ตอนที่ 166.3 ได้พบกันอีกครั้ง (3)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เหล่าทหารนิ่งลง 

 

 

ความไม่พอใจ ความข้องใจ การพูดจาเสียดสีประชดประชันเมื่อครู่นี้ หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงเองก็อึ้งจนพูดไม่ออก 

 

 

“ยังคิดจะบุกอยู่หรือไม่” ซย่าโหวซื่อถิงลูบแผงคอม้าพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา 

 

 

ทุกคนนิ่งและไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ 

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีนายทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา ครั้งนี้เขาใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ท่านอ๋องทรงพระปรีชาขอรับ! ถ้าเช่นนั้น…ท่านอ๋องมีแผนการอย่างไรขอรับ ทุ่นระเบิดพวกนั้นมีกำลังที่รุนแรงนัก กองทัพของเรามีขนาดใหญ่มาก แล้วทางขึ้นเขามีทางเดียวเท่านั้น หากขึ้นไปจริง ในยามค่ำคืนเช่นนี้และยังมีต้นไม้มากมายถึงเพียงนี้ คงเดินเบียดกันไม่น้อย ต้องมีคนเหยียบโดนเพราะไม่ทันระวังแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้น กองทัพจะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่…” 

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงไม่โต้ตอบใดๆ แต่เงยศีรษะขึ้นมองบนทางลาดชันนั่น “พูดคุยกันในระยะไกลเช่นนี้ คงมีผลสรุปหรอก ข้าจะแสดงความจริงใจด้วยการขึ้นไปบนนั้น และพาผู้ติดตามไปเพียงแค่คนเดียว แล้วเรามาหารือกันดีกว่า เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร” 

 

 

ทุกคนตะลึง 

 

 

บนทางลาดชันตรงนั้น ซานอิงก็ตะลึงไม่ต่าง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบกลับว่า “คิดไม่ถึงเลยว่า คนในราชวงศ์ที่โตมากับกองเงินกองทอง จะมีคนอย่างท่านด้วย ถ้าอย่างนั้นท่านก็ขึ้นมาเลย” 

 

 

ผู้ติดตามฉินอ๋องห้ามปราบก่อนใคร “ไม่ได้นะขอรับท่านอ๋อง ท่านจะขึ้นไปได้อย่างไร ถ้าโจรป่าพวกนั้นทำร้ายท่านจะทำอย่างไร” 

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงพูดอย่างเสียงดังพอที่ให้คนข้างบนได้ยิน “พวกมันก็อยากมีชีวิตต่อ ทำร้ายข้ารึ นี่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องตายสถานเดียว หากมีมันสมอง พวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้นแน่ ถ้าพวกมันจับข้าเพื่อข่มขู่ พวกเจ้าอย่าได้ภวงค์หน้าภวงค์หลัง ฆ่าได้ฆ่า นี่คือคำสั่งข้อที่หนึ่งของข้าในค่ำคืนนี้!” 

 

 

ซานอิงได้ยินอย่างนั้นก็เย็นไปทั้งแผ่นหลัง ฉินอ๋องท่านนี้ เด็ดขาดอย่างคาดไม่ถึง ใช้ความเด็ดขาดกับผู้อื่นอย่างไร ก็ไม่เท่ากับการนำมาใช้กับตัวเอง เป็นถึงองค์ชาย กลับออกคำสั่งกับเหล่าทหารว่าไม่ต้องสนใจชีวิตของตน หากเรื่องราวถึงจุดหนึ่งที่ต้องสู้ ก็ต้องสู้ จะมีผู้สูงศักดิ์สักกี่คนที่เด็ดขาดได้ถึงเพียงนี้ 

 

 

คำพูดนี้คือการเตือนให้เขาอย่าได้คิดแผนการใด หากมีสิ่งใดที่สื่อให้เห็นว่าจะทำร้ายหรือจับตัว เรื่องนี้จะไม่มีช่องว่างเหลือให้เจรจาอีกต่อไป มีแต่ตายไปพร้อมๆ กันอย่างไม่ต้องสงสัย 

 

 

เฉินจ้าวทอดสายตาไปยังฉินอ๋อง พูดด้วยเสียงเบาว่า “ท่านอ๋องไม่มีความจำเป็นต้องนำตัวไปเสี่ยงเช่นนี้…” เห็นเพียงเขาลงจากอานม้า มีซือเหยาอันอยู่ข้างๆ เดินขึ้นเขาโดยใช้เส้นทางเล็กๆ พร้อมกับเอามือไขว้ไว้ที่หลัง 

 

 

ท่าทางไม่เหมือนกับคนไปเจรจากับโจรป่า คล้ายว่ามาเดินเล่นยามว่าง 

 

 

เฉินจ้าวกลั้นหายใจไว้ครู่หนึ่ง แล้วดึงเชือกหันหลังกลับพร้อมออกคำสั่งว่า “ทุกคนอยู่กับที่ รอคำสั่งจากข้างบน ห้ามกระทำสิ่งใดโดยพลการเด็ดขาด!” 

 

 

ทุกคนเป็นอันรับทราบ 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงกลืนน้ำลายหนึ่งอึก สายตานั้นทอดไปยังแผ่นหลังของฉินอ๋องที่หายเข้าไปในป่าอย่างช้าๆ แต่แล้วก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา จึงเรียกนายทหารที่ไปกับซือเหยาอันมาหา เขาโน้มตัวลงและถามออกไปว่า “บนนั้นซ่อนทุ่นระเบิดไว้จริงหรือ” 

 

 

“มีของปลอมด้วยหรือขอรับ? พวกมันฝังไว้ตลอดทาง ดีที่ท่านอ๋องเอะใจ รู้สึกว่าซานอิงมีท่าทีแปลกๆ จึงเรียกให้ใต้เท้าซือไปดูเสียหน่อย! ถ้าเดินขึ้นไปข้างบนอีกนิด ไม่แน่ อาจจะฝังไว้มากกว่านี้อีกขอรับ โจรป่าพวกนั้น คงคิดว่าถ้าหนีไม่รอด พวกมันคงคิดแผนตายพร้อมกันไว้แล้วขอรับ!” นายทหารตอบกลับอย่างซื่อๆ 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงหรี่ตาลง มือที่กำเชือกไว้สั่นเล็กน้อย 

 

 

รั้วที่ก่อขึ้นชั่วคราวบนยอดเขา มีกองไฟกำลังลุกโชนอยู่ตรงกลาง 

 

 

ซานอิงทอดสายตาไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามกองไฟ เขาสวมใส่เกราะนิ่มที่ใช้ป้องกันหน้าอก รองเท้าหุ้มข้อที่ทำจากเหล็ก ไหล่กว้างนั้นเต็มไปด้วยมังกรลายเมฆ ตัวป้องกันไหล่แบบปักหมุดยิ่งทำให้ดูสูงเป็นสง่า ชุดนั้นคล้ายกับชุดทหาร แต่ก็ไม่สามารถบดบังความสูงศักดิ์ที่มีมาแต่กำเนิดได้ 

 

 

ลำตัวสูงยาว รูปลักษณ์หล่อเหลา แต่สีผิวที่ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางไฟสีส้ม ก็ยังดูซีดเหมือนขาดเลือดเล็กน้อย แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาดูอ่อนแอ อากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาว กลับยิ่งเพิ่มความสุขุนุ่มลึกชนิดที่เดาไม่ออกมากเพิ่มอีกด้วย 

 

 

ชายหนุ่มเลือกก้อนหินที่สูงพอประมาณหนึ่งก้อน สะบัดชายกระโปรงออก สองขาที่เรียวยาวอ้าออกเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงไป สายตามองทะลุผ่านกองไฟ ท่าทีดูใจเย็นไม่น้อย คำกล่าวนำทำให้โจรป่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน “ได้ยินชื่อเสียงมิสู้ได้พบหน้า” 

 

 

เพียงแค่รัศมีกับรูปร่าง ก็ท่วมท้นกว่าผู้อื่น 

 

 

ซานอิงมองอยู่นาน ภายในใจเริ่มเลิ่กลั่ก เพื่อให้ความวิตกกังวลหายไป เขาจึงแสดงสีหน้าที่ดุร้ายพร้อมกับกล่าวว่า “มีอะไรก็รีบว่ามา” 

 

 

ตรงข้ามกองไฟ ซย่าโหวซื่อถิงเก็บความกังวลเอาไว้ และกล่าวออกไปอย่างแผ่วเบาพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้ายังไม่รีบร้อนเลย แล้วเจ้ากลัวสิ่งใดอยู่รึ?” 

 

 

ซานอิงถูกมองออกถึงความในใจ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “อย่าคิดใช้วิธีนั้นเชียวล่ะ พวกปั้นหน้าอย่างพวกเจ้า ข้ารู้ทันหมด พวกเจ้าก็แค่สุภาพบุรุษจอมปลอม! ข้าขอพูดไว้ตรงนี้เลย ถ้าเจ้าคิดจะเกลี้ยกล่อมให้ข้ายอมจำนน กลืนคำพูดนั้นเข้าไปซะ! ข้าขอแค่ปล่อยพวกข้าไปเท่านั้น!” 

 

 

ซือเหยาอันส่ายหัว “การที่มีคนบอกว่าเจ้ามีความกล้าแต่ไร้ซึ่งแผนการใดๆ คงเป็นเช่นนั้นจริงสินะ หากท่านอ๋องของข้าคิดจะเกลี้ยกล่อมเจ้าจริง จะเข้าถ้ำเสื้อเพื่อมาเจรจาเป็นการส่วนตัวกับเจ้าอย่างนั้นรึ” 

 

 

ซานอิงหรี่ตาลง เห็นเพียงองค์ชายท่านนั้นเอาฝ่ามือลูบลงไปที่เอว เขาไหวตัวอย่างรวดเร็วด้วยการชักดาบใหญ่ออกมา และให้สัญญาณมือกับทัพหลังเตรียมธนูให้พร้อม และกล่าวว่า “เจ้าจะทำอะไร” 

 

 

กลายเป็นนกตื่นธนู ที่คิดว่าความพินาศอยู่ไม่ไกลไปแล้วสินะ สายตาของซย่าโหวซื่อถิงเต็มไปด้วยความสงสาร มือที่ลูบลงไปเมื่อครู่ควักของแข็งออกมาหนึ่งสิ่ง เป็นสิ่งของที่มีสีเขียวแวววาว 

 

 

มันคือหยกแขวน 

 

 

พู่สีแดงของหยกแขวนพันนิ้วของชายหนุ่มเอาไว้ ปรากฏแก่สายตาผู้คนตรงนั้น 

 

 

ซานอิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ และส่งสัญญาณให้วางอาวุธลง เขาถามออกไปด้วยความสงสัย “ท่านหมายความว่าอย่างไร” 

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงหันหน้าไปด้านข้าง “กำลังทหารตรงภูเขาซีเป่ยค่อนข้างน้อย พวกเจ้าบุกทะลวงคงไม่ยากนัก ข้าไม่เพียงแต่จะปล่อยพวกเจ้าลงจากเขา แต่พวกเจ้ายังสามารถ “แย่ง” ของข้างกายของข้าและออกไปจากเมืองได้อีกด้วย” 

 

 

ซานอิงได้ยินดังนั้นก็อึ้งจนอ้าปากค้าง และดีใจยกใหญ่ แต่ยังไม่กล้าฟันธงเชื่อสนิท “เจ้าพูดจริงหรือพูดหลอก? ทำไม…ถึงปล่อยพวกข้าไป? มีข้อแลกเปลี่ยนอันใด?” 

 

 

หลี่ว์ปายืนอยู่ข้างๆ ซานอิง แม้ไม่พูดจา แต่เห็นทุกอย่าง สิ่งที่องค์ชายสามท่านนี้ทำในคืนนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่อยู่นอกกรอบ ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ยอมถอยให้กลุ่มของซานอิงครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกับขึ้นมาเจรจาด้วยตัวเอง ตอนนี้ยังคิดปล่อยกลุ่มของซานอิงไปอีก เขาต้องกังวลบางอย่างอยู่แน่ แต่คนที่เป็นหมากไม่อาจมองทะลุปรุโปร่งได้ เวลานี้ซานอิงอยากจะวิ่งหนีเท่านั้น ภายในใจวุ่นวายไปหมด องค์ชายท่านนี้มาให้ความหวังเช่นนี้แล้ว แล้วยังจะกังวลสิ่งใดอีก 

 

 

สิ่งที่ฉินอ๋องกังวลอยู่ คืออะไรกันแน่ 

 

 

หลี่ว์ปากำมือเอาไว้ แล้วหญิงสาวคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว 

 

 

หรือหญิงสาวคนนั้นจะเป็นที่โปรดปรานจริง แล้วองค์ชายก็มาเพื่อช่วยนาง? 

 

 

เป็นไปไม่ได้…เป็นแค่สาวใช้ องค์ชายถึงกับลดตัวลงมาเชียวรึ? 

 

 

สมองข้าเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ ! 

 

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในค่ำคืนนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีทีเดียวหากสาวใช้คิดจะหนี! หลี่ว์ปาถอนหายใจ 

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงมองซานอิง ฝ่ายตรงข้ามถามข้อแลกเปลี่ยนกับตนอย่างไม่อ้อมค้อม แต่ในเวลานี้ ถึงเขาจะใจร้อนเป็นไฟอย่างไร ก็ไม่อาจบอกออกไปว่าให้ปล่อยตัวประกัน 

 

 

อย่าว่าแต่ให้ซานอิงปล่อยตัวประกันเลย แค่ถามถึง ก็ไม่ได้ 

 

 

เป็นถึงองค์ชาย จะเป็นห่วงความเป็นความตายของสาวใช้ได้อย่างไร? 

 

 

หากพูดออกไป ดูจากความฉลาดของโจรป่าแล้วนั้น คงเดาจุดประสงค์ในการขึ้นมาบนนี้ได้แน่ๆ คงรู้ถึงความสำคัญของตัวประกันและยิ่งไม่ยอมปล่อยนางไปแน่