ล้างมลทิน

 

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง! แม้สุกรอ้วนนางนั้นจะต่ำทราม แต่เย่หยวนก็ต่ำทรามยิ่งกว่า!”

 

“ยิ่งคิดยิ่งถูกต้อง! ข้าเองก็เคยได้ยิน ถึงสุกรอ้วนนี่จะชอบกดขี่ข่มเหงคนอย่างไร แต่นางก็รักเหลียวหวางหรูดั่งลูกในไส้!”

 

“เรื่องแม้เลี้ยงกับลูกติดที่ไม่ค่อยถูกกัน ล้วนปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในครอบครัว หากเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องนี้ช่างสมเหตุสมผลยิ่งนัก!”

 

“เหลียงหวางหรูหลงผิดยังพอสำเนา แต่ไอ้ชาติชั่วนั้นมันใจกล้าถึงขั้นลักพาตัวออกมา! ช่างเป็นสาวน้อยที่น่าสงสารนัก!”

 

“อาคันตุกะนักหลอมโอสถบัดซบนั้น จะไปรักษาพิษได้อย่างไร? ทั้งหมดเป็นเพียงคำหลอกลวง!”

 

“รักษาบิดามันเถอะ! พิษขนวิหคพันราตรีของตระกูลหวัง น่ากลัวเกินพรรณนา ไม่มีใครสามารถถอนพิษออกได้ แล้วไอ้พิการนั้นหรือจะมีปัญญา? คนปัญญาอ่อนยังไม่เชื่อเลยกระมัง?”

 

……………….

 

แผนการของหวังเพียนหลาน นางได้เตรียมการมานานแล้ว ในเวลานี้ถึงคราวแสดงฉากใหญ่จึงไร้ที่ติ

นางหาได้ซุกซ่อนสันดาน‘แม่ใจร้าย’แม้สักนิด แต่หยิบยกประเด็นแม่เลี้ยงกับลูกติดมากล่าวถึงแทน ซึ่งนี่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ชื่อเสียงวีรกรรมต่างๆของนางจะแพร่กระจายไปทั่วเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางมีความสำคัญต่อตระกูลเหลียงขนาดไหน

ดังนั้นข้ออ้างนี้จึงทีน้ำหนักความน่าเชื่อถือทันที

 

แน่นอน ด้วยสติปัญญาของนางเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางคิดแผนการอันไร้ที่ติเช่นนี้ออกมาได้

กลับเป็นหวังหลินโปที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

 

เมื่อเห็นปฎิกิริยาของทุกคนที่เปลี่ยนผัน หวังเพียนหลินพลันลอบยิ้มดีใจพลางชื่นชมพี่ชายตัวเองอย่างลับๆ

ด้วยการเคลื่อนไหวในครานี้ ทั้งเย่หยวนและหอมหาสมบัติจะกลายเป็นฆาตกรทันที!

 

เผชิญหน้าต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆของทุกคน ซูหลิงปู้สีหน้ามืดทมิฬน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ แต่ภายในใจพลันรู้สึกจ๊กจี้กระตุกเส้นฮาแทบขำลั่นออกมา

 

“เลิกปิดบังผู้คนได้แล้ว! ยิ่งพวกเจ้าทำเช่นนี้ ทุกคนก็ยิ่งตาสว่าง!”

 

ทันทีทันใด ซูหลิงปู้ระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น และกล่าวว่า

“หวังเพียนหลาน เลิกเล่นละครได้แล้ว! แท้ที่จริง แม่นางหวางหรูหายเป็นปกตินานแล้ว! แต่นางผิดหวังกับตระกูลเหลียงของพวกเจ้ายิ่งกว่าอะไร และนางจะไม่มีวันกลับตระกูลเหลียงอีก! พวกเจ้ากลับไปซะ! หากถึงขั้นที่ต้องลงมือ เกรงว่าไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์!”

 

ยิ่งซูหลิงปู้กล่าวเช่นนี้ หวังเพียนหลานยิ่งรู้สึกดีใจเข้าไปใหญ่

เหล่าฝูงชนโดยรอบเห็นพ้องต้องกัน ฝ่ายหอมหาสมบัติกำลังปั้นน้ำเป็นตัว

แต่นี่ก็มิอาจตำหนิผู้คนได้เช่นกัน ตระกูลหวังเชี่ยวชาญด้านพิษ และพิษขนวิหคพันราตรีก็เป็นถึงผลงานชิ้นเอกของตระกูล ความน่ากลัวของมันสลักจารึกลงในใจของทุกคนลึกเกินไป

พวกเขาไม่เชื่อโดนสิ้นเชิง หอหมาสมบัติไม่มีทางถอนพิษนั้นได้แน่

 

“ซูหลิงปู้ อย่าผลักไสข้าไปมากกว่านี้! ข้าอยากจะเห็นเสียจริง นางยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว! หวางหรูเป็นลูกสาวของข้า นางเป็นคนของตระกูลเหลียง! แล้วหอมหาสมบัตเกี่ยวข้องอย่างไรกับนาง? ทุกคนว่ามั้ย?”

