Chapter 11: งานปกป้อง

 

เมื่อได้ยินชื่อนั้นในหัวของเสี่ยวหลัวก็มีเสียงดังราวกับฟ้าร้องก้องอยู่ข้างใน

 

ชู หยุนเชียง หนึ่งในยักษ์ใหญ่ทางการค้าของเจียงเฉิงเขาเริ่มต้นจากศูนย์เมื่อเขายังเด็กและทํางานอย่างหนักมาเป็นเวลากว่า 20 ปีเพื่อก่อตั้ง ฉางชาน พาวิลเลี่ยน ตอนนี้ร้านอาหารของเจียงครึ่งหนึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมของเขาและหลายร้อยเมืองทั้งใหญ่และเล็กทั่วประเทศต่างก็มีสาขาย่อยของเขา

 

เสี่ยวหลัวทั้งประหลาดใจและสับสน เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขาไปมีความสัมพันธ์กับ ชู หยุนเชียง

 

“คุณเสี่ยว คุณชูกําลังรอคุณอยู่!” จี เซินเจิ้น ผ่ายมือออกไป

 

ตามทิศทางที่ชี้ให้เห็นโดย จี เซินเจิ้นเสี่ยวหลัวก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์คันสีดําจอดอยู่ริมถนน

 

ตอนที่ “เขา” ได้มาประกันตัวเสียวหลัวมันเป็นเรื่องธรรมดาสําหรับเสียวหลัวที่จะไปเจอเขา นอกจากนี้เขา ยังต้องการที่จะทราบว่าทําไมชูหยุนเซียงถึงมาช่วยเขา

 

หลังจากกล่าวคําอําลากับ จี เซินเจิ้น เสียวหลัว ก็เดินไปที่รถโรลส์-รอยซ์ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็พบว่า มันยากที่จะขยับสายตาออกไปจากบุคคลผู้นั้น”เอ๊ะเป็นคุณเองงั้นเหรอ?” เขาถามด้วยความประหลาดใจ

 

ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาเมื่อคืนตอนที่เขาออกไปทานอาหาร ตอนดึก

 

เมื่อคืนมันมืดมากเกินไปและมีระยะห่างระหว่างคนทั้งสองดังนั้นเสี่ยวหลัวจึงไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนคือ ซูหยุนเซียงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่มีสถานะเช่นนั้นจะชอบกินข้าวร้านแผงลอยริมถนน

 

ชู หยุนเชียง สวมชุดสูทและนั่งอยู่ในเบาะหนังแท้สีดําบริสุทธิ์เขามีผมสีขาวครั้งหนึ่งและลักษณะของเขามีความแข็งแรงมากกว่าคนทั่วไป”หนุ่มน้อยเข้ามาในรถก่อนสิแล้วเราค่อยมาพูดคุยกัน!”เขาพูดอย่างร่าเริง

 

รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เผยให้ถึงเห็นลมหายใจที่เหนือชั้น

 

เสี่ยวหลัวคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นเขาจึงเปิดประตูและเข้าไปข้างใน

 

“ฉินเหลียนดูเหมือนว่านี่จะเป็นรถของ ชู หยุนเชียงประธานของฉางชานพาวิลเลี่ยน “

 

บนชั้นสองของสถานีตํารวจเจ้าหน้าที่ตํารวจหวังมองดูรถโรลส์ – รอยซ์ที่กําลังขับห่างออกไปจากทางด้านหน้าต่างและพูดด้วยสีหน้าตกใจ “เสียวหลัวคือใครทําไมซูหยุนเซียงถึงมาช่วยเขา?”

 

ก่ กุ้ยหลิน ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน หนึ่งคือประธานที่อยู่ในชั้นบนสุดของชนชั้นทางสังคมและอีกหนึ่งคือผู้มีรายได้ระดับต่าสุดของชนชั้นทางสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างชายทั้งสองนั้นมันน่าจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันได้ และพวกเขาก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรยุ่งเกี่ยวกันเลย แต่จะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างไร?

 

เห็นได้ชัดว่าเธอจําไม่ได้ว่า ชู หยุนเชียง เองก็อยู่ตอนที่เธอจับเสี่ยวหลัวเมื่อคืนก่อนที่เธอจะพาตัวเขาไป

 

ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสนใจอย่างมากต่อตัวของเสี่ยวหลัว เธอลอบสาบานในใจว่าถ้าหากมีโอกาสเธอจะต้องทําให้เสียวหลัวเปิดเผยความลับทั้งหมดออกมาให้ได้

 

ประมาณสิบนาทีต่อมารถก็มาหยุดที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับจัตุรัส เสี่ยวหลัวเดินผ่านน้ําพุขนาดใหญ่และเดินตามชูหยุนเชียง เข้าไปในร้านกาแฟ

 

“ท่านประธาน!”

