กู่ กุ้ยหลิน มองสำรวจตัวของเสี่ยวหลิวขึ้นลง เธอยังจำได้ในตอนนั้น ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ช่วยชีวิตของเด็กหญิงตัวน้อยในตอนกลางวันที่ผ่านมา และเขาก็ได้เดินผ่านเธอไปตรงที่ประตูของสถานีตำรวจ มันเป็นเพราะเด็กหญิงตัวเล็ก ที่เขาช่วยชีวิตของเธอมาได้สำเร็จ และมันทำให้เธอทำลายแก๊งอาชญากรที่โหดร้ายที่บังคับให้เด็กๆ ไปขอทานและในวันนี้เธอเองก็ได้ช่วยเด็กๆกว่า 20 คนที่ถูกพวกมันจับและโยนไปขอทานที่ถนน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้ดวงตาของเธอก็หันไปมองทางเสี่ยวหลิวอีกครั้ง ประตูห้องสอบสวนถูกเปิดออกและมีตำรวจและนักสืบเข้ามา กู่ กุ้ยหลิน สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองคนไปสอบสวนเสี่ยวหลิวจากนั้นเธอก็หันหลังกลับและออกไป ” กู่ กุ้ยหลิน ตัวตนของคนเหล่านั้นถูกสอบสวนและตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ชายหัวล้านคือ ลี ดาเหว่ย และชื่อเล่นของเขาคือ บอลดเฮ็ด(แปลว่าหัวล้าน,หัวโล้น) มีคนมากกว่า 20 คนอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาหลังจากการสอบสวนพวกเขาอยู่กับคนห้าคนที่เราจับกุมได้เมื่อตอนบ่าย .” เจ้าหน้าที่ตำรวจชายรายงาน กู่ กุ้ยหลิน ตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นเธอก็รู้แจ้งอย่างกระทันหัน: “ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจากกลุ่มของ ลี ดาเหว่ย ที่กำลังมองหาตัว เสี่ยวหลิว เพื่อไปแก้แค้นเป็นที่แน่นอนแล้ว” “มันควรจะเป็นแบบนัันนอกจากนี้ผมยังได้ไปตรวจสอบกับเจ้าของร้ายขายแผงลอย พวกเขาบอกว่าเสี่ยวหลิวนั้นนั่งอยู่ที่นั่นเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวของพวกเขา แต่ในตอนนั้นกลุ่มของ ลี ดาเหว่ย ก็มาสร้างปัญหาและได้พกกับมีดกับท่อเหล็กมาด้วย ลี ดาเหว่ย ยังได้ทำลายโต๊ะของเสี่ยวหลิวก่อนที่ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นในที่สุด “ กู่ กุ้ยหลิน หันสายตากลับมาแล้วถามว่า “คุณตรวจสอบประวัติของเสี่ยวหลิวแล้วหรือยัง?” “ตรวจสอบแล้ว เขาเป็นคนที่มาจากจังหวัดทางตะวันตกเขาเกิดในครอบครัวชาวนาธรรมดาเขาจบการศึกษาจาก university of western province aviation เมื่อสามปีที่แล้วและเข้าทำงานใน ฮัวไห่กรุ๊ป หลังจากสำเร็จการศึกษา พ่อแม่ของเขาเป็นเกษตรกรขนานแท้ นอกจากนี้เขายังมีน้องสาวทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลในริเวอร์ซิตี้และเธอก็มีครอบครัวและเขายัง … “ กู่ กุ้ยหลิน โบกมือและขัดจังหวะ: “คุณหวัง คุณคิดว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับประวัติโดยย่อนี้ของเขาหรือไม่?” ตำรวจหวังตะลึงงัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไม กู่ กุ้ยหลิน ถึงถามคำถามเช่นนี้ จากนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่เป็นประวัติที่ธรรมดามากมันไม่มีปัญหาอะไร” “เป็นประวัติที่เป็นปัญหาหรือตัวของเสี่ยวหลิวเองที่เป็นปัญหา” กู่ กุ้ยหลิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างจริงจังว่า “เขาจัดการกับพวกอันธพาลกว่า 28 คนที่ติดอาวุธมีดแต่ตัวของเขาเองไม่เพียง แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังทำให้พวกอันธพาลกว่า 20 คนบาดเจ็บเล็กน้อยและมีคนอีกกว่า 