บทที่ 382 ปลาคาร์ฟสีเงิน

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 382 ปลาคาร์ฟสีเงิน

บทที่ 382 ปลาคาร์ฟสีเงิน

หลิวเฉียงเหว่ยและอีกสองสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กันนอนเรียงรายในสภาพที่เหนื่อยหอบอยู่บนเตียง คนหนึ่งก็สวยเกินกว่าจะสามารถบรรยายได้ อีกคนก็อ่อนเยาว์และงดงาม และคนสุดท้ายก็เปี่ยมไปด้วยพลังงานและความน่ารัก พวกเธอทั้งสามในตอนนี้มีสภาพไม่ต่างกับปลาคาร์ฟสีเงินสามตัวที่ถูกช้อนขึ้นมาวางไว้บนบกจนหายใจลำบาก เสียงหายใจที่แผ่วเบานี้ ราวกับว่าความเหนื่อยมันทำเอาสาว ๆ พากันสลบไปแล้ว

“เป็นอะไรไป? ความมั่นใจในตอนแรกหายไปไหนหมดแล้ว? เร็ว ๆ ลุกมาต่อซะ!”

เซียวเฟิงยังคงอยู่ในท่าทีโกรธเคือง เขาเย้ยหยันทั้งสามสาวด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าขณะที่ยื่นมือไปจับเฉียนโตวโตวที่กำลังนอนอยู่

“ฮว้ากกก! ฉันไม่อยากทำมันอีกแล้ว!”

เฉียนโตวโตวรีบลืมตาตื่นด้วยความตกใจพร้อมกับกลิ้งตัวออกจากเซียวเฟิงด้วยความเร็วสูง

เห็นเช่นนั้นเซียวเฟิงก็พ่นลมหายใจออกทางจมูกและหันไปจับขาที่เรียวขาวของซือเยี่ยจิ๋งแทน

“ตาบ้า! ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน! มันยังไม่หายเจ็บเลยนะ!”

ซือเยี่ยจิ๋งเองก็รีบลืมตาตื่นแล้วโวยวายใส่เซียวเฟิงก่อนเช่นกัน

“ฉันเองก็ต่อไม่ไหวแล้วล่ะ…”

ส่วนหลิวเฉียงเหว่ยไม่รอให้เซียวเฟิงเอื้อมมือมาแตะตัว เธอชิงหันไปมองเซียวเฟิงก่อนแล้วยอมรับความพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย

ในตอนนี้ พวกเธอไม่เพียงแต่เหนื่อยกายราวกับร่างกายเพิ่งผ่านการวิ่งจากใต้ขึ้นเหนือสุดของประเทศมาเท่านั้น แต่ยังรู้สึกราวกับว่าร่างกายมันกำลังจะแตกสลายให้ได้เลยอีกด้วย

“แล้วก่อนหน้านี้มั่นใจกันจังนะ” เซียวเฟิงเยาะเย้ยแล้วยืนขึ้นก่อนจะใช้เท้าเขี่ย ๆ ทั้งสามสาวไปมา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเธอทั้งสามคนมีสภาพไม่ต่างอะไรกับปลาที่กำลังจะแห้งตายแล้ว ตราบใดที่ไม่โดนเซียวเฟิงรุกเร้าจะทำต่อ พวกเธอก็อ่อนแรงเกินกว่าจะขยับไปไหนทั้งสิ้น

“พวกเธอมีร่างกายแบบคนธรรมดาทั่วไป เพราะงั้นไม่มีสาว ๆ คนไหนทนนายได้หรอกนะ ท่านเซียว”

ทันใดนั้นเอง คำพูดที่ฟังจากดาวอังคารก็รู้ว่ากำลังเยาะเย้ยดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่เปิดเข้ามา เจ้าของคำพูดนั้นคือจืออี้ที่ห่อตัวเองไว้ด้วยชุดคลุมอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ายวนอันเป็นเอกลักษณ์

