“ความจริงเมื่อกี้นี้ พวกเราสามคนรวมพลังกันฆ่าหลี่ชิวสุ่ยไปก็ได้ จะได้ไม่ปล่อยให้เธอไปป่วนยุทธภพอีก!”
“ไม่ทันไรความสามารถของหลี่ชิวสุ่ยก็พัฒนาขึ้นมาก เกือบจะเพิ่มขึ้นหนึ่งขอบเขต เหลือเชื่อจริงๆ”
“ฝ่ามือสลายกระดูกเข้าสู่ขอบเขตมารแล้ว…” ตงฟางเมิ่งพูดพลางส่ายหน้า
“เข้าสู่ขอบเขตมารเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
ขณะนั้นเอง ตงฟางเมิ่งยังไม่ทันพูด เถียนปอกวงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปากด้วยความแปลกใจ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง “เข้าสู่ขอบเขตมารแล้วเหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะมีอวิชชาแบบนี้อยู่จริงๆ ฝ่ามือสลายกระดูกลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ไม่รู้ว่าหลังจากฝึกถึงขั้นสิบแล้ว ความสามารถจะแข็งแกร่งขนาดไหน!”
“ถ้าฝึกจนถึงขั้นสิบจริงๆ ก็เป็นมารแล้ว ไม่รับรู้ตัวตน สัญชาตญาณถูกกลืนกิน ถูกความปรารถนาในการฆ่าฟันควบคุมอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นถึงได้เรียกว่าเข้าสู่ขอบเขตมาร ความจริงก็คือละทิ้งตัวตน ถูกความคิดชั่วร้ายควบคุม ชั่วชีวิตมีแค่การฆ่าฟัน ต่อให้เป็นครอบครัวหรือมิตรสหายก็จะฆ่าไม่เลี้ยง ชั่วชีวิตมีแต่การฆ่าจนกว่าจะดับดิ้น!”
ในดวงตาของตงฟางเมิ่งเต็มไปด้วยความกังวล เธอเป็นห่วงหลี่ชิวสุ่ยซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเอง นี่ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะสะท้อนใจ แม้ตงฟางเมิ่งจะเย็นชาจนเปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็ง เข้าหาไม่ง่าย ดูไม่น่าคบค้าสมาคม แต่กลับมีจิตใจดีมาก
“เพื่อฆ่าพวกเราหลี่ชิวสุ่ยถึงกับไม่เสียดายที่จะเข้าสู่ขอบเขตมาร ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว แบบนี้จะช้าจะเร็วก็ต้องกลายเป็นมารที่แท้จริง!” เถียนปอกวงเอ่ยปาก
พลั่ก!
ในตอนที่เถียนปอกวงเพิ่งจะพูดจบ ตงฟางเมิ่งก็ตบฝ่ามือออกไป พลังภายในไหวกระเพื่อม ไม่เหมือนกับกำลังล้อเล่นหรือทดสอบ เธอใช้พลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยกออกมา ต้องการตบเถียนปอกวงให้ตาย
ตู้ม!
เถียนปอกวงเองก็คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะลงมือกะทันหัน ทำได้แค่ซัดฝ่ามือเข้าไปต้านรับ เกิดเสียงดังสนั่น เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งต่างถอยไปคนละก้าว สีหน้าของตงฟางเมิ่งเคร่งเครียด ดวงตาทั้งสองเจือไปด้วยประกายฆ่าฟัน มือเล็กแบบบางคละเคล้าไปด้วยพลังภาย ใน โจมตีไปยังเถียนปอกวงไม่หยุด
เย่เทียนเฉินมองดูจนตกตะลึง ยังไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมา เถียนปอกวงกับตงฟางเมิ่งก็สู้กันแล้ว ถ้าพูดถึงความสามารถในการบ่มเพาะ หลังจากที่ตงฟางเมิ่งฝึกฝนเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกแล้ว แม้จะยังฝึกไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แต่ก็เรียนรู้ไปมาก ขอบเขตการบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น มากเพียงพอที่จะสู้สูสีกับหลี่ชิวสุ่ย เพียงแต่หลี่ชิวสุ่ยฝืนเข้าสู่ขอบเขตมารแล้ว ไม่เสียดายที่จะใช้สติรับรู้ของตัวเองไปแลกเปลี่ยน ทำให้ความสามารถของตัวเองยกระดับขึ้นหนึ่งขอบเขต นี่น่าหวาดกลัวมากจริงๆ ดังนั้นจึงทำได้แค่หลีกเลี่ยงในการสู้กับพลังอันแข็งแกร่งของศัตรู มิฉะนั้นตงฟางเมิ่งต้องสู้กับหลี่ชิวสุ่ยแน่
ตอนนี้ทั้งสองมีขอบเขตการบ่มเพาะอยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นต้นเช่นเดียวกัน เมื่อต่อสู้กันขึ้นมายังน่ากลัวยิ่งกว่าการต่อสู้ของคนที่มีพลังบ่มเพาะสูงกับคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำเสียอีก ฝ่ามือของตงฟางเมิ่งโจมตีไปยังศีรษะของเถียนปอกวง พลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งหาใดเปรียบ แต่เถียนปอกวงนั้นเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาเทพท่อง ดาบผ่าฟืนในมือขวาก็ไม่ได้ถือไว้ประดับเล่น หลายครั้งที่ปราณดาบเกือบจะฟันถูกตงฟางเมิ่งแล้ว
ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินทะยานเข้าไปในพริบตา ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างตงฟางเมิ่งและเถียนปอกวง เขาย่อมไม่อาจเห็นคนทั้งสองสู้กันจนตาย ระหว่างพวกเขามีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ถ้าไม่อธิบายให้ดีจะต้องสู้กันจนกว่าจะตายไปข้าง ไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน!