8 คนที่บาดเจ็บสาหัส แม้แต่พวกตำรวจพิเศษมือดี ของสำนักของเรายังรู้สึกละอายใจในทักษะเช่นนี้ “ เมื่อได้ยินสิ่งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหวังก็ตระหนักถึงปัญหา เขาขมวดคิ้วและเกาหลังศีรษะของเขาทั้งสองรู้สึกประหลาดใจและงงงวยในเวลาเดียวกัน: “ใช่ถ้าเป็นไปตามประวัติย่อนี้ เสี่ยวหลิว เป็นคนธรรมดาและคนธรรมดาจะมีทักษะที่ผิดปกติเช่นนี้ได้อย่างไร “ “ตัวของเสี่ยวหลิวนั้นเป็นปัญหา!” กู่ กุ้ยหลิน กล่าว “แต่ความจริงในประวัติย่อระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้รับการฝึกอบรมพิเศษหรือเข้าร่วมกับองค์กรใดๆ น้องสาวของเขาเสี่ยวรุ่ยอิงก็ทำงานในโรงพยาบาลของประชาชนในเขตกวงหมิงก็เป็นเรื่องจริง เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะได้รับคำแนะนำและได้รับการสอนสั่งจากผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่อายุยังน้อย? “ ” มันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร” กู่ กุ้ยหลิน ค่อนข้างรู้สึกงงงวยในตอนนี้ คนธรรมดาจะกลายมาเป็นมนุษย์ที่มีทักษะที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจเสี่ยวหวังกล่าวเพิ่มเติม: “ผมหมายถึงว่าอาจจะมีผู้เชียวชาญที่่เดินทางผ่านไปที่หมู่บ้านของพวกเขาและเมื่อเขาได้เห็นกระดูกที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวหลิวเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาก็ได้สอนสั่งทักษะทั้งหมดให้แก่เขา? สิ่งนี้้จึงไม่มีระบุไว้ในประวัติย่อของเขา “ “คุณคิดว่านี่เป็นหนังภาพยนตร์หรือไง!” กู่ กุ้ยหลิน ขึ้นเสียง เจ้าหน้าที่ตำรวจหวังก็ยิ้มด้วยความอับอาย เขาเคยดูหนังที่คล้ายกันซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเดาออกมาเช่นนั้น ทันใดนั้นมีตำรวจผิวขาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานกับ กู่ กุ้ยหลิน : “เจ้าหน้าที่ กู่ กุ้ยหลิน ทนายจี จาก บริษัทกฎหมาย เจียงเฉิง กำลังจะประกันตัวผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวหลิว” ทนายความจาก บริษัทกฎหมาย เจียงเฉิง? จี เซินเจิ้น คนนั้นอะนะ! กู่ กุ้ยหลิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจหวังก็หน้าซีดเล็กน้อย จี เซินเจิ้น เขาเป็นหนึ่งในทนายความที่ดีที่สุดของเจียง แม้แต่คนรวยก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากที่จะทำให้เขาพอใจ เสี่ยวหลิวคนนี้จริงๆแล้ว เป็นใครกันแน่ เขาทำให้ จี เซินเจิ้น มาประกันตัวของเขาด้วยตัวเองได้อย่างไร กู่ กุ้ยหลิน ที่กำลังวางแผนที่จะสืบสวนเรื่องของเสี่ยวหลิวอย่างลึกซึ้งหลังจากนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไป ****** “ติ้ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ 10 แต้ม!” “ติ้ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ 20 แต้ม!” …… ในห้องสอบสวน เสียงระบบดังขึ้นภายในจิตใจของเสี่ยวหลิว ในความเป็นจริงเมื่อตอนที่เขาเริ่มต่อสู้กับลี ดาเหว่ย และคนของมันระบบก็เด้งแจ้งเตือนเขาอยู่เสมอ จนถึงตอนนี้เขามีแต้มมากกว่า 250 แต้มแล้ว ประตูห้องสอบสวนถูกเปิดออก กู่ กุ้ยหลิน และเจ้าหน้าที่หวัง เข้ามาเธอสั่งให้เจ้าหน้าที่อีกสองคนถอดกุญแจมือของเสี่ยวหลิวออก