ตอนที่ 25 ถึงเวลาเปลี่ยนแผนที่

สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain

สิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วแดนบูรพา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ราชวงศ์กับขุมอำนาจอื่นที่มาล้อมดินแดนไท่เสวียนไม่ได้ทำอะไรเลย และกลับกัน พวกเขายังเข้าโถงประมุขไท่เสวียนเพื่อทำความเคารพแก่นายน้อยผู้หนึ่ง

ข่าวน่าตกตะลึงทำให้ผู้บ่มเพาะมากมายตกตะลึง ไม่อยากเชื่อที่ได้ยิน!

ในเวลาเดียวกัน [หินภาพ]มากมายก็กระจายไปทั่วแดนบูรพา ซึ่งบรรจุฉากทั้งหมด ท่ามกลางฉากเหล่านั้นคือฉากที่ขุมอำนาจใหญ่ทั้งหมดผนึกกำลังกันและยืนด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

ตอนนี้ แทบทุกขุมอำนาจของแดนบูรพารู้ว่านายน้อยผู้นั้นลงมาจากอาณาจักรเบื้องบน ความตระหนักรู้ทำให้หลายคนพบว่าอาณาจักรเบื้องบนไม่ใช่แค่ตำนาน มันมีอยู่จริง!

ข่าวเช่นนี้ไม่อาจระงับได้และไม่ช้ามันก็ส่งไปยังภูมิภาคอื่นจากแดนบูรพา

“แดนบูรพากำลังจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้”

“ถูกต้อง!คุณชายจากอาณาจักรเบื้องบนได้ลงมา..”

“จากยุคโบราณ ว่ากันว่าการทะยานขึ้นไปนั้นยาก แต่การลงมานั้นเป็นไปไม่ได้!เหนือสิ่งอื่นใด การที่ทวยเทพลงมายังโลกของมนุษย์ถือเป็นการขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์..”

“โห้!ไม่แปลกที่ขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นลูกแมวน้อยกัน ข้าคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะไม่รอดซะอีก!”

“มันไม่คาดฝันจริงๆ!แต่ทว่า ดินแดนไท่เสวียนถือว่ามีโชคเข้าข้างจริงๆ พวกเขาถึงกับกอดต้นขาของนายน้อยเช่นนั้นได้!”

“ไม่ใช่!ข้าได้ข่าววงในมาเกี่ยวกับศิษย์นิกายสายในที่ชื่อเย่เฉินซึ่งท้าทายคุณชายและโดนเหยียบจมดิน!”

หลายคนพูดพลางหัวเราะในร้านอาหาร

“ฮ่าๆๆ ข้าเองก็ได้ยินมา”คนข้างผู้ถูกหัวเราะลั่นขัด

“ข้าได้ยินว่ามันเพราะเขาอิจฉานายน้อยกู่ที่พิชิตใจสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนบูรพาได้!จากนั้นเขาก็ประเมินตัวเองศูงและท้าทายนายน้อยต่อหน้าทุกคน น่าเสียดายสำหรับเขา ศิษย์สายในแซ่เย่ผู้นั้นโดนตบหน้าทิ่มพื้น ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า ไม่แม้แต่จะกระดิกนิ้วได้…”

“จิ๊ จิ๊ จิ๊ สมัยนี้คางคกทุกตัวล้วนแต่อยากชิมเนื้อห่าน!อะไรที่ทำให้เขาคิดว่าเขาคู่ควรกับสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนบูรพากัน?”

ผู้บ่มเพาะต่างคุยถึงเรื่องนี้ขณะดื่ม หรือแม้กระทั่งหลังดื่มเสร็จ มันสามารถได้ยินทุกคนคุยเรื่องนี้กันในทุกเมือง ทุกร้านสุรา และศาลา

มีผู้บ่มเพาะนับร้อยล้านในแดนบูรพา เมืองโบราณแห่งเดียวก็มีประชากรกว่าสิบล้านแล้ว ในวันเดียว เรื่องนี้ก็กระจายไปทั่ว

..

[ในเมืองโบราณ]

ชายหน้าตาไม่สู้ดีวิ่งผ่านถนน หมัดของเขากำแน่น ใบหน้าของเขาบิดบเยวขณะได้ยินบทสนทนาของคนรอบตัว

เขาอดกุมหน้าอกตัวเองไม่ได้ เขารู้สึกราวกับมีคนกำลังพยายามกระชากหัวใจเขา ความเกลียดชังแวบผ่านดวงตาของเขา และเขาก็พึมพำ“ซูชิงเกอ นางแพศยา!กล้าดียังไงถึงมาทรยศข้า..”

“กู่ฉางเกอ ข้าจะทวงคืนความอัปยศนี้เป็นร้อยเท่าในอนาคต!”

คนคนนี้คือเย่เฉินที่ปลอมตัวเพื่อหลบหนี แดนบูรพาไม่มีที่ให้เขาอยู่อีกแล้ว แค่คำพูดเดียวจากกู่ฉางเกอก็มากพอจะส่งคนทั้งแดนบูรพามาล่าเขา

เย่เฉินไม่กล้าใช้รูปลักษณ์เดิมอีก!เขาวางแผนใช้[ค่ายกลมิติ]ขนาดใหญ่ของเมืองโบราณเพื่อไปยังอาณาเขตของแคว้นกลาง

เทียบกับแดนบูรพา แคว้นกลางลี้ลับและใหญ่กว่ามาก มีนิกายที่ยิ่งใหญ่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระจายอยู่ทุกหนแห่งที่นั่น มรดกเองก็ไม่ขาดเช่นกัน!

กู่ฉางเกอสามารถบดบังทั้งแดนบูรพาได้ด้วยมือเดียว แต่เขาจะทำได้เหมือนกันในแคว้นกลางไหม?

อะไรอีก?มีตระกูลโบราณมากมายในแคว้นกลางที่มีสายสัมพันธ์กับอาณาจักรเบื้องบน รวมถึงบรรพบุรุษมากมายของพวกเขาที่ทะยานขึ้นสวรรค์ไปในอดีต

เย่เฉินวางแผนมาดีแล้ว

ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาจะทะยานขึ้นฟ้าได้เมื่อเข้าร่วมกับหนึ่งในขุมอำนาจเหล่านี้

กู่ฉางเกอหยิ่งขนาดนี้เพราะเขามีผู้หนุนหลังในอาณาจักรเบื้องบน?งั้นกู่ฉางเกอก็ต้องทำอะไรเขาไม่ได้ถ้าเขามีผู้หนุนหลังเช่นกันสิ?

เขาจะทำให้ซูชิงเกอกับกู่ฉางเกอต้องเสียใจในการกระทำของพวกมัน!

เย่เฉินสงบลงและแค่นเสียงพอคิดถึงอนาคต

“อาจารย์..”

เรื่องเดียวที่ทำให้เย่เฉินกังวลและสับสนคือความจริงที่ว่าอาจารย์ของเขาไม่ค่อยพูดอีกเลยหลังเหตุการณ์ในแดนไท่เสวียน เฉพาะตอนเขาพบเจออันตรายบางอย่างอาจารย์ของเขาถึงออกมาช่วยเหลือ

ความไม่สบายใจเกาะกุมหัวใจของเย่เฉินและเขาก็กำหมัด หรือว่าหยานจีเองก็อยากทรยศเขาและจากไป?

เขาไม่มีวันยอม!

ครึ่งเดือนผ่านไป

“จดหมายเชิญที่ส่งมาโดยเจ้าชายสามแห่งราชวงศ์เซี่ยจากแคว้นกลาง?เขากำลังเชิญอัจฉริยะจากทุกภูมิภาคไปถกเถียงเต๋า?”

กู่ฉางเกอรับคำเชิญที่ซูชิงเกอส่งมา และมองมัน เขาหมดความสนใจหลังเหลือบมองเนื้อหาของคำเชิญเพียงแวบเดียว

พวกอัจฉริยะของอาณาจักรเบื้องล่างไม่ต่างอะไรกับมดที่เขาสามารถบดขยี้ได้ด้วยนิ้วเดียว การเล่นกับซูชิงเกอและใช้ประโยชน์จากนางทุกวันนั้นน่าสนใจกว่างานรวมตัว’อัจฉริยะ’พวกนี้อีก

“ข้าได้ยินมาว่าอดีตจักรพรรดิของราชวงศ์เซี่ยได้ทะยานขึ้นไปอาณาจักรเบื้องบนและพวกเขาก็มีภูมิหลังยากจะหยั่งถึง อแถม เจ้าชายสามเองก็ยังมีพรสวรรค์มาก!ตอนเขาเกิด เสียงของสวรรค์กู่ร้องดังไปไกลกว่าสามพันลี้..”

ซูชิงเกออธิบายให้กู่ฉางเกอฟัง

ในเวลาเดียวกัน มือขาวเนียนของนางก็ปอกเปลือก[องุ่นผลึกวิญญาณ] และป้อนเข้าปากเขา

‘ราชวงศ์เซี่ย ใช่?’

‘แคว้นกลาง ใช่ไหม?’

‘ดี!มันเป็นเวลาที่ข้าต้องเปลี่ยนแผนที่เช่นกัน!’

กู่ฉางเกอกินองุ่นขณะคิด

เขายืนขึ้น ชีวิตทุกวันนี้เริ่มจืดชืดเกินไปโดยไม่มีอะไรนอกจากนอนเล่น เขารู้สึกไม่สบายใจมากพอไม่มีกระเทียมหอม เย่เฉินให้ตัด

ถ้าเขาเดาไม่ผิด ตอนนี้เย่เฉินต้องกำลังมุ่งหน้าไปแคว้นกลางแน่!

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ราชวงศ์และตระกูลโบราณทั้งหมดของแดนบูรพาจะออกเดินทางไปเพื่อเข้าร่วมงานนี้ในสามวัน ท่านอยากไปกับพวกเขาไหมเจ้าคะ?”

ซูชิงเกอถาม

กู่ฉางเกอคิดสักพักและพยักหน้า ในเวลาเดียวกัน เขาก็จำได้ว่าครอบครัวของเฒ่าหมิงดูเหมือนจะอยู่ในแคว้นกลาง เฒ่าหมิงทะลวงผ่านสวรรค์และขึ้นไปอาณาจักรเบื้องบนจากแคว้นกลางเมื่อประมาณสามหมื่นปีก่อน