ตอนที่ 164 กระผมคิดว่าคุณอันสลบไปแล้วครับ / ตอนที่ 165 เงียบซะแล้วนอนต่อ

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 164 กระผมคิดว่าคุณอันสลบไปแล้วครับ 

 

 

อารมณ์โมโหที่ปะทุขึ้นมาของฉีเหยียนซีมลายหายไปทันที  

 

 

“ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าพวกนั้นทำแบบนี้กับเธอ! ฉันจะซัดให้หมอบไปเลย!” ฉีเหยียนซีกัดฟันกรอด 

 

 

ฝนหยดหนึ่งไหลลงมาตามใบหน้าหญิงสาว ทำให้ดูเหมือนว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ ฉีเหยียนซีรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ  

 

 

เขาเอื้อมมือออกไปปาดน้ำออกจากใบหน้าเธออย่างเงอะงะ “พูดอะไรบ้างสิ! อย่าเอาแต่เงียบ!” 

 

 

อันซย่าซย่าไม่ยอมตอบ พลางถอยออกไปยืนห่างจากเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้  

 

 

ฉีเหยียนซีอึ้งไป เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเธอกำลังปฏิเสธเขา 

 

 

เป็นเพราะคังเจี้ยนงั้นหรือ… 

 

 

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขายอมอ่อนข้อให้คนอื่น  

 

 

“อันซย่าซย่า ฉันจะไม่ถือโทษคังเจี้ยนอีกต่อไปแล้ว และฉันสัญญาว่าจากนี้ต่อไป ฉันจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเพื่อนเธออีก!” สำหรับการประกาศตนอย่างนอบน้อมของเขา อันซย่าซย่าตอบเขาเพียงแค่คำเดียวด้วยเสียงเล็กๆ ของเธอ ซึ่งจุดไฟโทสะให้กลับคืนมาภายในดวงตาเขาทันที “เธอต้องการบ้าอะไรอีก ฉันยังขอโทษเธอไม่พออีกหรือ”  

 

 

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ฉันกำลังรอรถประจำทางกลับบ้านไง”  

 

 

“อ้อ…” ชายหนุ่มกระแอมอย่างเก้อๆ “ฉันจะกลับเป็นเพื่อน” 

 

 

อันซย่าซย่ามองเขาพลางเอ่ยถาม “นายมีเงินติดตัวมาหรือเปล่า” 

 

 

“ทำไมล่ะ” 

 

 

เธอแบมือพร้อมกับบอก “ฉันมีเงินแค่หยวนเดียวเอง แล้วมันก็ซื้อตั๋วได้แค่ใบเดียว” 

 

 

เขากลอกตามองบนพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา “รอนี่แหละ ฉันจะเรียกคนขับรถให้มารับ” 

 

 

เขากดโทร.ออก ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ชายหนุ่มบอกให้คนขับรถขับมารับภายในสิบนาที พร้อมกับเตรียมเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงมาเผื่ออย่างละชุด 

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้กดวางสาย รถพอร์ชสุดหรูคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าทั้งคู่ 

 

 

คนขับรถสวมถุงมือสีขาวลงมาก่อนและกางร่มสีดำออก จากนั้นก็เปิดประตูรถอย่างนอบน้อม 

 

 

ใบหน้าหล่อเหลามองมายังทั้งสองจากภายในรถ ชายหนุ่มคนนั้นเหลือบมองมาอย่างเฉยเมย ลงจากรถและรับร่มไปถือ จากนั้นก็เดินมาหาอันซย่าซย่า 

 

 

“ขึ้นรถ” เขาออกคำสั่ง 

 

 

“ให้ตายสิวะ เซิ่งอี่เจ๋อ นายมาที่นี่ได้ยังไง” ด้วยท่าทางรังเกียจ ฉีเหยียนซีคว้าแขนอันซย่าซย่าเอาไว้ “ฉันกำลังจะไปส่งเธอที่บ้านและนี่ไม่ใช่เรื่องของนาย!” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหันมาถามอย่างไม่เร่งร้อน “เธอจะไปกับใคร” 

 

 

หญิงสาวอึกอัก 

 

 

เธอเหลือบมองใบหน้าเฉยเมยของเซิ่งอี่เจ๋อและจำคำพูดของเขาได้… 

 

 

“ปล่อยฉัน” 

 

 

“เพราะฉันไม่อยากเจอหน้าเธอ” 

 

 

หญิงสาวกัดริมฝีปาก “ฉันนั่งรถประจำทางกลับก็ได้… นายไม่ต้องลำบากหรอก” 