เธอพูดอย่างเย็นชา: “เสี่ยวหลิวคุณไปได้แล้ว!” “คุณแน่ใจแล้วเหรอ ว่าที่ฉันทำไปคือการป้องกันตัวเอง” เสี่ยวหลิวลุกขึ้นและถามด้วยรอยยิ้ม” ปัญหาของคุณที่คุณเจออาจจะเป็นการป้องกันตนเองที่มากเกินกว่าเหตุไปหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ได้ช่วยตำรวจในทางอ้อมในการปราบปรามอาชญากรรมฉันเองก็ไม่อยากที่จะให้คุณออกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้“กู่ กุ้ยหลิน มือของเธอล้วงในกระเป๋ากางเกงและเธอพูดอย่างภูมิใจ “โอ้ดูเหมือนว่าเป็นฉันที่จะต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ กู่ กุ้ยหลิน สิน่ะ!” เสี่ยวหลิวก้าวเดินออกไปที่ประตู “รอเดี๋ยวก่อน” กู่ กุ้ยหลิน หยุดเขาทันที เสี่ยวหลิวหยุดฝีเท้าของเขา: “มีอะไรอีกงั้นเหรอ คุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ”” คุณไปเรียนรู้ทักษะของคุณมาจากที่ไหนในประวัติส่วนตัวของคุณมันไม่ได้บอกเอาไว้ ว่าคุณได้รับการฝึกอบรมอะไรที่ไหน” กู่ กุ้ยหลิน จ้องมองไปที่เขาราวกับว่าเธอกำลังซักถามนักโทษ เสี่ยวหลิวตกตะลึงแล้วยิ้ม: “ฉันเรียนรู้มันมาจากคนขอทานแก่ๆที่อยู่ในหมู่บ้านของเราตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก” เจ้าหน้าที่ตำรวจหวังรู้สึกประหลาดใจและคิดกับตัวเองว่า “เขาฉลาดเกินกว่าที่เราจะเดาได้ว่ามันถูกต้องหรือไม่ เขาคงไม่โง่พอที่จะหลอกเจ้าหน้าที่ กุ้ยหลิน ใช่ไหม” “ขอทานคนแก่คืออะไร” กู่ กุ้ยหลิน เฝ้าดูการแสดงออกเล็กๆน้อยๆ ของเสี่ยวหลิวอย่างระมัดระวังเธอต้องการที่จะยืนยันว่าเขากำลังโกหกอยู่หรือไม่ “มันเป็นแค่ชายชราผู้น่าสงสารคนหนึ่งที่โกงอาหารและเครื่องดื่มของฉันไป ฉันถูกรังแกจากเขาตั้งแต่ยังเด็ก” “เขาชื่อว่าอะไร?” “ฉันไม่รู้ชื่อจริงของเขาชาวบ้านเรียกเขาว่าเป็นคนบ้า” “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” “เขาเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนนี้ร่างของเขาถูกฝังอยู่ในภูเขา” เสี่ยวหลิวเขาได้คิดคำตอบนี้ไว้ตั้งแต่ตอนเที่เขาถูกจับกุมแล้วดังนั้นคำตอบของเขาจึงราบรื่นมาก โดยทั่วไปมันเป็นเรื่องที่โง่เขลามากเพราะหมู่บ้านของเขามีคนแบบนี้อยู่จริงๆ ดังนั้นถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะตรวจสอบจริงๆ มันจะไม่มีข้อสงสัยใดๆ กู่ กุ้ยหลิน รู้สึกหดหู่มากกับคำตอบนี้ และเธอยังสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของเขาในเวลานี้ก็ไม่ออก ดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลวซะแล้วเพราะว่าเธอไม่สามารถบอกได้ว่าเสี่ยวหลิวกำลังพูดความจริงอยู่หรือไม่ …… ที่ประตูของสถานีตำรวจ จี เซินเจิ้น ที่มีผมสีเทาสวมแว่นตาสีทอง เขาจับมือกับ เสี่ยวหลิว อย่างเคร่งขรึม: “สวัสดีคุณเสี่ยว!” เสี่ยวหลิวเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมเขาถึงออกมาจากสถานีตำรวจได้อย่างรวดเร็ว “คุณเป็นคนที่ประกันตัวฉันออกมาเหรอ?” จี เซินเจิ้น พยักหน้า: “ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคุณชู ต่างหากที่เป็นคนประกันตัวคุณ” “คุณชูเป็นใคร” เสี่ยวหลิวขมวดคิ้ว เขาจำไม่ได้ว่ารู้จักกับผู้ชายที่ชื่อชู “ชู หยุนเชียง ประธานของ ฉางชาน พาวิลเลี่ยน!” จี เซินเจิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม