บทที่ 423 สำนักโลกเร้นลับ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 423 สำนักโลกเร้นลับ

บทที่ 423 สำนักโลกเร้นลับ

“มันแปลกมาก บางคนบอกว่าหวงต้าเซียน*[1] กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่บนนั้น ทางที่ดีคุณอย่าขึ้นไปตามลำพังดีกว่า”

“ครับ ขอบคุณครับ”

เมื่อได้คำตอบอันอบอุ่นจากชาวบ้าน อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนขอบคุณแล้วหันกลับไปมองภูเขาที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า

วันนี้เป็นวันที่สองของการสืบหาเบาะแสแล้ว หลังจากตระเวนสำรวจวัดในบริเวณใกล้เคียงในวันแรก เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเทพเจ้าไม่น่าจะลงมาบำเพ็ญเพียรในสถานที่ที่โจ่งแจ้งอย่างนี้

โลกใบนี้ปกครองด้วยมนุษย์ธรรมดา อีกทั้งผู้ฝึกตนส่วนใหญ่มักซ่อนตัวอยู่ในที่ลึกลับ

ไม่นานชายหนุ่มก็เดินขึ้นเขาพร้อมกับใช้เนตรเทวะสำรวจรอบ ๆ!

ตลอดทางเขาแผ่พลังวิญญาณไว้รอบตัวเพื่อสร้างเกราะป้องกัน หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวัน เขาก็พบถนนเส้นหนึ่งบนภูเขา!

“ต้องมีคนดูแลมันอย่างดีแน่นอน!”

อวี้ฮ่าวหรานพึมพำ ก่อนเร่งฝีเท้าเดินไปตามถนน

หลังจากเดินห่างออกไปสิบนาที อวี้ฮ่าวหรานก็พบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในค่ายกลบางชนิด!

หนทางข้างหน้าดูเหมือนเดิมทุกอย่าง!

“ฮึ่ม! พวกฝีมือต่ำต้อย!”

อวี้ฮ่าวหรานแค่นเสียงอย่างโมโห ก่อนดีดนิ้วหนึ่งครั้งเพื่อทำลายภาพลวงตาตรงหน้า

ความเป็นจริงปรากฏสู่สายตาของเขาทันที! เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูหินขนาดใหญ่!

บนประตูมีตัวอักษรตัวใหญ่สลักอยู่!!

สำนักเมฆาเขียว!

“หือ…สำนักเมฆาเขียว?”

อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึงชั่วครู่ ชายหนุ่มจำได้ว่าเคยได้ยินชื่อสำนักนี้จากที่ไหนสักแห่ง

เขาไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นจึงจำสำนักนี้ไม่ได้

หน้าประตูมีศิษย์ของสำนักสองคนกำลังเฝ้ายามอยู่ ใบหน้าของพวกเขาขึงขังน่ากลัวมาก!

“คุณเป็นใคร? ทำไมถึงบุกรุกมาที่สำนักของเราโดยพลการ?”

หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ฮึ เหมือนจะเป็นแค่คนธรรมดาที่หลงเข้ามาน่ะ”

อีกคนดูถูกเหยียดหยาม

อวี้ฮ่าวหรานเหลือบตาขึ้นมองสิ่งก่อสร้างที่โผล่พ้นประตู จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นทันที

ต่อให้สำนักนี้จะไม่มีแม่ชีอาศัยอยู่ แต่ยังไงที่นี่ก็เป็นสำนักผู้ฝึกตน ทางที่ดีควรสอบถามข้อมูลให้ละเอียด

แถมชายหนุ่มยังจำได้เลือนรางว่าที่นี่คือสำนักฝึกตนของตระกูลอู๋!

จะบังเอิญอะไรขนาดนี้

อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่คิดว่าจะเจอฐานที่มั่นของศัตรูตัวฉกาจที่ตัวเองตามหามานาน

“นี่! ฉันกำลังถามแกอยู่! หูหนวกเหรอ?”

ตอนนั้นเอง หนึ่งในลูกศิษย์ของสำนักเมฆาเขียวก็รู้สึกโมโหเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเพิกเฉยคำถามของตัวเอง!