“ธะ…เธอเข้ามาในนี้ได้ยังกันน่ะ!? ไม่ใช่ว่าฉันล็อกประตูไปแล้วเหรอ?” เฉียนโตวโตวลืมตาเบิกโพลงอีกรอบด้วยความตกใจ เธอดึงเอาผ้าห่มขึ้นคลุมทั้งตัวเธอเองและอีกสองสาวที่นอนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยก่อนจะถามออกไปเสียงดัง

เพราะเธอได้นอนกับเซียวเฟิงเป็นคนแรก เธอจึงมีเวลาให้พักพอที่จะฟื้นแรงบางส่วนขึ้นมาได้บ้างแล้ว

หลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งเองก็ตื่นขึ้นมาเพราะการกระทำที่อุกอาจนี้ด้วยเช่นกัน พวกเธอรีบกระชับผ้าห่มให้ห่มคลุมร่างตนไว้อย่างรวดเร็วและแน่นหนา ขณะที่มองไปยังจืออี้ด้วยความเขินอายและโกรธเคือง

พวกเธออายก็เพราะว่าถูกจืออี้เห็นในตอนที่กำลังทำเรื่องพรรค์นี้ อันที่จริงผู้หญิงทุกคนก็น่าจะรู้สึกเขินอายเหมือนกันหมดที่ถูกคนอื่นเห็นตอนที่ทำเรื่องแบบนี้อยู่บนเตียง ต่อให้ทั้งสามจะมีความกล้ามากพอที่จะยินยอมให้เพื่อนร่วมเตียงเห็นก็ตาม

และแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้พวกเธอโกรธ ก็เพราะในขณะที่พวกเธอกำลังโป๊เปลือยกันอยู่นี้ จืออี้ก็บุกเข้ามาและทำเหมือนว่าพวกเธอกลายเป็นจำเลยที่ไม่สามารถหลบหนีได้อีก

“นั่นล็อกแล้วเหรอ? ฉันแค่ผลักนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เข้ามาได้แล้วนะ” จืออี้เดินตรงมาที่เตียงด้วยสีหน้าสงสัย

“อ๊าาา จริงด้วย! ตัวล็อกประตูมันพังตั้งแต่ที่เอเรบัสบุกมาเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วนี่!” ทันทีทันใด เฉียนโตวโตวก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เธอร้องห่มร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกพลาด

“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?” ซือเยี่ยจิ๋งจ้องเขม็งไปยังจืออี้อย่างไม่ไว้วางใจ

“มาช่วยพวกเธอไง ไม่งั้นพวกเธอได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มกันที่โรงพยาบาลแน่”

จืออี้ส่ายหน้าก่อนจะเบนหน้าไปหาเซียวเฟิงและเดินเข้าหาเขาด้วยความนุ่มนวล เธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ดังนั้นกลิ่นหอมของหญิงสาวและความชุ่มชื้นที่อยู่บนผิวขาวสวยนั้นจึงกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เชื้อเชิญให้ใครต่อใครต่างก็ลุ่มหลงเธอได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกันนั้นเอง มือเรียวก็กรีดกรายไปบนส่วนคอเสื้อของชุดคลุมอาบน้ำและแหวกมันออกเผยให้เห็นเนินอกขาวเนียนและร่องอกที่ชิดแน่นราวกับเหวที่ไร้ก้นนั่นด้วย

“ท่านเซียว อยากจะให้ฉันช่วยไหม?”

“ก็มาสิ”

เซียวเฟิงไม่ปฏิเสธ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังค้างคา เขาไม่ได้สุภาพกับเธอด้วยเช่นกัน มือหยาบคว้าเอาร่างของจืออี้ลงมาพร้อมกับพลิกตัวกดให้เธอลงไปอยู่เบื้องล่างเขาอย่างช่ำชอง

หลีเซียนหยุนยืนอยู่ ณ จุดที่เซียวเฟิงล็อกออฟ เธอมองไปยังตัวละครของเขาที่ไร้ซึ่งการตอบสนองพร้อมกับกัดฟันไปด้วย แต่ไม่ว่าเธอจะกัดฟันมากขนาดไหน เซียวเฟิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะล็อกอินกลับเข้ามาเลย

นี่เธอรอมาตั้งสี่ชั่วโมงแล้วนะ!

