[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 404 : สังหารซันเทียนเปียว – กลุ่มเทพอินทรี
ซันเทียนเปียวถูกกระบี่มังกรขาวแทงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายและหน้าอกตั้งแต่เริ่มปะทะกับหลิงหยุน และหลังจากนั้นไหล่ซ้ายก็ถูกฟันด้วยกระบี่โลหิตแดนใต้ ตอนนี้เลือดกำลังไหลท่วมตัวของเขา..
เลือดจำนวนมากไหลออกจากร่างของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนไม่หยุด จนใบหน้าซีดเซียวไปหมด และหน้าผากก็มีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมามากมาย
ซันเทียนเปียวใช้มือข้างขวาปิดบาดแผลที่ไหล่ไว้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุน และร้องถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“หลิงหยุน.. เมื่อสิบวันก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-8 ด้วยซ้ำไป แต่ทำไมตอนนี้เจ้าจึงสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 ถึงสองคนได้?”
หลิงหยุนยิ้มบางก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดัน “พรสวรรค์.. เจ้ารู้จักไม๊? ข้าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ คงไม่ต้องอธิบายมาก!”
ตู้กู่โม่ได้ยินถึงกับกรอกตาไปมาพร้อมกับคิดในใจว่า ‘ข้าเองก็ได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์อย่างหาได้ยากแห่งตระกูลตู้กู่เหมือนกัน แต่หากเทียบกับพรสวรรค์ดั่งปีศาจประทานของเจ้าแล้ว ความเก่งของข้าแทบไม่มีอะไรเลย..’
ซันเทียนเปียวได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น เพราะรู้ดีว่าตระกูลซันได้สะดุดตอต้นใหญ่มากเข้าแล้วจริงๆ แม้ฝีมือและความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในเวลานี้ จะไม่สามารถถึงกับทำให้ตระกูลซันต้องสิ้นชื่อได้ในทันที แต่หากหลิงหยุนใช้วิธีแอบซุ่มโจมตี ก็อาจสามารถสังหารสมาชิกและยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 ของตระกูลซันได้ หรืออาจจะมากกว่านั้น!
แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าหวาดกลัวเท่ากับความก้าวหน้าที่รวดเร็วอย่างมากของหลิงหยุน!
เมื่อสิบวันที่แล้ว ดูเหมือนหลิงหยุนจะยังอยู่เพียงแค่ขั้นโฮ่วเทียน-8 แต่หลังจากนั้นสิบวัน เขากลับสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 ได้! กำลังภายในของเขาช่างรุดหน้าได้อย่างก้าวกระโดด!
หากกำลังภายในของหลิงหยุนจะก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ อีกสิบวันข้างหน้า.. หลิงหยุนคงจะสามารถทำลายล้างตระกูลซันจนสิ้นซากได้อย่างแน่นอน?
“หลิงหยุน.. ทั้งหมดเป็นความผิดของลูกชายข้า – ซันจิ้ง! วันนี้หากเจ้าปล่อยข้าไป ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด หรือมีเงื่อนไขอะไร ข้า-ซันเทียนเปียวยินดีที่จะปฏิบัติตามทุกอย่าง!”
ซันเทียนเปียวเป็นฝ่ายเอ่ยของขมาหลิงหยุน และร้องขอให้เขายกโทษให้!
ปัง!
เท้าของหลิงหยุนกระแทกเข้าที่ท้องน้อยของซันเทียนเปียวอย่างแรง ซันเทียนเปียวที่ไม่กล้าแม้แต่จะหลบ ถึงกับลงไปนอนขดเป็นกุ้งอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด..
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะมาต่อรองกับข้า ถ้าวันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าคงต้องเปลี่ยนไปใช้แซ่อื่นแล้ว!” หลิงหยุนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หากตอนนี้เฉิงเม่ยเฟิงปลอดภัยเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลเฉิง หลิงหยุนอาจจะเมตตาไว้ชีวิตของซันเทียนเปียวเมื่อเขาร้องขอก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องทำลายวรยุทธของเขาเสียก่อน
แต่นี่เป็นเพราะถูกซันเทียนเปียวบีบบังคับ ผู้หญิงของเขาจึงต้องถูกนำตัวกลับไปที่สำนักจิ้งซิน และตอนนี้แม่ชีมี่ยื่อก็ได้พาเธอไปจนไกลแล้ว หากหลิงหยุนเมตตาปล่อยเขาไป ก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก!