“ฮึ แกก็แค่คนธรรมดา”

เขาลืมตาแล้วมองสำรวจชุดแต่งกายอีกฝ่าย จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามกว่าเดิม

ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานหลุดออกจากห้วงความคิดแล้ว เขามองลูกศิษย์สำนักเมฆาเขียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนพูดว่า

“ที่นี่คือสำนักเมฆาเขียวใช่ไหม? เรียกเจ้าสำนักของพวกนายมาเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องต้องถามเขา!”

“อะไรนะ? แกลองพูดอีกครั้งซิ?”

ศิษย์คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที!

“ฉันบอกให้เรียกเจ้าสำนักของพวกนายมาเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่อง…”

หลังจากเขาพูดเพียงครึ่งประโยค ลูกศิษย์อีกคนก็โพล่งขัดจังหวะ!

“ฮึ่ม! แกต้องการอะไร ทำไมถึงอยากพบท่านเจ้าสำนัก?”

ขณะที่พูด เขาก็เหวี่ยงหมัดใส่อวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว!

เด็กคนนี้มีพลังภายในแข็งแกร่งมาก อวี้ฮ่าวหรานใช้เวลาประเมินเพียงชั่วครู่

สำนักในโลกเร้นลับก็คือสำนักในโลกเร้นลับ แม้แต่ศิษย์ที่เฝ้ายามยังมีความแข็งแกร่งและมากฝีมือขนาดนี้

ถ้าเมืองฮ่วยอันมีผู้มากฝีมืออย่างนี้ หวังโจวเฟยหู่คงชอบใจมากแน่นอน

แต่น่าเสียดายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้ว พละกำลังเหล่านี้กลับอ่อนแอเกินไป!

ผัวะ!

ก่อนจะถูกอีกฝ่ายชก อวี้ฮ่าวหรานก็ยกเท้าขึ้นถีบศิษย์ชุดเขียวอย่างเต็มแรง!

ตุบ!

ศิษย์คนนั้นกระเด็นไปกระแทกเสาประตูหิน ก่อนกระอักเลือดออกมา! อวี้ฮ่าวหรานกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นอย่างนั้น

“จำไว้ คราวหลังอย่าเล่นทีเผลอกับคนอื่นอีก!”

ศิษย์อีกคนตกใจอย่างมากหลังจากเห็นเหตุการณ์นั้น!

เขาไม่แปลกใจกับความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่กลับตื่นเต้นที่เห็นมนุษย์คนหนึ่งกล้าทำเรื่องมุทะลุที่หน้าประตูหินของพวกเขาหลังจากไม่มีใครบุกมาที่นี่หลายปีแล้ว!

“แกตายแน่! ไอ้เวร! กล้าดียังไงบุกมาถึงหน้าประตูสำนักของเรา! วันนี้แกไม่ตายดีแน่!”

เขาตะโกนอย่างโกรธจัด ก่อนรวบรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ วินาทีต่อมา ถนนข้างหน้าประตูสำนักก็หายวับไปกับตา!

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรวบรวมพลังและกำลังกางเขตอาคมบางอย่าง!

เพียะ!

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเดินเข้าไปหาลูกศิษย์คนนั้นแล้วเงื้อมือขึ้นตบอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง!

“ถ้าพูดดี ๆ กับคนอื่นไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด!”

เขาตบลูกศิษย์คนนั้นอย่างแรงจนฟันของอีกฝ่ายกระเด็นหลุดออกมา!

ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาอย่างมาก เขาไม่ชอบพวกลูกศิษย์สำนักเมฆาเขียวเอาซะเลย!

ก่อนหน้านี้อู่ลั่นเกือบทำร้ายถวนถวนจนทำให้เขาแทบเป็นบ้า!

หลังจากนั้นยังมีชายนิรนามสามคนบุกมาถึงหน้าบ้านของชายหนุ่ม คนพวกนี้กัดไม่ยอมปล่อยจริง ๆ แถมครั้งล่าสุดชายที่เรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสสูงสุดยังซุ่มโจมตีเขาระหว่างเดินทางอีกด้วย!

“ไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว พวกเรามาสะสางเรื่องที่ค้างไว้ให้จบเถอะ!”

เขามองไปที่หลังประตูหินที่ตอนนี้กลายเป็นป่าเขียวเหมือนตอนแรก เพียงมองแค่แวบเดียวเขาก็รู้ว่านี่คือภาพลวงตา

“แก…แกเป็นใครกันแน่?”

ศิษย์ชุดเขียวตกตะลึงอย่างมาก ทำไมอีกฝ่ายถึงสามารถพลิกตัวกลางอากาศได้ คนผู้นี้ต้องบรรลุขอบเขตก่อรากฐานแล้วแน่นอน!

“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ? ฮึ แกรู้แค่ว่าฉันมาที่นี่เพื่อแก้แค้นก็พอ! ถ้าพวกแกยังมาระรานฉันไม่เลิก สำนักเมฆาเขียวของพวกแกราบเป็นหน้ากลองแน่!”

อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว แต่ศิษย์ที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้นกลับหัวเราะร่าเหมือนว่ามันเป็นเรื่องตลก

“ฮ่า ๆ แกต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ! สำนักเมฆาเขียวของพวกเรามีชื่อเสียงโด่งดังยาวนานกว่าร้อยปี! แกกล้าดียังไงถึงหมิ่นเกียรติของสำนักเรา?”

เขาตะคอกอีกฝ่ายด้วยความโมโห ถึงชายตรงหน้าจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับไม่รู้สึกกลัวอีกฝ่ายสักนิด!

สำนักเมฆาเขียวไม่ใช่สถานที่ที่แมวและหมาจะมาวิ่งเล่นได้ตามอำเภอใจ!

“โอ้? ร้อยปีเหรอ? ฮ่า ๆ! ช่างมีประวัติศาสตร์ยาวนานจริง ๆ!”

อวี้ฮ่าวหรานอดหัวเราะเยาะและพูดประชดไม่ได้

เวลากว่าหนึ่งร้อยปี สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้ว มันอาจยาวนานถึงสองหรือสามชั่วอายุคน

แต่สำหรับผู้ที่มีชีวิตยาวนานกว่าสามหมื่นปี มันช่างไร้สาระจริง ๆ!

ในเวลานี้ พวกศิษย์ชุดเขียวกว่าสิบคนต่างพุ่งออกมาจากถนนหลังประตูหินอย่างรวดเร็ว!

ผู้นำของพวกเขาคือชายวัยกลางคนอายุสามสิบปี!

“ไอ้สวะ! กล้าดียังไงถึงมาก่อเรื่องวุ่นวายหน้าประตูสำนักของพวกเรา?”

หลังจากปรากฏตัว ชายผู้นั้นก็พบว่าศิษย์สองคนที่เฝ้ายามอยู่หน้าประตูต่างนอนกองอยู่กับพื้น เขาจึงตะโกนด่าอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัด!

“ล้อมมันไว้! อย่าให้หนีไปได้!”

เมื่อได้รับคำสั่ง เหล่าศิษย์ชุดเขียวที่ถือกระบี่ก็วิ่งไปล้อมรอบอีกฝ่ายทันที!

คนพวกนี้ล้วนบรรลุขอบเขตกำลังภายในขั้นสูงไปจนถึงขั้นสูงสุด!

ส่วนชายวัยกลางคนตรงหน้าเพิ่งบรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นต้น!

ถ้าเปรียบเทียบกับแก๊งอันธพาลในฮ่วยอันแล้ว พวกเขาเปรียบเสมือนแก๊งฉลามคลั่งที่เคยรุ่งเรือง

น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้ฮ่าวหราน พวกเขากลับกลายเป็นแค่คนโง่!

“ลงมือเลย! จับตัวมันมาให้ฉันให้ได้!”

ผู้นำวัยกลางคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง จากนั้นสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นชา!

หลังจากเห็นอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ลังเลสักนิด!

พลังวิญญาณแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาทันที!

[1] หวังต้าเซียนคือเทพแห่งความรัก