บทที่ 313
ลู่ฝานยิ้มแหย ทำได้เพียงรับมือด้วยการพยักหน้าไป

นักเรียนคณะกำแหงพวกนี้ มีความเป็นกันเองมาก แม้พวกเขาจะหยาบคาย แต่ก็มีความจริงใจ เป็นชายอย่างแท้จริง แน่นอนว่าผู้หญิงก็นับว่าเป็นหญิงแกร่ง

กว่าจะรับมือคนพวกนี้เสร็จไม่ง่ายเลย คิดไม่ถึงว่าเฉียวเซวียนจะมาด้วย

ใบหน้ายังซีดอยู่เล็กน้อย เฉียวเซวียนหัวเราะอย่างมีพลังไม่กี่ครั้ง เข้ามายกชามเหล้าขนาดใหญ่กับลู่ฝาน แล้วพูดว่า “ลู่ฝาน มาชนแก้วกัน การต่อสู้วันนี้มีความสุขจริงๆ”

ลู่ฝานก็ยกชามเหล้าแล้วพูดว่า “เชิญครับศิษย์พี่เฉียวเซวียน”

“เชิญ!”

ทั้งสองดื่มรวดเดียวจนหมด จู่ๆ เฉียวเซวียนพูดกับลู่ฝานเสียงเบาว่า “ลู่ฝาน ไปหลังคณะหลังจบงานเลี้ยง อาจารย์อยากเจอนาย”

ลู่ฝานจิตใจวูบไหว อาจารย์ที่เฉียวเซวียนพูดถึง แน่นอนว่าคงเป็นอาจารย์เซินถูคณะกำแหง

แม้ลู่ฝานไม่รู้ว่าอาจารย์เซินถูต้องการเจอเขาเพราะอะไร แต่คงไม่ใช่เรื่องร้าย จึงพยักหน้าเบาๆ

เฉียวเซวียนพูดจบก็หัวเราะเบาๆ พูดเสียงดังว่า “ลู่ฝาน ครั้งหน้ารอแผลฉันหายก่อน ต้องสู้กับนายอีกครั้งแน่นอน”

ลู่ฝานประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ เฉียวเซวียนเดินออกไป

เมื่อเฉียวเซวียนเพิ่งเดินออกไปอีกด้าน มีคนที่ลู่ฝานไม่ค่อยรู้จักเดินเข้ามา

ผู้ชายหน้าตาโดดเด่น ดูผอมเล็กน้อย สีหน้าดูซีดเล็กน้อย เดินเข้ามาทางลู่ฝาน

ในมือเขามีชามเล็กๆ ในนั้นมีเหล้าเพียงครึ่งหนึ่ง

เขาเอาชามเล็กๆ มาดื่มยินดีกับลู่ฝาน ในงานเลี้ยงที่ดื่มเหล้ากันชามใหญ่แบบนี้ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะจากนักเรียนคณะกำแหงไม่น้อย

แต่คนคนนี้ไม่สนใจสักนิด เดินมาหน้าลู่ฝานแล้วยิ้ม “ฉันคือหลัวตานคณะฟ้าร้อง ศิษย์น้องลู่ฝานดื่มสักแก้วสิ”

เมื่อได้ยินคำว่าหลัวตาน เสียงบริเวณรอบๆ เบาลง

หลัวตานคณะฟ้าร้อง! ชื่อนี้มีอิทธิพลในสถาบันสอนวิชาบู๊ในช่วงนี้

คณะฟ้าร้องเป็นเป้าหมายต่อไป ที่คณะหนึ่งเดียวจะท้าประลอง อีกทั้งหลัวตานเป็นศัตรูที่พวกลู่ฝานจะรับมือยากที่สุด

ลู่ฝานยกยิ้มมุมปาก จ้องไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของหลัวตาน

ดวงตาของนักบู๊ สามารถบอกแดนผลการฝึกตนได้ ที่เรียกว่าดวงตาสะท้อนระดับขั้น ดูว่าคนคนหนึ่งแข็งแกร่งโดดเด่นหรือไม่ผ่านดวงตาคนนั้น

ดวงตาทั้งสองข้างของหลัวตานนิ่งสงบ ไม่วูบไหว ทำให้ลู่ฝานแอบพยักหน้า

ได้ยินว่าวิชาของคณะฟ้าร้อง ฝึกการโจมตีเป็นหลัก ต้องฆ่าด้วยการโจมตีเดียว วิชาบู๊ระดับนี้ ต้องโดดเด่นจนน่าตกใจแน่นอน ดวงตาเหมือนกระบี่ คิ้วเหมือนดาบ แต่หลัวตานนิ่งขนาดนี้ ต้องฝึกจนถึงอีกระดับแน่นอน

ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของวิชาบู๊พอดี

ทั้งสองคนชนชามกันเบาๆ แล้วดื่มรวดเดียวจนหมด

หลัวตานเช็ดคราบเหล้ามุมปาก แล้วยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มของเขาประหลาดมาก เหมือนซีกหน้าด้านหนึ่งพิการ ขยับมุมปากได้เพียงข้างเดียว

“ได้ยินว่านายไปคณะศิงขรเพียงคนเดียว งั้นรอให้นายไปคณะฟ้าร้อง สู้กับฉันเพียงคนเดียว เป็นไง”

เมื่อพูดออกมา ทุกคนพากันเงียบ มองมาทางนี้อย่างตะลึง

ท้ารบ!

หลัวตานเป็นฝ่ายท้ารบลู่ฝาน!

คณะหนึ่งเดียวกับคณะฟ้าร้องสู้ตัดสินแพ้ชนะเหรอ

ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ “เรื่องนี้ผมตัดสินใจไม่ได้หรอก ต้องถามพวกศิษย์พี่ก่อนว่าจะตกลงหรือเปล่า”

ลู่ฝานเพิ่งพูดจบ หานเฟิงและคนอื่นโบกมือไปมา “ฉันไม่สู้แล้ว เหนื่อยจะตาย ศิษย์น้องลู่ฝานจัดการเองเลย”

ฉู่สิงกัดน่องไก่พูดแบบไม่ชัดว่า “ใช่ นายสู้เองเลย”

ฉู่เทียนพูดว่า “สู้รอบเดียวก็รอบเดียว ฉันว่าโอเคนะ”

ศิษย์พี่ใหญ่โบกขาหมูในมือใส่ลู่ฝาน

ลู่ฝานมีสีหน้าเหนื่อยใจ