 

พนักงานและผู้จัดการของร้านกาแฟยืนอยู่ทั้งสองข้างทางให้การต้อนรับ ชุ หยุนเชียง

เสียวหลัวคาดเดาว่าร้านกาแฟนี้น่าจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของ ชู หยุนเชียง

 

ทั้งสองคนมาที่มุมอันเงียบสงบบนชั้นสองของร้านซึ่งมีพืชพรรอันหลากหลายมันทําให้บรรยากาศโดยรอบดูเงียบสงบ เล้งโจ่วและเล้งหยู่ บอดี้การ์ดทั้งสองคนของ ชู หยุนเชียงต่างก็เฝ้ามองอย่างใกล้ชิด

 

” ติดอยู่ที่สถานีตํารวจทั้งคืน เธอคงจะรู้สึกหิวสินะ” ชู หยุนเชียง ถามด้วยรอยยิ้ม

 

” นิดหน่อยครับ!” เสี่ยวหลัวตอบ

 

ชู หยุนเชียง โบกมือให้กับพนักงานของร้านกาแฟ ในไม่ช้าพนักงานก็นําอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะมันมีขนมปัง, ขนม, โจ๊กข้าว, น้ําผลข้าวโพด, สเต็ก … และในเวลาอันสั้นทั่วทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารอร่อยๆมากมาย

 

เสี่ยวหลัวไม่สามารถทนต่อความยั่วยวนได้เขาเริ่มลงมือกินในทันทีเพราะตอนนี้เขารู้สึกหิวมากจริงๆ

 

ชู หยุนเชียง ค่อนข้างรู้สึกเอนดูในตัวของเขา “เด็กดีเธอสามารถกินอะไรก็ได้ที่เธอต้องการแตกต่างจากคนแก่อย่างฉันที่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถกินอะไรแบบมั่วๆได้ เพราะมันง่ายที่จะถูกวางยาหรือมีปัญหาหลังจากรับประทานอาหารอย่างนั้น “ซู หยุนเชียงคิด

 

ขณะที่กาลังคิดอยู่เขาค่อยๆ หยิบน้ําข้าวโพดหนึ่งแก้วขึ้นมาจิบ

 

“มาเข้าประเด็นกันเลย คุณชู ผมไม่คิดว่าคุณชูแค่อยากจะพาผมมากินอาหารเช้าแค่นั้น” เสี่ยวหลัวกัดขนม ปังและพูดขึ้นในขณะที่เขาเคี้ยวขนมปัง

 

“ฮ่าฮ่า … ดีดี!”

 

ชู หยุนเชียง พบว่าสไตล์ของเสี่ยวหลัวนั้นใกล้เคียงกับเขามาก เขาหยิบเอาหนังสือสัญญาออกมาจากแขนของเขาต่อหน้าเสี่ยวหลัว

 

“นี่คือ?” หัวใจของเสี่ยวหลัวตื่นตัวเล็กน้อย

 

“เมื่อคืนนี้ฉันเห็นด้วยตาของตัวเองว่าเธอถล่มพวกอันธพาลและนักเลงหัวเซียจนเละแทะเธอไม่เพียงแต่มีความกล้าหาญ แต่ยังมีความสามารถพิเศษในการต่อสู้กับพวกอันธพาลมากกว่า 20คนและพวกพวกอันธพาล พวกนั้นก็ยังติดอาวุธมีดอีกด้วย ฉันขอชื่นชมเธอด้วยใจจริงดังนั้นฉันต้องการขอให้น้องชายเสี่ยวปกป้องใครสักคนค่าตอบแทนคือ 2 ล้านและกรอบระยะเวลาคือ 3 เดือน”

 

ถ้าฉันปกป้องคนเป็นเวลาสามเดือนค่าตอบแทนคือ 2 ล้าน?

 

เงินปริมาณนั้นส่งผลอย่างมากต่อหัวใจของเสี่ยวหลัว แต่ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ได้ เขาอ่านสัญญาอย่างละเอียด มันเขียนระบุไว้อย่างชัดเจนในรูปของตัวอักษร ขาว – ดํายืนยันว่า ชู หยุนเชียง นั้นไม่หลอกตัวเขาเองอย่างแน่นอน

 

“ผมต้องปกป้องใคร”

 

“ลูกสาวของฉัน”

 

“ลูกสาวของคุณ?”

