Chapter 9: แข็งแกร่ง!
ชายที่มีร่างใหญ่ยักษ์วิ่งพุ่งตัวเข้าไปหาเสียวหลัว ตอนนี้เขาเกือบจะชนเข้ากับเสี่ยวหลัว เขามองเสี่ยวหลิวด้วยดวงตาอันแหลมคมของเขา แต่ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสามารถพุ่งเข้าชนเสี่ยวหลัวได้เขาก็พบว่าร่างของสิ่งที่เขาจะพุ่งชนนั้นหายไปจากสายตา ความเร็วของเสี่ยวหลัวนั้นรวดเร็วมากจนมันได้คาดสายตาของเขาไป
อ้ากก –
เสียงกรีดร้องของเขาดังขึ้น เขาไม่สามารถหยุดจากความเร็วที่เขาพุ่งตัวเข้าไปได้ ตัวของเขาเลยพุ่งเข้าไปในฝูงพี่น้องของเขาที่อยู่รวมกัน ร่างของเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มพี่น้องและชนอย่างรุนแรงร่างของเขาชนเข้ากับพี่น้องของเขาหลายคนกว่าที่ร่างของเขาจะหยุดลงร่างของเขาก็พุ่งไปไกลกว่าสี่ห้าเมตรแล้ว
เสี่ยวหลัว ยิ้มพร้อมกับรอยยิ้มที่เย้ยหยันอยู่บนใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาฉายแสงเย็นชา เขาใช้มือขวาของเขาจับชายคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านขวาของเขา และเตะขาซ้ายของชายคนนั้นที่ตรงหัวเข่าอย่างแรง” กรอบ” หลังจากเสียงดังกล่าวดึงขึ้นขาซ้ายของชายผู้นั้นก็บิดเบี้ยวกลายเป็นรูปของตัว “V” ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของชายคนนั้น
จากนั้นเสี่ยวหลัวก็จับร่างของชายที่สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ โยนไปในฝูงชนอย่างแรง
ชายฉกรรจ์หลายคนล้มลงระเนระนาดเนื่องจากถูกร่างที่ลอยมาพุ่งเข้าชน
คมมีดของมาเชเต้ สองอันพุ่งเข้าไปโจมตีเสี่ยวหลัว เสี่ยวหลัวหันหลังกลับมาโดยสัญชาตญาณมือของเขา
กําเป็นหมัดและปล่อยหมัดของเขาออกไป
ปังง –
คนสองคนกําข้อมือที่ถูกโจมตี ร่างกายของพวกเขาสูญเสียการควบคุมและพยายามล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็วน้ําตาที่เจ็บปวดไหลออกไปพร้อมกับเสียงร้องที่น่าสังเวชของพวกเขา
เสี่ยวหลัวเป็นเหมือนดั่งเสือชีต้าที่กําลังขยําเหยื่ออย่างไม่หยุดยั้ง!
เสี่ยวหลัวเคลื่อนที่จู่โจมอย่างรุนแรง ในตอนแรกกลุ่มอันธพาลกลุ่มนี้เป็นคนที่ยั่วยุเขาและคิดว่าเขานั้นอ่อนแอ อย่างไรก็ตามหากเขาไม่แข็งแกร่งสถานการณ์ในตอนนี้ก็จะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจําเป็นใดๆในการแสดงความเมตตาต่อคนพวกนี้ ความดุร้ายของเขาทําให้พวกมันสั่นเทาด้วยความกลัว เสี่ยวหลิวไม่ลังเลและรีบเคลื่อนที่เข้าไปเหมือนกับวิญญาณชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยท่าทางที่ดูร้ายกาจ
การโจมตีที่รุนแรงส่งผลให้เกิดพายุแห่งเสียงกรีดร้อง
ชายหัวล้านในตอนนี้เขายังมีความโกรธอยู่ครึ่งหนึ่งแต่อีกครึ่งหนึ่งของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของเขาสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เหงื่อไหลออกจากหน้าผากของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะดุร้ายขนาดนี้ แน่นอนว่านี่มันต้องไม่ใช่คน นี่มันเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!
