นี่ก็คือค่าตอบแทน ได้ยินว่าหลังจากค่ายกลถูกทำลาย ภูเขาถล่มแผ่นดินแตกแยก ท่านต้นตระกูลกระอักเลือดจบชีวิต หยกชิ้นนี้ตกลงไปในรอยแยกแผ่นดิน หาอย่างไรก็ไม่พบ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมาปรากฏอยู่ที่นี่”

หยกชิ้นนี้สามารถทอแสงสว่างได้เป็นระยะ หากเป็นอย่างตำนานเล่าขานจริง เช่นนี้ก็คือหยกเทพบรรพกาลแล้ว

เซียวเซ่อหยางเองก็เสริมขึ้นอีกว่า “ก็เพราะอย่างนี้เอง หมู่ตึกกูเยว่ถึงเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในยุทธภพ แต่ก็สร้างความอิจฉาริษยาให้กับคนจำนวนไม่น้อย หลังจากท่านต้นตระกูลตายไป หมู่ตึกกูเยว่สูญเสียกำลังอย่างมหันต์ เพราะเหตุนี้พวกคนต่ำช้าจำนวนมากคิดว่าหมู่ตึกกูเยว่ไม่อาจแบกรับตำแหน่งสูงส่งนี้ไว้ได้ ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมาหมู่ตึกกูเยว่ถูกลอบทำลายหลายครั้งหลังจากท่านประมุขรุ่นก่อนถูกทำร้าย ครอบครัวก็ตกตายสิ้น ยามนี้กูเยว่อู๋เหินขึ้นเป็นประมุข มีความสามารถเหนือคน คนอื่นไม่มีใครกล้าก่อกบฏอีก”

เยี่ยเม่ยฟังแล้ว กลับรู้สึกว่าคนในโลกนี้ช่างน่าขันนัก

คนของหมู่ตึกกูเยว่ใช้ชีวิตแลกชีวิตของยอดฝีมือในยุทธภพได้รับความชื่นชม ในขณะเดียวกันก็มีพวกคนต่ำช้าจำนวนไม่น้อยอิจฉา ซ้ำยังต้องการทำลายคนของหมู่ตึกกูเยว่ พวกจิ้งจอกตาขาวก็ทำได้แค่นี้เท่านั้นเอง

ซินเยว่เยี่ยนฟังแล้วก็หัวเราะเย็นชา “ก็แค่คิดว่าหมู่ตึกกูเยว่ขวางทางพวกเขาเท่านั้น หากไม่มีหมู่ตึกกูเยว่ พวกเขาก็จะได้นั่งตำแหน่งเจ้ายุทธภพ หาได้รู้เลยว่าจะอู๋เหินก็ดี หรือว่าท่านพ่อบุญธรรมก็ช่าง พวกเขาต่างก็ไม่สนใจตำแหน่งเจ้ายุทธภพนั่นเลยสักน้อย”

เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ ความสัมพันธ์ของหยกชิ้นนี้กับหมู่ตึกกูเยว่และค่ายกลยมราชถล่มเทวะก็อธิบายจนชัดเจนแล้ว

เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เอ่ยนิ่งๆ ว่า “ไม่อย่างนั้นให้ข้าลองดูหน่อยว่ามันจะยอมรับข้าเป็นเจ้านายหรือเปล่า”

“นี่ก็ไม่เลวนะ” โอวหยางเทาพยักหน้าติดๆ

เมื่อได้ยินว่าเจ้าของสิ่งนี้เลือกเจ้านาย แต่ไหนแต่ไรมาทุกคนต่างก็ไม่เคยเห็น ดังนั้นลองดูสักหน่อยก็ไม่เลว เยี่ยเม่ยมีความสามารถโดดเด่น ไม่แน่ว่าเจ้าหยกชิ้นนี้จะเลือกนางเป็นเจ้านายจริงๆ ก็ได้

ซินเยว่เยี่ยนก็พยักหน้าเช่นกัน เอ่ยว่า “ลองดูได้”

ถึงในตำนานหยกชิ้นนี้จะเป็นของหมู่ตึกกูเยว่ แต่ตำนานก็เป็นตำนาน ไม่อาจให้ตำนานหมื่นปีที่แล้วที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จเป็นเหตุให้เยี่ยเม่ยต้องมอบหยกชิ้นนี้คืนหมู่ตึกกูเยว่

อีกอย่างท่านต้นตระกูลก็มิได้เป็นเจ้าของหยกชิ้นนี้มาตั้งแต่แรก

แต่เพราะคนจำนวนหลายหมื่นคนถูกกักขังไว้ในค่ายกล คนสำนักเทียนจีนำหยกก้อนนี้ออกมา เจ้าหยกนี้เลือกนาย ท่านต้นตระกูลจึงสามารถใช้งานมันได้ ดังนั้นยามซินเยว่เยี่ยนเห็นมัน ก็ไม่คิดจะนำกลับไปเป็นของหมู่ตึกกูเยว่

เยี่ยเม่ยหยิบมีดสั้นออกมา ปาดที่ปลายนิ้วตัวเอง

ไม่ช้าเลือดสดหยดลงมาร่วงไปที่หยก คนทั้งหลายกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิเฝ้ารอดูการตอบสนองของหยก

ถัดมาทุกคนเห็นหยกชิ้นนั้นทอประกายแสงเรืองรอง คนทั้งหมดล้วนตื่นเต้น

หรือว่าที่หยกเทพบรรพกาลปรากฏอยู่ที่นี่จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญกัน เป็นเพราะมันเลือกเยี่ยเม่ยเป็นเจ้านาย ถึงได้มาปรากฏอยู่ที่แห่งนี้ แม้กระทั่งคนที่ค่อนข้างเก็บตัวอย่างจิ่วหุน ยังอดเหลือบมองดูไม่ได้

จากนั้น แสงนั้นก็เปล่งกระจายออกไป

สายตาทุกคนต่างจับจ้องอย่างจริงจังเป็นทวีคูณ กลัวว่าตัวเองจะพลาดรายละเอียดเล็กน้อย จับจ้องปฏิกิริยาของหยกก้อนนั้นด้วยความระวัง

ต่อมาพวกเขาเห็นเลือดของเยี่ยเม่ยค่อยๆ เคลื่อนไปตามลายเส้นบนหยก คล้ายกับต่างฝ่ายต่างหยั่งเชิงดูว่าจะหลอมรวมได้หรือไม่

จากนั้นในที่สุดรอยเลือดก็เริ่มเปลี่ยนแปลง…