 

เสียวหลัวเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “คุณชูคุณมองผมสูงเกินไปแล้วคุณจะมอบความไว้วางใจให้ลูกสาวของคุณได้รับการปกป้องจากคนที่คุณพึ่งรู้จักมาไม่ถึงหนึ่งวันได้ยังไง?”

 

“ฉันไม่สงสัยและไม่จําเป็นต้องสงสัย ฉันรู้จักนิสัยและความสามารถของเธอดีเธอให้การช่วยเหลือเด็กที่เธอพบเจอโดยบังเอิญและไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง”ชู หยุนเชียงดื่มน้ําข้าวโพดอย่างสบายๆและกล่าวราวกับเขากําลังสอบสวนเสี่ยวหลัวอยู่” ถึงอย่างนั้นทําไมคุณถึงไม่ขอให้พวกเขาปกป้องลูกสาวของคุณ?”เสียวชี้ไปที่เล้งโจวและเล้งหยู่ “ในฐานะที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดพวกเขาน่าจะดีกว่าผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”

 

ชู หยุนเชียง วางแก้วของเขาลงแล้วส่ายหัว ” ไม่เหมาะเพราะว่าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ดและเพราะว่าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ดนี้แหละมันถึงไม่เหมาะสําหรับงานนี้”

 

เรื่องนี้มันทําให้เสี่ยวหลัวมีความสงสัยบางอย่างบอดี้การ์ดมีความเชี่ยวชาญในการปกป้องผู้คนดังนั้นเหตุใดชูหยุนเชียง จึงบอกว่าพวกเขาไม่เหมาะสม” เหตุผลก็คือลูกสาวของฉันชูเยว่ไม่ชอบที่จะมีบอดี้การ์ดมาคอยตามติดเธอและเธอก็พยายามทําทุกวิถีทางที่จะบังคับพวกเขาให้ออกไปชูหยุนเชียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

 

เสียวหลัวพยักหน้าว่าเขาเข้าใจว่าเธอที่เกิดในครอบครัวที่ร่ํารวยและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่ยังเด็ก มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีลูกสาวที่เอาแต่ใจ

 

ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ลูกสาวของคุณชูท่างานที่ไหน?”

 

“เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่และกําลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยหัวเก่”

“นักศึกษา”

 

นี่มันเกินความคาดหมายของเสียวหลัว แต่ในไม่ช้าเขาก็สงบลง “คุณชูหมายความว่าผมต้องแกล้งไปเป็นนักศึกษาและตามเป็นผู้คุ้มกันที่มองไม่เห็นอยู่ข้างๆเธอ งั้นเหรอ?”

 

“ใช่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่เธอไม่สามารถต้านทานการตัดสินใจของฉันได้”

 

เสียวหลัวรู้สึกทนทุกข์: “ผมต้องขอเตือนคุณชูว่าจริงๆแล้วตอนนี้ผมอายุ 26 ปีแล้ว”

 

การให้เขาไปปลอมตัวเป็นนักศึกษานั้นมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

 

“อายุไม่สําคัญ สิ่งสําคัญก็คือเธอยังเด็กอยู่และมันก็จะไม่มีใครสงสัยสถานะของเธอในฐานะนักศึกษาเมื่อเธอเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย

 

ชู หยุนเชียง หัวเราะ “นี่เป็นเหตุผลหลักที่ฉันเลือกเธอ บอดี้การ์ดของฉันแม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถแต่ให้พวกเขาไปเล่นบทบาทของนักศึกษาแล้วนั้น …”

 

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่ายหัว ความหมายนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว

 

เสี่ยวหลัวพยักหน้าว่าเขาเข้าใจแล้ว

 

“เราจะเซ็นสัญญาในตอนนี้เลยเธอคิดว่าไง?” ชู หยุนเชียง ยังคงเป็นคนที่ตรงไปตรงมา

 

“ผมมีหนึ่งคําถามสุดท้าย”

 

“พูดมาเถอะ”

 

“ทําไมต้องเป็นเวลาสามเดือน?” เสียวหลัวถาม

 

นิ้วของ ชู หยุนเชียง เคาะลงบนโต๊ะ: “ฉันมั่นใจว่าคู่แข่งของฉันจะล้มละลายภายในระยะเวลาสามเดือนตราบใดที่เขาล้มละลายเขาก็จะไม่มีเงินมาจ่างพวกนอกกฎหมายเพื่อที่จะอุ้มลูกสาวของฉันเพื่อมาข่มขู่ฉันและฉันก็สามารถสงวนพลังงานได้มากขึ้นเพื่อปกป้องเธอ “