“ตอนนี้เจ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว! แต่หากเจ้าต้องการจะส่งข่าวบอกครอบครัวของเจ้า ก็รีบตัดสินใจซะ ข้าไม่ได้มีความอดทนสูงนัก!”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ซันเทียนเปียวรู้ดีว่าตนหมดโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแน่แล้ว ความกลัวตายจึงเข้าปกคลุมจิตใจของเขาขึ้นมาทันที ร่างทั้งร่างของเขาอ่อนระทวย และสั่นเทาไปหมด!
โดยปกติแล้ว ผู้ใดที่ฝึกตนจนสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ อย่างน้อยก็จะต้องมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี แต่นี่เขากลับต้องมาจบชีวิตในวัยเพียงแค่ห้าสิบ!
“หลิงหยุน.. ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับครอบครัวของข้า ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด..”
ซันเทียนเปียวทั้งตกใจ และหวาดกลัวต่อความตาย จนต้องคุกเข่าลงขอร้องหลิงหยุนให้ปล่อยตนเองไป
ตอนนี้ใบหน้าของยอดฝีมือที่เก่งกาจแห่งตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง กลับเต็มไปด้วยความหวาดผวาและกลัวตาย!
ซันเทียนเปียวในเวลานี้ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด หลิงหยุนเกรงว่าเขาจะหลบหนีไป จึงได้โคจรดารกะดายันทั่วร่าง พร้อมกับค่อยๆเงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือขึ้นช้าๆ!
“ปล่อยเขาไปซะ!”
จู่ๆ เสียงดังก้องราวกับพายุก็ดังขึ้นห่างออกไปราวสองสามร้อยเมตร และร่างสูงก็ปรากฏตัวขึ้นกระโดดไปมาตามกิ่งไม้อย่างคล่องแคล่ว และตอนนี้ก็อยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร!
“ข้าเกลียดคำพูดแบบนี้ที่สุด!”
หลิงหยุนพูดเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ พร้อมกับแทงกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปที่ร่างของซันเทียนเปียวทันที
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชของซันเทียนเปียวดังขึ้น พร้อมกับร่างที่คลานหนีคมกระบี่สีดำของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
หลิงหยุนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แววตาของเขาเยือกเย็น และตะปูในมือสิบกว่าเล่มก็ถูกซัดออกไป พร้อมกับใช้มังกรพรางร่างไปโผล่ขวางหน้าซันเทียนเปียวที่กำลังเตรียมตัวกระโดดหนี!
“โอ๊ย…”
ซันเทียนเปียวคิดแต่จะหนีจนลืมที่จะเดินลมปราณป้องกันร่างกายของตนเองไว้ ตะปูหลายเล่มของหลิงหยุนจึงพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของเขาจนกรีดร้องเสียงดังออกมาด้วยความเจ็บปวด!
กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือหลิงหยุนฟันลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้ความเร็วของกระบี่เร็วกว่าครั้งแรกเป็นเท่าตัว..
ชัวะ!
เลือดสีแดงพุ่งออกมาจากแขนข้างขวาของซันเทียนเปียวที่ถูกคมกระบี่ของหลิงหยุนตัดจนขาด!
“และนี่เป็นการลงโทษที่เจ้าบังคับให้คนของข้าเปลี่ยนไปใช้แซ่ของเจ้า.. ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสของการถูกสับเป็นชิ้นๆ!”
ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ..! หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับตรงเข้าฟันไปตามร่างของซันเทียนเปียวไม่เลือก ส่วนซันเทียนเปียวก็ถูกฟันจนแทบไม่เหลือร่างเดิม!
“หลิงหยุน.. เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?”
ยอดฝีมือที่เพิ่งมาถึงร้องตะโกนออกไปทันที เมื่อเห็นหลิงหยุนกระหน่ำฟันซันเทียนเปียว ความโกรธของเขาพุ่งขึ้นจนต้องตวัดแส้ยาวสีดำในมือใส่ข้อมือขวาของหลิงหยุน!