 

 

ใบหน้าเขาถมึงทึง 

 

 

ขณะที่เธอกำลังคิดว่าเขาจะกลับ เซิ่งอี่เจ๋อร้องฮึ จากนั้นก็คว้าข้อมือบอบบางของเธอและกระชากตัวเธอเข้าสู่อ้อมแขน 

 

 

“เธอจะไม่ไปกับฉันจริงๆ เหรอ” 

 

 

อันซย่าซย่างงงัน ทั้งหมดที่เธอได้ยินก็คือน้ำเสียงทุ้มต่ำเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ของเขา 

 

 

“เสียใจนะ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น!” 

 

 

เขาผลักอันซย่าซย่าเข้าไปในรถก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉีเหยียนซีที่กำลังโมโห 

 

 

“วะ! จะขโมยผู้หญิงของฉันรึไง” ด้วยความปั่นป่วนในใจเป็นอย่างมาก ฉีเหยียนซีปล่อยกำปั้นออกไป 

 

 

ไม่น่าเชื่อว่าเซิ่งอี่เจ๋อกลับไม่หลบ ปล่อยให้หมัดนั้นกระทบเข้ากับใบหน้าเขา 

 

 

ชายหนุ่มเช็ดเลือดออกจากมุมปาก พลางยิ้มให้อย่างเลือดเย็น “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไปเยี่ยมคุณลุงฉีพร้อมกับรอยแผลบนหน้าฉัน!” 

 

 

ฉีเหยียนซีกัดฟันแน่นเสียจนเขาคิดว่าฟันเขาคงจะหักไปเสียแล้ว! 

 

 

ให้ตายสิวะ! เขาหลงกลไอ้บ้าจอมวางแผนเข้าอีกแล้ว! 

 

 

ศึกชิงนางอันขมขื่นยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งคนขับรถเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “นายน้อยขอรับ กระผมคิดว่าคุณอัน…สลบไปแล้วครับ…” 

 

 

สีหน้าเฉยเมยบนใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อกลับกลายเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลขึ้นมาทันที เขาออกคำสั่ง “ขับไป! พาพวกเราไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 165 เงียบซะแล้วนอนต่อ 

 

 

“เฮ้ย ให้ฉันไปด้วย!” ฉีเหยียนซีร้องบอก ทว่าการตอบรับอย่างเดียวที่เขาได้รับก็คือน้ำครำสกปรกสาดโครมเข้าใส่ขณะที่รถพอร์ชขับออกไป  

 

 

นายน้อยฉียกนิ้วกลางใส่รถพอร์ช 

 

 

กลับมายังภายในรถ เซิ่งอี่เจ๋อประคองหญิงสาวไว้ภายในอ้อมแขน เขาห่มผ้าผืนบางรอบตัวเธอ คอยเร่งคนขับรถอยู่ตลอด “ขับเร็วขึ้นอีก!”  

 

 

คนขับรถเหยียบคันเร่งด้วยเหงื่อกาฬแตกพลัก แล้วรถหรูก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับนรกไล่หลัง 

 

 

ที่โรงพยาบาล 

 

 

“อาการคุณอันไม่หนักหนาอะไร เธอหมดสติไปก็เพราะจับไข้และอ่อนเพลียจากอาการป่วยเท่านั้นเอง เดี๋ยวน้ำเกลือหมดก็น่าจะฟื้น…” แล้วคุณหมอก็ออกไปหลังพูดจบ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และอดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเขาหันกลับมามองดูใบหน้าอันซีดเซียวของหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียง 

 

 

ยัยซื้อบื้อนี่ไม่รู้จักวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเลย 

 

 

เขาเห็นเธอถูกฉีเหยียนซีลักพาตัวไป เห็นเธอกอดฉือหยวนเฟิง แต่ละครั้งเขาได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่ามันคงจะดีกว่าสำหรับเธอที่จะคบหากับคนอื่น 

 

 

แต่ในที่สุดแล้ว เขาก็ทำไม่ได้ 

 

 

เขากุมมือข้างที่ถูกให้น้ำเกลือไว้ภายในอุ้งมือของเขา ทำให้มันอุ่นด้วยร่างกายของเขาเอง 

 

 

แล้วก็ลงเอยด้วยการนั่งเฝ้าเธออยู่หลายชั่วโมง 

 

 

เมื่อน้ำเกลือขวดสุดท้ายหมดไปครึ่งหนึ่ง ขนตายาวๆ ของหญิงสาวก็ขยับจากนั้นก็รู้สึกตัว 

 

 

เธอตกใจเมื่อเห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงเธอ 

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ…” น้ำเสียงเธอแหบแห้งเล็กน้อย 

 

 

ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าเขาจะตอบ “หืม” 

 

 

อันซย่าซย่าถามอย่างอายๆ “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้” 

 

 

“เธอหมดสติไป ฉันเลยพามาโรงพยาบาล” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย อันซย่าซย่าหงุดหงิดนิดๆ กับโทนเสียงของเขา จากนั้นก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มือข้างซ้าย 

 

 

เธอหันไปมอง ก็เห็นว่าเขากำลังกุมมือเธออยู่! 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเองก็เพิ่งรู้ตัวเช่นกัน เขากำลังจะดึงมือกลับแต่หลังจากคิดครู่หนึ่งก็กลับกุมมือนั้นแน่นขึ้น 

 

 

อันซย่าซย่าอึกอัก “นาย…นาย…” ว้าย! ทำไมเขาถึงกุมมือเธอ! เกิดอะไรขึ้น 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อทำให้มันดูเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุด “มือเธอเย็นมาก และมือเย็นๆ ก็จะบวมง่ายขึ้นเวลาถูกเจาะสายน้ำเกลือ” 

 

 

ตอนแรกมันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีหรอก แต่ก็มีอะไรทะแม่งๆ อยู่เมื่อเธอคิดทบทวนดูดีๆ … 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อไม่ปล่อยให้เธอได้คิดหรอก เขาดึงผ้านวมปิดหน้าเธอไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง “เงียบแล้วก็นอนต่อซะ” 

 

 

“อืม…” เสียงอู้อี้ของหญิงสาวดังออกมาจากภายใต้ผ้านวม หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดสองวันที่ผ่านมา เธอก็เหนื่อยเกินไปจริงๆ ที่จะอ่านสีหน้าแปลกๆ บนหน้าของเขา เธอหลับตาลงแล้วไม่นานก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง 

 

 

ใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อยังคงไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ขณะยังกุมมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้ ผิวเนื้อที่หลังใบหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อ… 

 

 

ข้างนอกห้อง ฉีเหยียนซีกำลังถกเถียงอยู่กับบอดีการ์ด 

 

 

“นี่ เพื่อนฉันกำลังนอนพักอยู่ในห้อง ทำไมฉันถึงจะเข้าไปหาเธอไม่ได้ล่ะ” ฉีเหยียนซีตะโกนลั่น 

 

 

เหล่าบอดีการ์ดรักษาสีหน้าเฉยเมย “ขอโทษด้วยครับ พวกเราเพียงแต่ทำตามคำสั่งของนายน้อยเซิ่ง” 

 

 

ฉีเหยียนซีอยากจะเอาหัวโขกกำแพงนัก ไอ้เวรนั่น! 

 

 

“ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอรู้สึกตัวหรือยัง!” ฉีเหยียนซีพยายามต่อรอง ทว่าบอดีการ์ดไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขาสู้ทั้งสองคนนี้ไม่ไหว จึงทำได้แค่ยืนถลึงตามองอยู่ตรงนั้น 

 

 

แล้วเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขามองหน้าจอและเห็นว่าเป็นมู่หลีที่โทร.มา 

 

 

เขากดรับสาย 

 

 

“นายน้อยคะ คืนนี้จะมีงานเลี้ยงของครอบครัว กรุณากลับมาร่วมโต๊ะด้วยนะคะ” 

 

 

เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การโทร.ตามตัวจึงทำให้เขาหมดความอดทน “มู่หลี เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน เมื่อไหร่กันที่เธอควบตำแหน่งเลขาของตาแก่นอกเหนือจากหน้าที่แม่บ้าน” 

 

 

จบประโยคนั้น ใบหน้าของมู่หลีก็ซีดเผือด แล้วฉีเหยียนซีก็วางสายทันที จากนั้นก็กดโทรศัพท์หาเหล่าบอดีการ์ดของตระกูลฉี 

 

 

อีกสิบนาทีต่อมา ฉีเหยียนซีก็สลัดริ้วรอยความโกรธกริ้วออกไปจากใบหน้าด้วยท่าทางอวดดี เขาเดินกร่างเข้าหาบอดีการ์ดที่ห้ามเขาไว้เมื่อครู่ “จะยังห้ามฉันอยู่ได้อีกไหมทีนี้ อยากเห็นจริงๆ!”