มันชัดเจนเลยว่าพอไร้ซึ่งพลังของเซียวเฟิง พลังชีวิตที่เหลืออีก 50% ของยักษ์ปีศาจนั้นก็กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเธอขึ้นมาทันที หลังจากที่โดนบอสเขี่ยทิ้งไปหลายครั้ง ท้ายสุดคนอื่น ๆ ก็ทำได้เพียงถอดใจและยอมแพ้ไป

ผู้เล่นที่เหลือในปาร์ตี้อีกสิบเก้าคนที่คอยให้เซียวเฟิงล็อกอินกลับมาเริ่มทยอยหมดหวังกันไปเรื่อย ๆ พวกเขารอให้อีกฝ่ายกลับมานานถึงสองชั่วโมง แต่เซียวเฟิงก็ยังคงไร้ซึ่งการตอบสนอง พวกเขาเริ่มพากันทยอยออกไปหลังจากพยายามต่อสู้กับยักษ์ปีศาจต่ออีกชั่วโมงหนึ่งและจำใจยอมแพ้เนื่องจากสู้ไม่ได้ การที่ไม่มีการโจมตีใด ๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายนาน ๆ ท้ายสุดแล้วพลังชีวิตของยักษ์ปีศาจก็ฟื้นฟูจนเต็มขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อความหวังว่าเซียวเฟิงจะล็อกอินกลับมายังคงเป็นศูนย์ เหล่าผู้เล่นที่เหลือจึงตัดสินใจที่จะไม่รอต่อ

ดังนั้นตอนนี้ นอกจากเซียวเฟิงแล้วก็เหลือเพียงหลีเซียนหยุนเท่านั้น แม้แต่หัวหน้าปาร์ตี้เองก็ยังออกไปแล้ว

เหตุผลที่เธอยังไม่ออกจากปาร์ตี้นั่น ก็เพราะไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้นี้ได้ ทั้ง ๆ ที่พวกเธอสามารถทำให้ยักษ์ปีศาจตนนี้เสียพลังชีวิตไปได้กว่าครึ่งแล้วแท้ ๆ แต่พวกเธอกลับยังไม่สามารถผ่านไปได้ ดังนั้นเธอจึงรออยู่ ณ จุดที่เซียวเฟิงล็อกออฟ เตรียมพร้อมรอเขากลับมาและจะด่าเสียให้เข็ด

“หือ?”

ขณะที่กำลังจ้องหน้าเซียวเฟิงที่ไร้ซึ่งการตอบสนองจนตาของหลีเซียนหยุนแทบจะหลับแทนแล้วนั้นเอง จู่ ๆ เธอก็เห็นว่านัยน์ตาของเซียวเฟิงเริ่มขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง สาวเจ้ารีบลูบหน้าลูบตาตนเองอีกครั้งและกลับมาจ้องใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไปเอง เธอยื่นหน้าเข้าไปมองเขาใกล้ขึ้น

“เข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้คิดจะทำอะไรของเธอ?”

“ว้ากกกกกก!!”

กว่าสี่ชั่วโมงที่เซียวเฟิงอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่ขยับไปไหนมาไหน แต่จู่ ๆ ตัวละครของเขาก็พูดขึ้นมา มันทำให้หลีเซียนหยุนตกใจจนกระโดดถอยไปหลายก้าวอยู่

“นะ…นาย! ในที่สุดก็ล็อกอินกลับมาแล้วสินะ!” หลีเซียนหยุนรีบดึงสีหน้าเปลี่ยนจากตกใจกลายเป็นโกรธใส่เซียวเฟิงทันที

“หือ? ทำไมฉันยังอยู่ในดันเจี้ยนอีกเนี่ย? ปราบบอสกันเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เซียวเฟิงไม่สนใจน้ำเสียงขุ่นเคืองของหลีเซียนหยุนแต่อย่างใด เขามองตนเองด้วยความงุนงงว่าทำไมยังอยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้ เพราะตามปกติหากผ่านดันเจี้ยนแล้วหรือปาร์ตี้ถูกยุบ เขาจะกลับไปอยู่ที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนโดยอัตโนมัติ

“ยังย่ะ! พวกเราถูกตบตายกันเละเทะก็เพราะนายล็อกออฟนั่นแหละ!” หลีเซียนหยุนได้โอกาสก็ระเบิดลงใส่เซียวเฟิงทันที

“โอ้ ถ้างั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรนี่ เห็นไหม ฉันล็อกอินแล้ว มาสู้กับบอสกันต่อเถอะ” ตอนนี้เซียวเฟิงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้นขณะพูดออกไป

“ฉันรู้ว่านายล็อกอินแล้ว! แต่นายรู้ไหมว่ากว่านายจะล็อกอิน พวกเราต้องรอนายมานานขนาดไหน? สี่ชั่วโมง! สี่ชั่วโมงเลยนะ! พวกเขาไม่รอนายหรอก ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นแหละที่ยังอยู่!” เมื่อเซียวเฟิงไม่สนใจ เธอก็ยิ่งโกรธ

“พวกนั้นออกไปแล้วทำไมล่ะ? ไม่มีพวกเขาอยู่เราก็โจมตีต่อได้น่า” เซียวเฟิงยังคงไม่แยแส

“นายหมายความว่ายังไงน่ะ ที่บอกว่าไม่มีพวกเขาพวกเราก็ยังโจมตีต่อได้? นี่มันบอสระดับเทพเจ้าเลยนะ! นายคิดว่านักบวชอย่างนายจะเอาชนะมันได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ?” ท่าทีไม่แยแสของเซียวเฟิงทำเอาหลีเซียนหยุนไม่สามารถใจเย็นได้เลย

“บอกว่าทำได้ก็ทำได้น่า อะไรของเธอเนี่ย ไม่เชื่อฉันหรือยังไง?” เขาหันไปมองอีกฝ่ายที่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนเสียเหลือเกิน

“คิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ หา? นายกำลังบอกว่าตัวเองบอกว่าตัวเองสามารถล้มบอสระดับเทพเจ้าได้อยู่นะ ฮัลโหล นายคนเดียวน่ะนะ?” หลีเซียนหยุนเหยียดหยาม

“แล้วถ้าฉันสามารถปราบมันได้ด้วยตัวคนเดียวล่ะ?” พอโดนตอกย้ำบ่อย ๆ เซียวเฟิงจึงหันไปถามด้วยความคิดบางอย่าง

“อยากจะขออะไรก็ขอมาเลย! ฉันจะยอมทำตามนายทุกอย่างเอง!” เห็นได้ชัดเลยว่าเธอพูดออกมาด้วยโทสะล้วน ๆ

“โอ้? แสดงว่าถ้าฉันขอให้เธอไปนอนด้วยก็ได้งั้นเหรอ?” เซียวเฟิงดูสนใจมากกว่าเดิมอีก เขารีบหันไปมองและถามพลางลูบคางและพูดหลังจากพิจารณารูปร่างอันน่าอภิรมณ์ของหลีเซียนหยุนแล้ว

ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่รู้ในเขตฮันกึลนี่จะมีสิ่งที่เรียกว่าอันดับเทพธิดาหรือเปล่า แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอน่าจะต้องติดท็อป 3 อันดับต้นแน่ ๆ เธออาจจะไม่ได้สวยเทียบเท่าหลิวเฉียงเหว่ย แต่ถ้าเป็นในเขตฮัวเซีย เธอก็ยังไม่หลุด 10 อันดับแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ความสวยของหลีเซียนหยุนยังถือว่าธรรมชาติมาก ๆ อีกด้วย ถึงแม้ว่าเขตฮันกึลนี้จะขึ้นเชื่อเรื่องศัลยกรรมความงาม แต่นี่เป็นโลกของเกม ทุกสิ่งทุกอย่างจะย้อนกลับไปยังจุดที่แท้จริงมากที่สุด หากมีผู้เล่นที่เป็นผู้พิการเข้าเล่นเกม เขาจะไม่มีอาการพิการติดมาด้วย ศัลยกรรมเองก็ไม่มีผลในโลกของเกมเช่นกัน

“พูดอะไรของนาย…? โอเค้! ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านายจะสามารถเอาชนะบอสระดับเทพเจ้าได้ด้วยตัวคนเดียวทั้ง ๆ ที่นายเป็นนักบวชน่ะ! ถ้านายทำได้ล่ะก็ ฉันจะยอมรับข้อเสนอนั้นเอง! แต่ในทางกลับกัน! ถ้านายทำไม่ได้! นายต้องเซ็นสัญญาค้าขายกับฉัน! ไม่เพียงแต่นายจะต้องเข้าร่วมกับจักรวรรดิกาลาดูเท่านั้น แต่นายต้องตอบรับเสมอเมื่อกิลด์ของพวกเราเรียกตัวด้วย!” หลีเซียนหยุนกัดฟันแน่นและมองด้วยความมั่นใจว่าตนเองจะต้องได้ตัวเซียวเฟิงมาแน่ ๆ ดังนั้นเธอจึงยื่นข้อเสนอที่โอเวอร์เกินกลับไปด้วย

“โอเค มาดูกันว่าฉันจะฆ่าบอสระดับเทพเจ้าตัวเดียวได้ยังไง?” เซียวเฟิงยิ้มอย่างลึกลับออกมาให้เห็น และรอยยิ้มนี้ก็ทำให้หลีเซียนหยุนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมานิดหน่อยด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเชื่อว่าตนเองจะต้องได้ตัวเซียวเฟิงมา

บอสระดับเทพเจ้านั้นถือเป็นของแสลงสำหรับเซียวเฟิงไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะในยามที่เซียวเฟิงไม่มีอุปกรณ์ของตนอยู่กับเนื้อกับตัว ในเมื่อบอสตัวนี้สามารถฆ่าเซียวเฟิงได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว โอกาสในการพลาดของเขาจึงต้องจำกัดให้อยู่ในอัตราที่น้อยที่สุด

หากบอสเทพเจ้าตนนี้เป็นบอสขนาดเล็กเช่นผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพ บางทีเซียวเฟิงอาจจะไม่มั่นใจขนาดนี้

เพราะว่านอกจากพลังโจมตีที่แตกต่างกันแล้ว อีกเรื่องที่แตกต่างกันมาก ๆ ในบรรดาบอสทั้งหลายนั่นก็คือขนาดตัว ยิ่งบอสตัวเล็ก ความเร็วมันก็จะสูงมากขึ้น ในขณะที่บอสยักษ์ปีศาจตนนี้ไม่ใช่บอสขนาดเล็ก ดังนั้นถึงแม้มันจะมีพลังโจมตีต่อครั้งที่รุนแรง มีระยะโจมตีที่กว้าง เพียงแค่การโจมตีทั่วไปก็สามารถกวาดผู้เล่นมากมายให้กลับบ่อเกิดได้ง่าย ๆ แล้ว แต่เพราะข้อจำกัดเรื่องขนาด การโจมตีของมันจึงช้ามาก ๆ

หากมากับปาร์ตี้ขนาดใหญ่ มันคือตัวทำลายปาร์ตี้ได้อย่างง่ายดาย แต่นี่มีเพียงเซียวเฟิง ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้ว

ด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงของเซียวเฟิงเอง มันไม่ใช่เรื่องยากหากจะหลบการโจมตีเหล่านั้น

“ฉันอยู่ไหวแค่สามสิบนาที แล้วพวกพี่ล่ะ?”

บนเตียงของหลิวเฉียงเหว่ย ทั้งสามสาวต่างเปลี่ยนตำแหน่งและเตียงนอนกันแล้ว ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังคงนอนเปลือยอยู่บนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันและอยู่ในสภาพอ่อนแรงอยู่ ท่ามกลางสาว ๆ เหล่านี้ เฉียนโตวโตวก็โผล่หัวขึ้นมาจากผ้าห่มแล้วเอ่ยถาม

สามสิบนาทีที่เธอพูดถึงนั้นคือเวลาที่เซียวเฟิงใช้พิชิตเธอ เพราะเธอยังเด็ก ร่างกายของเธอจึงยังไม่เติบโตสมบูรณ์ เธอจึงกลายเป็นคนแรกที่โดนพิชิตไป

“ฉันสี่สิบนาที…”

ซือเยี่ยจิ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดไป เธอเคยฝึกศิลปะการป้องกันตัวมาก่อนหน้านี้ และร่างกายของเธอเองก็ค่อนข้างแข็งแรงกว่าคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ถึกทนจนอยู่นานมากมายอะไรนัก สิ่งที่ทำให้เธอโกรธนั่นก็คือ เซียวเฟิงดูเหมือนจะสนใจขาที่เรียวยาวของเธอเป็นพิเศษ เขาทำให้เธอไม่สามารถยืนได้จนถึงตอนนี้

“ฉันสั้นกว่าจิ๋งจิ๋งนิดหน่อย…”

หลิวเฉียงเหว่ยเองก็ตอบด้วยเสียงเบา เพราะถึงแม้เธอจะเป็นคนที่มีอายุเยอะที่สุดท่ามกลางสามสาว แต่เธอก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนซือเยี่ยจิ๋งแต่อย่างใด

“แต่ยัยเถื่อนนั่นทนไหวมากกว่าสองชั่วโมงอีกนะ!” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เฉียนโตวโตวก็กัดฟันแล้วพูดขึ้นมา

“ทำไมเธอคนนั้นถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนั้นนะ? หรือนี่จะเป็นเหตุผลว่าทำไมเซียวเฟิงถึงเลือกเธอมากกว่าพวกเรา?” หลิวเฉียงเหว่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ฮึ่ม! มันต้องเป็นเพราะประสบการณ์แน่ ๆ!” ซือเยี่ยจิ๋งบ่นพึมพำ

“จิ๋งจิ๋ง! ห้ามพูดแบบนั้นนะ! พวกเราจะมาพูดถึงเรื่องพรรค์นั้นของคนอื่นในทางที่แย่ ๆ ลับหลังได้ยังไง? อย่าลืมสิว่าเซียวเฟิงก็พูดเองว่าจืออี้น่ะก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์มาก่อนที่จะนอนกับเขาเหมือนกัน” หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาอีกนิดหน่อย

“ใช่แล้ว จิ๋งจิ๋ง พี่ห้ามพูดแบบนี้อีกเชียว ถ้าพี่เซียวได้ยินล่ะก็ เขาต้องไม่พอใจแน่ ๆ ” เฉียนโตวโตวเองก็ย้ำเตือนเรื่องนี้ด้วย

ทันใดนั้นเอง ทั้งเฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งก็หันไปขยำทรวงอกทรงสวยที่นุ่มนิ่มของหลิวเฉียงเหว่ยพร้อม ๆ กัน

“อ๊ะ! ละ…แล้วพวกเธอจะมาขยำอกฉันทำไมเล่า!” หลิวเฉียงเหว่ยที่ไม่ทันตั้งตัวอุทานออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีจาง ๆ

“พี่หลิว พี่ทำยังไงให้หน้าอกใหญ่ได้ขนาดนี้เนี่ย? มีวิธีปั๊มขนาดด้วยเหรอ?” เฉียนโตวโตวถามหลังจากชักมือของตนกลับ

“จะว่าไปก็ใช่นะ เห็นเจ้าบ้านั่นสนใจหนองโพคู่นี้มาก ๆ เลย พี่กินอะไรที่ไปบำรุงให้มันใหญ่ได้ขนาดนี้มาหรือเปล่าเนี่ย?” ซือเยี่ยจิ๋งเองก็สนับสนุนคำพูดของเฉียนโตวโตวด้วย แต่เธอยังไม่ยอมชักมือกลับแต่อย่างใด

“ฉันจะโกรธจริง ๆ นะถ้าพวกเธอจับมันอีกครั้ง!” หลิวเฉียงเหว่ยผู้เคราะห์ร้ายรีบยกมือขึ้นกอดอกตนเองไว้แน่นขณะเอ็ดสองสาวไป