“ฮึ่ม!” หลิงหยุนทำเสียงไม่พอใจ พร้อมกับบิดข้อมือ และกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปะทะเข้ากับแส้ยาวที่ฟาดมาทางด้านหลังของเขาได้อย่างพอดิบพอดี
เหล่ากุ่ยมองเห็นปีกอินทรีบนหน้าอกข้างซ้ายของเหลยเชิ่ง จึงรีบส่งกระแสจิตบอกหลิงหยุนทันที “เขาเป็นคนของกลุ่มเทพอินทรี เป็นหนึ่งในองค์กรลี้ลับแห่งประเทศจีน อย่าได้ทำร้ายเขาล่ะ!”
เหลยเชิ่งเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 เขารู้ดีว่ากระบี่ในมือของหลิงหยุนนั้นคือกระบี่โลหิตแดนใต้ แส้ยาวสีดำในมือสะบัดหลบได้อย่างนุ่มนวล มันยืดหยุ่นได้ราวกับงู และสามารถหลบคมกระบี่ของหลิงหยุนได้อย่างอัศจรรย์!
จากนั้นเหลยเชิ่งก็กระโดดลงมากลางสนามห่างจากหลิงหยุนไปราวเจ็ดเมตร และหยุดโจมตีหลิงหยุน เขากวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อประเมินสถานการณ์
เขาพบยอดฝีมือขั้นเริ่มต้นสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บจากตะปูอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ทั้งสี่คนกำลังดูแลซึ่งกันและกัน พวกเขาได้แต่มองหลิงหยุนและยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนทั้งสามคนต่อสู้กัน ไม่เพียงไม่กล้าเขาไปช่วย แต่ยังไม่กล้าหลบหนีอีกด้วย
เหลยเชิ่งเห็นร่องรอยการต่อสู้ที่ดุเดือดในสนาม จึงรู้ว่าตนเองมาช้าเกินไปหนึ่งก้าวอีกแล้ว ตระกูลซันพายอดฝีมือมาที่เมืองจิงฉูมากมาย แต่กลับถูกสังหารตายจนเกือบหมด เหลือเพียงยอดฝีมือขั้นต้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เหลยเชิ่งมองกระบี่ในมือของหลิงหยุนพร้อมกับพูดว่า “หลิงหยุน ข้าคงไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกับเจ้าอีกแล้ว เจ้าอายุเพียงแค่สิบแปด แต่กลับเหี้ยมโหดได้ถึงเพียงนี้ เจ้าทำเกินไปแล้วจริงๆ!”
หลิงหยุนยิ้มเย็นชาพร้อมกับก้าวเท้าไปข้างหน้า “เกินไปงั้นรึ? ข้ากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น!”
“กลุ่มเทพอินทรี หนึ่งในองค์กรลี้ลับของประเทศจีน ฟังดูใหญ่โตดีนี่! แต่ก่อนที่ข้าจะต้องลงมือสะสางปัญหาพวกนี้ด้วยตัวเอง พวกเจ้าไปอยู่ที่ใหนมา?”
เหลยเชิ่งได้แต่อึ้งและผงะไปเล็กน้อย.. “นี่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นคนของกลุ่มเทพอินทรี?”
แต่หลิงหยุนไม่ตอบแต่กลับย้อนถามว่า “เราสองคนไม่เคยพบกันมาก่อน แล้วเจ้ารู้จักชื่อของข้าได้ยังไง?!”
เหลยเชิ่งถึงกับอึ้งเมื่อถูกหลิงหยุนย้อนถาม ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดด้วยความไม่พอใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาสนใจเรื่องพวกนี้ เขายกมือขึ้นและชี้ไปยังร่างของซันเทียนเปียวที่ถูกฟันเละอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน นี่เจ้ารู้ตัวบ้างไม๊ว่ากำลังจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่หลวงแล้ว!”
หลิงหยุนยังคงยิ้มและตอบกลับไปว่า “รู้สิ! ข้าจะบอกเจ้าตามตรงก็ได้ว่า สามคนนี้ล้วนถูกข้าสังหารทั้งสิ้น! แล้วมีอะไรไม๊?”
สีหน้าและแววตาของหลิงหยุนเริ่มไม่พอใจ และหากเหลยเชิ่งกล้าวุ่นวายกับเขามากกว่านี้ เขาก็ไม่สนใจและไม่ลังเลที่จะทำให้เหลยเชิ่งไปนอนกองอยู่ที่พื้นอีกคน
“เจ้า..! เจ้ามันช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าบ้านเมืองมีกฏหมาย และการฆ่าคนตายก็ผิดกฎหมายอาญา แล้วจ้ายังฆ่าคนไปตั้งมากมายด้วย!”