ในเวลาเพียงพริบตาเขากลับโค่นล้มคนลงไปมากกว่าโหล ในระยะไกลชายวัยกลางคนกําลังมีช่วงเวลาที่ยากลําบากในการพยายามรักษาความสงบของเขา ตาและปากของเขาตอนนี้เปิดกว้างเขาอยู่ในสถานะที่กําลังตกตะลึง
บอดี้การ์ดทั้งสองคนของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวด้วยเช่นกัน คุณรู้ไหมพวกเขานั้นเคยเป็นทหารผ่านศึกของกองกําลังพิเศษมาก่อน พวกเขาเป็นดั่งกับเหล็กกล้าและเป็นเหมือนกับเครื่องจักรที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยรัฐ การมีทักษะที่ดีนั้นยากที่จะเอาชนะ แต่มันก็เป็นไปได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเห็นได้ว่าเสี่ยวหลัวนั้นเคลื่อนไหวอย่างไร พวกเขาไม่แม้แต่สามารถที่จะประเมินความแข็งแกร่งของเสี่ยวหลัวได้เลย
ปังง –
เสี่ยวหลัวเตะชายอีกคนหนึ่งกระเด็นออกไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร จากนั้นก็คว้ามีดมาเชเต้ที่ลอยตกลงมาจากกลางอากาศ
ด้วยมีดที่อยู่ในมือรัศมีออร่าที่เยือกเย็นของเขาดูราวกับถูกเปิดออก เขาวิ่งเข้าไปในกลุ่มอันธพาลและยกมีดแล้วก็ฟันลงในแนวแนวดิ่งมีดคล้ายดั่งกับพายุทอร์นาโด เสียงหวีดหวิวของสายลมที่ถูกตัดขาดดังออกมาจากคมมีดและทําร้ายศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ชายร่างยักษ์คนหนึ่งตกไปในแอ่งเลือด ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกแกะตัวฉกาจจะกลายมาเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด และเผยให้เห็นเขี้ยวเล็บที่ดุร้ายของมันเช่นนี้
ชายที่มีใบหน้าบวมเป็ง รู้สึกหวาดกลัว เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เมื่อชายคนสุดท้ายล้มลงในแอ่งเลือดเขาร้องไห้ออกมาอย่างน่าสังเวช เสี่ยวหลัวก็หันกลับมามองชายหัวล้านอย่างเยือกเย็น มีดมาเชเต้ของเขาชี้ลงไปที่พื้นเลือดสีแดงไหลตกลงมาที่พื้นตามปลายของมีด
ร่างของชายหัวล้านแข็งที่อและความกลัวก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา เมื่อเขาเห็นเสี่ยวหลัวหันมาหาเขา เขาก็ตกลงไปสู่ความหวาดกลัวในทันที “ แกทําอะไร…แกกําลังจะทําอะไร พวกเรา…พวกเรา คือพวกของแก๊งมังกร… “
“ แก๊งมังกรคืออะไร”
เสี่ยวหลัวซึมฮัมเบาๆ ในวินาทีต่อมาเขาก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วดั่งเส้นแสงสีดํามุ่งหน้าไปทางชายหัวล้าน เขาเป็นเหมือนดั่งม้าศึกที่กําลังวิ่งไป พร้อมกับมีดมาเชเต้ของเขา ราวกับลูกกระสุนที่กําลังเคลื่อนที่ฉีกอากาศไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
รูม่านตาของคนหัวล้านหดตัวลง เขารู้สึกได้ว่าหนังศีรษะของเขากําลังถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับร้อยนับพันเงาของมีคมาเชเต้ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาชัดเจนมากขึ้นดูเหมือนว่าเขาจะเห็นคลื่นความตายของตัวเองเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
ปัง –
เสียงของกระสุนปืนดังขึ้น เสียงของมันดังก้องอยู่ในหูของเสียวหลิวและชายหัวล้าน เสียงของกระสุนปืนดังสนั่นราวกับเสียงคํารามของสายฟ้า มันทําให้ภายในจิตใจของทุกราวกับถูกเสียงของสัตว์ร้ายจู่โจม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงร้องตะโกนอันดุเดือดของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ ฟึ่บ ”
มีดมาเชเต้ของเสี่ยวหลัว หยุดนิ่งเหมือนมีเคียวแห่งความตายห้อยอยู่เหนือศีรษะของชายหัวล้าน
เมื่อมองไปที่มีดมาเซเต้ที่อยู่ตรงหน้าที่มันเกือบจะฆ่าเขาไปแล้วนั้น ชายหัวล้านก็หน้าซีดและดวงตาเบิกกว้าง กลิ่นเหม็นฉุนลอยออกมาจากเป้ากางเกงของเขา เขารู้สึกสูญเสียตัวเองในขณะที่เขาถ่ายอุจจาระและปัสสาวะออกมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็หมดสติไป
เสี่ยวหลัว หันศีรษะของเขากลับไปดู มีรถตํารวจห้าหรือหกคันจอดอยู่ทั้งสองข้างทางของถนนมีไฟสองดวงกะพริบอยู่เหนือรถ มีตํารวจปราบจลาจลที่มีอุปกรณ์ครบครันกว่า 20 คน เมื่อลองมองตรวจสอบลักษณะของพวกเขา พวกเขาถือโล่และมีอาวุธราวกับพวกตํารวจเฉพาะกิจ ปรากฏตัวและพวกเขาก็ถือปืนพกและกําลังเล็งมาที่เขา
“ คุณมีเวลาห้าวินาทีในการวางมีดลง!”