หวังเพียนหลานกล่าวถามทุนคน

 

“ถูกต้อง! นอกจากหอมหาสมบัติจะสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกร ยังจะไม่ยอมส่งมอบศพของคนอื่นอีก! บัดซบโดยแท้!”

 

“ในเวลานี้ หอมหาสมบัติยังกล่าวลำพองตัวถือดี?”

 

“ส่งมอบศพออกมา! ส่งมอบศพออกมา!”

 

 

………………….

 

 

ชั่วขณะนั้นเอง ยามที่เหล่าฝูงชนลุกฮือทวงความเป็นธรรม

ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้ที่อยู่ตรงข้ามหอมหาสมบัติ ชายวัยกลางคนทั้งสองกำลังนั่งจิบชาอยู่

“หลู่จินห่าว ข้าทราบดี วันนี้เจ้าไม่มีทางพลาดละครฉากใหญ่นี้แน่นอน หึหึ…ช่างดีงามนัก!”

ชายคนหนึ่งเอ่ยปากกล่าว

 

หลู่จินห่าวยิ้มกล่าวตอบ

“หวังหลินโปคนนี้ ทั้งเจ้าและข้าต่างรู้จักมันดียามมันเคลื่อนไหว พวกเราห้ามเคลื่อนไหว ยามมันลงมือ ต้องมีหลั่งเลือด!”

ชายสองคนนี้หาใช่ใครอื่นนอกจากประมุขตระกูลใหญ่ทั้งสอง ตระกูลหลู่,หลู่จินห่าว และตระกูลหลิน,หลินซือเทียน

 

“หวังหลินโปวางแผนได้แนบเนียนมิดชิดดีจริงๆ คราวนี้หอมหาสมบัติถึงคราวล้มสลายจริงๆ!”

หลินซือเทียนกล่าวต่อ

 

“แผนการของหยางรุยไม่จำต้องกล่าวอะไรมากนัก แต่สิ่งเดียวที่ข้าสงสัยคือ ไฉนมันถึงตัดสินใจพลาด เข้าช่วยเหลือเด็กพิการนั้น?”

หลู่จินห่าวกล่าวถามด้วยความสงสัย

 

“ไม่มีใครทราบเรื่องนี้! แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ย่อมนำไปสู่ความล้มจมในท้ายที่สุด คราวนี้หอมหาสมบัติล้มสลาย ศัตรูตัวฉกาจจของเราหายไปแล้วหนึ่ง”

หลินซือเทียนกล่าว

 

“เห้ออ… ยามที่หอมหาสมบัติล้มสลายไป เจ้ากับข้าต้องระวังเป็นเท่าตัว หลินหวังโปผู้นี้มีความทะเยอทะยานไม่เล็กเลย!”

หลู่จินห่าวกล่าว

 

หลินซือเทียนพยักหน้า เบื้องลึกภายในใจพลันรู้สึกไม่ต่างกัน

 

 

………………..

 

 

ในขณะเดียวกัน รอยยิ้มประหลาดพลันกดลึกบนใบหน้าของซูหลิงปู้

ทันใดนั้นเอง เขาพลันถอนหายใจเสียงยาว ก่อนกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า

“พิษที่ตกค้างภายในร่างของแม่นางหวางหรูยังขับไม่หมดดี ยังต้องพักฟื้นอีกสักพัก แต่ในเมื่อเจ้าเห่าหอนไม่หยุดเช่นนี้ ข้าคงต้องเชิญนางออกมาให้ประจักษ์แก่ทุกสายตา แม่นางหวางหรูออกมา!”

คำกล่าวนี้ของซูหลินปู้ทำเอาทุกคนปิดปากเงียบในบัดดล

พวกเขากังขาสงสัยยิ่ง สิ่งที่ซูหลิงปู้กล่าวไปเป็นเพียงคำพร่ามไร้สาระหรือไม่

 

“ซูหลิงปู้ หน้าด้านไร้ยางอาย! ประวิงเวลาเล็กน้อยกลับเปล่าประโยชน์!”

นางตะโกนสุดเสียงด้วยความเย้ยหยันสุดใจ

นางไม่เชื่อว่า วันนี้นางจะถูกหักหน้าจนตาย เพราะสุดท้ายนี้ หอมหาสมบัติไม่มีวันชุบชีวิตเหลียงหวางหรูให้ออกมาเผยโฉมต่อหน้าต่อตาได้แน่นอน

 

ซูหลิงปู้ระเบิดหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนกล่าวว่า

“ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งออกตัวจนกว่าเห็นสิ่งใดแท้ปลอม!”

เสี้ยวอึดใจต่อมา ปรากฏอิสตรีงามสองร่างค่อยๆเดินออกมาจากภายในหอมหาสมบัติ

 

หงหยิงประคองร่างบางของเหลียงหวางหรูออกมา สภาพโดยรวมในปัจจุบันของนางยังดูไม่ดีนัก แต่นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ซูหลิงปู้หาได้กล่าววาจาไร้สาระไม่

 

หวังเพียนหลานขยี้ตาแทบหลุด ด้วยความกังขาสุดใจ สายตาของนางมีปัญหาจริงๆแล้วหรือไม่!

 

แต่ไม่ว่าจะเพ่งอย่างไร ตรงหน้านางนี้ยังเป็นใครได้อีกนอกเสียจาก เหลียงหวางหรู!

 

“นั้น…นั้นมันเหลียงหวางหรูจริงๆ! นาง…นางยังไม่ตาย!”

 

“สายตาของข้ามิได้มีปัญหาใช่ไหม? พวกเขาสามารถถอนพิษขนวิหคพันราตีได้จริงๆ?!”

 

“สวรรค์! หอมหาสมบัติทำได้อย่างไรกัน? นี่…ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

 

 

…………………

 

 

การปรากฏตัวสู่สายตาสาธารณะชนของเหลียงหวางหรู ต่างปลุกกระตุ้นฝูงชนยกใหญ่

ยามก่อนหน้าทุกคนล้วนคิดว่านางได้ตายลงไปแล้ว ทว่าตอนนี้กลับยืนอยู่ต่อหน้าต่อตา นางยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!

ตระกูลหวังเชี่ยวชาญด้านยาพิษมากกว่าใครๆ

แต่ยามนี้นางกลับได้รับการรักษาแล้ว!

 

แน่นอนว่า คนที่ตื่นตกใจที่สุดยังคงเป็นหวังเพียนหลาน ที่ยามนี้ตะลึงค้างไม่คลายอ่อน

“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้! ข้าเป็นคนกรอกพิษขนวิหคพันราตรีลงปากนางกับมือ! นี่เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”

หวังเพียนหลานตกใจจนเผลอหลุดปากในท้ายที่สุด

 

เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้น ซูหลิงปู้พลันแสยะยิ้มเย็นทันทีก่อนกล่าวว่า

“อ้าว? ไหนว่าแม่นางหวางหรูเป็นใครกินยาพิษเอง? ไฉนตอนนี้ถึงมาบอกว่า ข้ากรอกพิษใส่ปากนางกับมือ?”

 

หวังเพียนหลานสะดุ้งเฮือก นางกล่าวตะกุกตะกักทันใด

“ขะ-ข้า…ข้า…ข้า…”

ติดอ่างไม่เป็นภาษาอยู่นาน จนในที่สุดนางเองก็ไม่รู้จะกล่าวอันใดตอบเช่นกัน

เหลียงหวางหรูยืนนิ่งพลันเหลียวสายตาจับจ้องหวังเพียนหลานอย่างไม่แยแสอันใด

 

นางสะกิดเรียกหงหยิงเบาๆ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เข้าใจทันควันและกล่าวกับคนใช้ว่า

“ไปหยิบปากกากับหมึกมา!”

ไม่นาน คนใช้ก็เร่งกลับมาพร้อมอุปกรณ์ทั้งสองอย่าง พร้อมวางลงต่อหน้าเหลียงหวางหรู

นางบรรจงเขียนลงกระดาศอย่างรวดเร็ว ซึ่งเนื้อความปรากฏดังนี้ :

‘แม่เลี้ยงชั่วเป็นคนวางยาหรูคนนี้ ซึ่งที่ผ่านมา นางเอาแต่ทุบตีและดุด่าหรูคนนี้ตลอดมา ครั้งล่าสุด หรูคนนี้ได้มอบผลึกปราณเทวะระดับต่ำให้แก่เย่หยวนเป็นจำนวนร้อยกว่าก้อนเศษ แต่หรูคนนี้กลับโดนแม่เลี้ยงชั่วจับโยนลงในคุกใต้ดิน อดข้าวอดน้ำ แถมยังวางยาพิษและปล่อยให้ตายคากรงขัง หัวใจของหรูคนนี้ได้ตายลงแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ทว่าก็ยังโชคดีได้เย่หยวนเข้าช่วยเหลือ ท่านพ่อที่ดูเหมือนเป็นความหวังสุดท้าย ยังเห็นดีเห็นงามกับแม่เลี้ยงชั่ว สุดท้ายนี้ ข้า,หวางหรู ขอออกจากตระกูลเหลียง และไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆกับตระกูลนี้อีกตลอดไป’

เมื่อเขียนเสร็จ เหลียงหวางหรูก็ค่อยๆวางปากกาพร้อมด้วยน้ำตาที่เริ่มรินไหล