ฉัวะ! เถียนปอกวงฟาดฟันดาบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนที่เขามองเห็นชัดเจนว่าเย่เทียนเฉินยืนขวางอยู่เบื้องหน้าตงฟางเมิ่งจึงรู้สึกตื่นตระหนัก ทำได้เพียงเบี่ยงปลายกระบี่ไปบริเวณศีรษะของเย่เทียนเฉิน ฟาดฟันเฉียดหัวของเย่เทียนเฉินไป
เพี๊ยะ! ตงฟางเมิ่งเองก็ตบฝ่ามือลงไป คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะไม่กลัวตาย ถึงกับมายืนขวางอยู่เบื้องหน้าเธอเพื่อเถียนปอกวงคนนั้น เธอจึงทำได้เพียงสลายฝ่ามือไปอย่างรวดเร็ว ตบลงไปบนแก้มขวาของเย่เทียนเฉินโดยที่พลังภายในสลายไปแล้ว
บนหน้าผากของเย่เทียนเฉินมีเหงื่อเย็นซึมออกมา ดาบของเถียนปอกวงฟันเฉียดหัวไปนิดเดียวจนเขาเห็นผมของตัวเองร่วงลงไปอย่างชัดเจน นี่ถ้าฟันถูกศีรษะเขาคงต้องหัวขาดแน่นอน ส่วนฝ่ามือของตงฟางเมิ่งก็ตบมาที่แก้มขวาจนรู้สึกเจ็บ มีเลือดไหลออกมาจากปาก
“เย่เทียนเฉิน นายถึงกับช่วยไอ้โจรชั่วนี่ขวางฉันเชียวเหรอ?” ตงฟางเมิ่งคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินจะเข้าข้างโจรชั่วอย่างเถียนปอกวง รู้สึกโกรธจนพูดอะไรไม่ออก จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะช่วยเจ้าโจรชั่วคนนี้ ทันใดนั้นจึงเอ่ยถามเสียงดัง
“เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดไปหมดแล้ว ตอนนี้ฉันกับพี่เถียนสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว เธอก็เห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกเราเถอะ ทุกคนล้วนเป็นคนกันเอง คนกันเองทั้งนั้น!” เย่เทียนเฉินรีบพูดด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ? นายกับเถียนปอกวงสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว? นาย…”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่งก็โกรธจนแทบจะกระอักเลือด อยากจะเป็นลมไปเสียให้ได้ เย่เทียนเฉินถึงกับสาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวงเลยเหรอ? จะมีคนกล้าทำเรื่องอย่างสาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวงด้วยเหรอ? หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คำว่าเย่เทียนเฉินคงโด่งดังไปทั่วทั้งโลกวรยุทธโบราณในพริบตาแล้ว!
เถียนปอกวงเป็นใครกัน? เป็นมหาโจรชั่วช้า เป็นโจรไร้อยางอาย ทุกคนในโลกวรยุทธโบราณล้วนอยากจะฆ่าเขา มีชีวิตอยู่กับการถูกไล่ฆ่าทั้งวัน ใครจะกล้าเข้าใกล้เขาบ้าง? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครั้งนี้เถียนปอกวงไปหาเรื่องพรรคท่องกระบี่ ไปหยอกล้อลูกสาวของหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ เกือบจะปลุกปล้ำเธอได้สำเร็จอยู่แล้ว เรื่องนี้โด่งดังมาก พรรคท่องกระบี่ทุ่มเทกำลังออกตามล่า ต่อให้ต้องตามไปสุดหล้าฟ้าเขียวก็จะเอาหัวของเถียนปอกวงกลับมาให้ได้ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต้องออกห่างจากเถียนปอกวง ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์หรือไม่มีความสัมพันธ์กันก็ไม่กล้าเข้าใกล้เถียนปอกวงเพราะกลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินพรรคท่องกระบี่ แต่เย่เทียนเฉินคนนี้ดีเสียเหลือเกิน ถึงกับกล้าสาบานเป็นพี่น้องกับเถียนปอกวง มีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วหรือไง? ที่สำคัญที่สุดก็คือ บนโลกใบนี้ คนที่กล้ากราบกรานเป็นพี่น้องกับโจรชั่วคนหนึ่ง เกรงว่าคงมีแค่เย่เทียนเฉินที่กล้าทำ
“เป็นพี่น้องกับฉันเถียนปอกวงแล้วมันยังไง? มีอะไรไม่ถูกหรือไง? ฉันออกจะหล่อเท่ รูปงามล้ำเลิศเหมือนหยก รวมกับมีเพลงดาบว่องไวที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกวรยุทธโบราณและเคล็ดวิชาเทพท่องโดดเดี่ยวใต้หล้า มีพี่น้องอย่างฉันนับเป็นวาสนาครั้งใหญ่แล้ว!” เถียนปอกวงรีบพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
เมื่อเถียนปอกวงพูดคำนี้ออกมา เย่เทียนเฉินรู้สึกทนไม่ได้จนเกือบสำลักลม หากไม่ใช่ว่าไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เขาคิดว่าตัวเองคงคายของในกระเพาะออกมาทั้งหมดแน่นอน เขาเคยเห็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่มีใครหน้าด้านไร้ยางอายถึงขีดสุดเหมือนกับเถียนปอกวง ที่สำคัญก็คือ เย่เทียนเฉินเองก็เป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายมากเหมือนกัน และยังดูพึ่งพาไม่ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเถียนปอกวงที่เป็นโจรชั่วคนหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนอายุเกือบ 40 ปีจะพูดคำพูดไร้อย่างอายแบบนี้ออกมาได้ จินตนาการได้เลยว่า ภายภาคหน้าหากได้อยู่กับพี่ชายคนนี้จะต้องสนุกแน่นอน!
“พี่เถียน ที่ผมสาบานเป็นพี่น้องกับคุณเพราะต่างก็เป็นคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมาเหมือนกัน มีนิสัยคล้ายกัน แต่จะเป็นวาสนาครั้งใหญ่หรือเปล่าผมเองก็ไม่รู้…” เย่เทียนเฉินพูดอย่าหดหู่
“ไอ้หนู…วางใจเถอะ พี่ใหญ่จะสอนเพลงดาบว่องไวและเคล็ดวิชาเทพท่องให้แกเอง ต่อไปพอแกออกไปแล้วก็ทำให้คนของพรรควรยุทธโบราณพวกนั้นได้รู้ว่าแกคือน้องชายของฉันเถียนปอกวง ใครกล้าหาเรื่องแก ฉันจะไปข่มขืนลูกสาวและเมียของมันซะ…ฮ่าๆ!” เมื่อพูดจบเถียนปอกวงก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วช้า
“ช่างเถอะ เพลงดาบว่องไวและเคล็ดวิชาเทพท่องของคุณเป็นสัญลักษณ์ในฐานะโจรชั่วของคุณ ผมไม่เรียนดีกว่า!” เย่เทียนเฉินรีบพูดแล้วส่ายหน้ารัวๆ
ตงฟางเมิ่งจ้องเถียนปอกวงอย่างดุดัน โจรชั่วคนนี้เกือบจะดูหมิ่นตนไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินออกมาจากโลงศพหินได้ทันเวลา ตงฟางเมิ่งคงถูกปลุกปล้ำไปแล้ว ตอนนี้ต้องไม่อยากปล่อยเถียนปอกวงไปแน่นอน อยากซัดคนคนนี้ให้ตายไปซะ แต่เย่เทียนเฉินขวางอยู่ตรงกลาง ที่สำคัญก็คือเจ้าหมอนี่ถึงกลับกลายเป็นพี่น้องของเถียนปอกวงไปแล้ว ทำให้ตงฟางเมิ่งรู้สึกรังเกียจ
“ต่อไปนี้อย่าได้บอกว่ารู้จักฉันอีก นายถึงกับเข้ากันได้ดีกับเถียนปอกวงที่มีชื่อเสียงเหม็นเน่า น่ารังเกียจ!” ตงฟางเมิ่งจ้องไปทางเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างดุดัน
จะให้ตงฟางเมิ่งไม่โกรธได้อย่างไร? แรกเริ่มเดิมทีเธอปิดกั้นหัวใจของตน ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนพังกำแพงเข้ามาในใจเธอได้ จนกระทั่งผ่านประสบการณ์ต่างๆ นานากับเย่เทียนเฉิน ภายหลังยังถูกบีบบังคับจนต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกร่วมกัน มีเรื่องระหว่างชายหญิงขึ้นมาตลอดทาง เย่เทียนเฉินดูผิวเผินเหมือนพึ่งพาไม่ได้และดูเหลาะแหละอยู่บ้าง แต่ความจริงเขาดูแลเธอดีมาก ช่วยเธอทุกครั้งโดยไม่สนใจชีวิตตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เผชิญหน้ากับเถียนปอกวง เย่เทียนเฉินรับมืออยู่นาน รั้งความอันตรายที่สุดไว้กับตัวเอง เดิมทีในใจของตงฟางเมิ่งค่อยๆ เกิดความรู้สึกดีกับเย่เทียนเฉินแล้ว เกิดความรู้สึกบางอย่างแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่จะถึงกับกราบกรานเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเถียนปอกวงที่มีชื่อเสียงเหม็นเน่า เป็นคนน่ารังเกียจ เป็นโจรชั่วช้าที่ไม่มีใครเทียบคนนี้ แบบนั้นเย่เทียนเฉินจะไม่กลายเป็นโจรชั่วด้วยรึไง? ถามหน่อยเถอะ ในฐานะที่เธอเป็นลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณจะไปใกล้ชิดกับเย่เทียนเฉินได้หรือ? เกรงว่าจะถูกพรรคอื่นหัวเราะเยาะจนตาย หรือกระทั่งถูกไล่ฆ่าด้วยซ้ำ
“สาวสวย ความจริงพี่เถียนไม่ได้เหมือนกับที่เธอคิด ต่อให้เขาจะหน้าตาน่าเกลียด ไม่หล่อเท่าฉัน และเจ้าชู้ไปบ้าง แต่เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาคนหนึ่ง ฉันว่าดีกว่าพวกสุภาพบุรุษจอมปลอมในพรรควรยุทธโบราณพวกนั้นมาก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันไม่รู้จักนายเย่เทียนเฉิน ส่วนนายเถียนปอกวง ฉันจะต้องฆ่านายแน่!” ตงฟางเมิ่งแค่นเสียงเย็นแล้วพูดขึ้น
ในตอนนี้เถียนปอกวงชะงักไป สะพายดาบผ่าฟืนในมือไว้ที่หลัง จากนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้หินด้านข้าง ตอนนี้พวกเย่เทียนเฉินทั้งสามอยู่ในห้องหินแห่งหนึ่งเพื่อซ่อนตัวชั่วคราว ในห้องนี้ นอกจากโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสตัวหนึ่งและเก้าอี้หินก็ไม่มีของอย่างอื่นอยู่อีก
“ฉันเถียนปอกวงเป็นพวกเจ้าชู้ลามก แต่ไม่ใช่ปีศาจที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่ฉันฆ่าข่มขืนก็เป็นพวกใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต มีนิสัยเหมือนงูพิษ ถ้าพวกเธอไม่ตาย ฉันคิดว่าคงมีคนบริสุทธิ์จำนวนมากที่ต้องถูกทำร้าย ยิ่งไปกว่านั้น ในหมู่ผู้หญิงที่ฉันข่มขืน ถ้าไม่ใช่พวกโฉดชั่วที่ต้องฆ่าให้ได้ ฉันเถียนปอกวงจะไม่เอาชีวิต พรรคสุสานโบราณของพวกเธอปิดกั้นตัวเองมาโดยตลอด จะเข้าใจเรื่องยุทธภพมากน้อยแค่ไหนกันเชียว? บนโลกใบนี้มีเรื่องมากมายที่ต่อให้ได้เห็นกับตาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่!” เถียนปอกวงพลันมีท่าทีสมเพชและรังเกียจแผ่ออกมา มองไปยังตงฟางเมิ่งและเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจังหาใดเปรียบ
…………………………