ตํารวจหญิงคนหนึ่งวางปืนและหยิบโทรโข่งจากเจ้าหน้าที่ตํารวจในบริเวณใกล้เคียง เธอนับวินาทีเพื่อให้เสี่ยวหลัววางอาวุธลง” ห้า สี่ สาม…”
รูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์และสวยงามมาพร้อมกับรูปทรงที่มีชีวิตชีวาผมสั้นเรียบร้อยเท่าติ่งหูและดวงตาที่สง่างามบริสุทธิ์ราวกับสายน้ํา เครื่องแบบตํารวจสีดําของเธอไม่เพียงพอที่จะปกปิดร่างกายอันสง่างามของเธอได้
เสี่ยวหลัวจําได้อย่างชัดเจนว่าตํารวจหญิงคนนี้เป็นใคร เธอผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เขาเคยพบที่สถานีตํารวจในตอนกลางวัน
แม้ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของตัวเขาเองจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็อยากจะต่อต้านตํารวจโดยที่ไม่จําเป็น เมื่อตํารวจนับถึง” สอง ” เขาก็โยนมีดมาเชเต้ทิ้งลงบนพื้น
ตํารวจทั้งสองนายรีบวิ่งเข้าไปในทันที คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนอยู่ทางขวาเพื่อควบคุมเสี่ยวหลัว
เมื่อมองดูผู้คนที่คร่ครวญด้วยความเจ็บปวดเต็มไปทั่วทั้งพื้น คิ้วของ กู่ กุ้ยหลิน ดึงขึ้น เธอเกลียดความชั่วร้ายและรู้สึกเกลียดชัง “กลุ่มคนที่ถือมีดเดินไปมาอยู่บนถนน เป็นสิ่งที่อันตรายโดยที่ไม่สนใจกฎหมายของประเทศชาติและความปลอดภัยของชีวิตผู้คน ซึ่งมันก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างมากต่อสังคม ช่างเป็นพวกที่เวรระยาจริงๆว่าพวกเขามาหาฉัน! ! !”
” รับทราบ!” เจ้าหน้าที่ตํารวจตอบ
เสี่ยวหลัวไม่ต้องการที่จะอธิบายอะไรในตอนนี้เพราะเขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ฟังคําพูดใดๆ ของเขา คําตอบของเขาจะมีความหมายเฉพาะเมื่อเขาถูกนํากลับไปยังสํานักงานและโดนสอบสวนโดยพวกเขา การพูดที่นี่มันจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระและไร้ประโยชน์
ชายวัยกลางคนในชุดสูทลุกขึ้นหลังจากที่เสี่ยวหลัวและชายหัวล้านถูกตํารวจจับ
“ ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มคนนั้นและจัดหาทนายไปให้เขาด้วย ฉันต้องการเด็กหนุ่มนั่น”
” ครับเจ้านาย!” บอดี้การ์ดตอบด้วยความเคารพ
วันถัดไปในห้องสอบสวนของตํารวจ …
” ชื่อ?”
“ เสี่ยวหลัว”
“อายุ?”
” 26″
“ ทําไมคุณถึงฟันคนด้วยมีดในที่สาธารณะ”
” การป้องกันตัวเอง!”
เสี่ยวหลัวถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้สอบปากคํา กู่ กุ้ยหลิน กําลังสอบสวนเขา
“การป้องกันตัวเอง?”
กู่ กุ้ยหลิน อารมณ์รู้สึกอารมณ์ขึ้นเธอโยนรายงานของโรงพยาบาลลงบนโต๊ะ บาดเจ็บเล็กน้อยยี่สิบกว่าคน บาดเจ็บสาหัสอีกแปดคนตอนนี้ทุกคนนอนอยู่บนเตียงของผู้ป่วยหนักที่โรงพยาบาล คุณบอกฉันที่สิว่านี่เป็นการป้องกันตัวที่สมเหตุสมผลอย่างนั้นเหรอ”
“ เจ้าหน้าที่มีแผนกระบบตรวจสอบสกายเน็ตไม่ใช่หรอ พวกตํารวจของคุณคงกําลังตรวจสอบอยู่บนถนนสายนั้น นํามันขึ้นมาและดูว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงหรือไม่” เสี่ยวหลัวกล่าวอย่างเฉยเมย
“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาสอนฉันว่าต้องทําอะไร แต่ฉันเสียใจที่ต้องบอกคุณว่ามันไม่มีกล้องวงจรปิดใน สถานที่ที่คุณทําร้ายคนเหล่านั้นด้วยมีดของคุณ” มือของ กู่ กุ้ยหลิน คว้าเดสก์ท็อปที่โต๊ะสอบปากคําจ้องและ มองไปที่เสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวหยักคิ้วของเขา:” มีพยานอยู่เสมอถึงแม้จะไม่มีกล้องวงจรปิด เจ้าของร้านแผงลอยสามารถพิสูจน์ได้ว่าฉันถูกบังคับให้ต้องป้องกันตัวเอง”