แดนนิรมิตเทพ บทที่ 347
ผู้นำทั้งสี่ตระกูลพาพวกลูกน้องเผชิญหน้ากับเฉินโม่ที่สนามหญ้านอกห้องโถง

“แกเป็นใคร?” ผู้นำตระกูลเหลียนคนใหม่ถาม

เฉินโม่สีหน้าเย็นชา “พวกแกไม่คู่ควรี่จะได้รับรู้ วันนี้ทุกคนที่นี่ ล้วนต้องตาย!”

เฉินโม่ปล่อยมือเอียนชิงเฉิงและเวินฉิง ปล่อยหมัดสู่ฟ้า

“ท่าที่สามของหมัดเทพเทียนเสวียน ปราบฟ้าดิน!”

พลังมหาศาลขับเคลื่อนชี่ฟ้าดินในละแวก เหมือนดั่งภูเขาขนาดใหญ่ถล่มทลาย

พรึ่บ…..

นอกจากเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงแล้ว ทุกคนในสนามหญ้าล้วนถูกแรงกดดันที่ไม่มีตัวตนทับถม นอกจากผู้นำทั้งสี่ตระกูลได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว คนอื่นๆล้วนถูกกดทับจนกระดูกแหลกละเอียด ตายอนาถคาที่

หมัดเดียวฆ่าทุกคน!

ผู้นำทั้งสี่ตระกูลทั้งโมโหและตกใจหวาดกลัว

“แกเป็นใคร? พวกฉันมีความแค้นอะไรกับแก? ทำไมต้องทำร้ายกันเช่นนี้!”

ภายในกลุ่มคนที่ตายไป รวมพวกลูกหลานของแต่ละตระกูลอยู่ด้วย ยังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ถูกชายหนุ่มที่แปลกประหลาดคนนี้ปล่อยหมัดฆ่าตายแล้ว ขณะเดียวกันกับที่ผู้นำแต่ละคนหวาดกลัว ก็ยังมีความโมโหโกรธเคืองอย่างหนักรวมอยู่ด้วย

“พวกแกกล้าแตะต้องครอบครัวของฉัน แต่กลับไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร?”

ทุกคนเข้าใจในทันที เฉินโม่มาแก้แค้นให้กับสองสาวที่ถูกจับตัวมา

“สิ่งนั้นเจ้าสำนักน้อยเป็นคนทำ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา!” ผู้นำตระกูลยิงคนใหม่ตะโกนว่าถูกใส่ร้ายเข้าใจผิด

อีกสามคนที่เหลือเองก็รีบสมทบ

“เจ้าสำนักน้อยของพวกแกตายไปแล้ว ตอนนี้ถึงคิวของพวกแกแล้ว!” เฉินโม่ไม่มีความคิดที่จะเมตตากรุณาสักนิด แม้จะฆ่าคนพวกนี้ให้หมดไป ก็ไม่สามารถดับความโกรธแค้นในใจของเขาได้

“ไม่นะ!ได้โปรดไว้ชีวิตด้วยครับ!พวกเราเองก็ถูกบังคับไร้หนทางเช่นกัน!” ผู้นำตระกูลยิงคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิต

ความน่าเกรงขามหนึ่งหมัดของเฉินโม่เมื่อกี้นี้ พวกเขาได้รับบทเรียนแล้ว รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินโม่ จึงทำได้แค่คุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเท่านั้น

เฉินโม่โบกมือ ไม่มีความเมตตาใดๆ แล้วทั้งสี่คนก็ถูกตัดหัวทิ้งในทันที

“ฉันเคยบอกแล้ว ว่าทุกคนที่นี่ในวันนี้ อย่าได้คิดจะรอดชีวิตไปแม้แต่คนเดียว” เฉินโม่น้ำเสียงเย็นชา ไม่มีความรู้สึกใดๆปะปนสักนิด

เฉินโม่พาเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงที่มีสีหน้าตกตะลึง ไล่ตามหาผู้คนในสนามต่อไป ไม่คิดปล่อยไปแม้แต่คนเดียว

ขณะเดียวกัน เฉินโม่ก็กวาดหาสินทรัพย์ต่างๆที่เจ้าสำนักน้อยและสี่ตระกูลรวบรวมกันมาในหลายปีนี้ไปจนหมด และได้ถูกเขาพบเห็นสิ่งมีค่าบางอย่างจริงๆ

เช่นนี้ถึงจะเป็นวิธีการของผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพอย่างแท้จริง!

ภายในเต็นท์ที่ตั้งขึ้นชั่วคราว นายอำเภอเหมยยังนั่งปรึกษาหารือวิธีการช่วยเหลือเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงอยู่กับเฉินจิงเย่และนายพันหวาง ทันใดนั้นก็มีทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามา

“รายงานครับ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่าเฉินโม่ พาตัวประกันที่ถูกจับไปมารออยู่ที่ด้านนอกฐานทัพครับ”

หลี่ซู่เฟินดีใจ “เสี่ยวโม่กลับมาแล้ว!”

จากนั้นหลี่ซู่เฟินก็นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป แล้วก็ตกตะลึงขึ้นมา “อะไรนะ เขาช่วยทั้งสองคนออกมาแล้วงั้นหรอ!”

“ใช่ครับ!” ทหารตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย

นายอำเภอเหมยดีใจ “ดีจริงๆ หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย รีบออกไปต้อนรับคุณเฉินกันครับ!”

ด้านนอกฐานทัพ ฐานทัพทหารพร้อมรบ มีปากกระบอกปืนมากมายเล็งมาที่เฉินโม่

แต่เฉินโม่มาพร้อมกับสองสาวสวยงามด้วยสีหน้าเฉยชาไม่แยแส ไม่วางปืนพวกนั้นไว้ในสายตาเลยสักนิด

นายอำเภอเหมยวิ่งเร็วที่สุด มองเห็นเฉินโม่ในทันที พูดอย่างดีใจว่า “คุณเฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมา พวกหล่อนไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

เฉินโม่รู้ว่าที่ครั้งนี้สามารถเคลื่อนย้ายกองทัพทหารมาช่วยเหลือพวกเวินฉิงทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือจากนายอำเภอเหมย

จึงพักหน้าให้กับนายอำเภอเหมย “ไม่มีอันตรายอะไร!ครั้งนี้ลำบากนายอำเภอเหมยด้วย บุญคุณในครั้งนี้ ฉันจดจำไว้แล้ว!”

นายอำเภอเหมยยังกังวลว่าเฉินโม่จะกล่าวโทษเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกโล่งใจในทันที “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ บุญคุณไม่บุญคุณอะไรพวกนี้ก็ไม่ต้องไปพูดถึงหรอกครับ”

เฉินจิงเย่ถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวโม่ นายเข้าไปช่วยพวกเธอออกมาด้วยตัวคนเดียวงั้นหรอ? แล้วโจรพวกนั้นละ?”

เฉินโม่พูดนิ่งๆว่า “ตายหมดแล้วครับ!”