“งั้นรึ?”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเกาศรีษะ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองงั้นรึ? ใครเป็นคนออกกฏหมาย!”
“เฮ้อ.. ข้าไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้เจ้าฟัง! เจ้าฆ่าซันเทียนเปียว และยอดฝีมืออีกมากมาย เจ้ามีโทษทางอาญา ยังไงวันนี้ข้าก็ต้องพาตัวเจ้ากลับไปให้ได้!”
หลิงหยุนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “คิดจะเอาตัวข้ากลับไป? เจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาและมีความสามารถพอที่จะพาข้ากลับไปได้งั้นรึ?”
พูดจบหลิงหยุนก็ยกกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือ ชี้ไปที่หน้าของเหลยเชิ่งพร้อมกับโบกไปมาช้าๆ
สีหน้าของเหล่ยเชิ่งเต็มไปด้วยกระอักกระอ่วน เพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะเป็นคนที่ยั่วโมโหได้เก่งถึงเพียงนี้
เหลยเชิ่งมองออกว่าเหล่ากุ่ยและตู้กู่โม่ที่สวมผ้าปิดบังใบหน้าไว้นั้น เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ยังไม่ถึงระดับเริ่มต้นด้วยซ้ำ
ส่วนหลิงหยุนนั้น เหลยเชิ่งมองไม่ออก แต่หากประเมินจากการที่หลิงหยุนสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 ได้ถึงสามคน แสดงว่าเขาต้องอยู่ในขั้นที่เหนือกว่าเซียงเทียน-1 อย่างแน่นอน!
“หลิงหยุน คนผู้นี้เป็นคนขององค์กรลี้ลับ เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำกับเขาให้มากนัก และอย่าได้สร้างความอับอายให้เขามากจนเกินไป” เหล่ากุ่ยส่งกระแสจิตเตือนให้หลิงหยุนระวังคำพูด
หลิงหยุนฟังแล้วจึงได้แต่ฉีกยิ้มให้กับเหลยเชิ่งพร้อมกับถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าท่านมีชื่อแซ่อะไร..?”
“เหล่ยเชิ่ง!”
หลิงหยุนยิ้มและพูดต่อว่า “อ่อ.. พี่เหล่ย.. ข้า-หลิงหยุนมีคำถามอยากจะถามท่านสักหน่อย..”
“เจ้าถามมา!” เหล่ยเช่ยรู้ตัวดีว่าไม่สามารถตามอารมณ์ของหลิงหยุนทัน
หลิงหยุนยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใสดูแล้วแทบไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลยแม้แต่น้อย
“ถ้ามีคนต้องการจะฆ่าท่าน ท่านจะทำอย่างไร?
เหล่ยเชิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างมีสติ “เรื่องนี้.. ก็ต้องไปแจ้งความ..”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางถังเทียนเห่าว “หากแม้แต่ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงยังถูกจับตัวมาที่นี่ล่ะ แล้วข้าจะไปแจ้งความกับใคร? แล้วแจ้งความไปจะมีประโยชน์อะไร?”
เหล่ยเชิ่งมองถังเทียนห่าวด้วยความตกตะลึง..
คนที่มาเอาแฟ้มประวัติของหลิงยุนไปจากสำนักงานรักษาความมั่นคงในวันนั้นก็คือเหล่ยเชิ่งและเจี่ยเฟย! แน่นอนว่าพวกเขาต้องเคยได้พบกับถังเทียนห่าวมาก่อนแล้ว
หลิงหยุนยิ้มและพูดต่อว่า “แล้วระหว่างยืนยืดคอให้พวกมันฆ่าข้า กับข้าที่เป็นฝ่ายสังหารพวกมัน ท่านคิดว่าข้าควรเลือกทำแบบใหน?”
“พูดได้ดี!”
ทันทีที่หลิงหยุนพูดจบ เสียงไพเราะก็ดังมาจากป่าไกลนอกหมู่บ้าน!
ทุกคนในที่นั้นต่างก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียงพร้อมกัน และทุกคนก็ได้พบกับหญิงชุดขาวที่มีผ้าคลุมปิดหน้า กระโปรงยาวพริ้วสะบัดลอยละลิ่วลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน!