เล่ม 1 ตอนที่ 364 นั่งดูหมากัดกัน

ราชินีพลิกสวรรค์

“ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”

น้ำเสียงของไป๋เซี่ยงไท่ดูมีอำนาจเป็นอย่างมาก บวกกับท่าทางเมื่อครู่นี้ของเขา ทำให้เหล่าทหารที่เฝ้าประตูวังมองเขาด้วยความระมัดระวัง

“ยังจะนิ่งอยู่ทำไมอีก รีบเข้าไปรายงานสิ!” ไป๋เซี่ยงไท่เบิกตาโต แล้วพูดตะโกน

ทหารเฝ้าประตูเหล่านั้นสีหน้าไม่ค่อยดี กระซิบกระซาบกัน แล้วถึงส่งคนให้รีบไปยังพระราชวังคนหนึ่ง ไป๋เซี่ยงไท่มองด้านหลังของคนที่เข้าไปด้วยสีหน้าอึมครึม ร้อนใจเป็นอย่างมาก

เขาทำได้เพียงมองจ้องทาสชั้นต่ำคนนั้นเดินเข้าวังไปต่อหน้าต่อตา! ไม่มีอะไรมาขัดขวางแบบนี้ นางจึงเดินเข้าไปอย่างทะนงองอาจ ถูกราชสำนักปกป้องแล้วจริงๆ หรือ

ถึงขนาดเขารู้สึกได้ว่าการหันกลับมามองเมื่อครู่นี้ เป็นการท้าทายเขา และท้าทายทั้งตระกูลไป๋เซี่ยง!

“เจ้ารีบกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้กับนายท่าน ให้เขารีบตามมาเอาตัวนางกับฝ่าบาทด้วยกัน” ไป๋เซี่ยงไท่เรียกมาคนหนึ่ง แล้วพูดกระซิบกับเขา คนๆ นั้นก็รีบไป

เจียงหลีเปลี่ยนสีหน้า แล้วเข้าวังไป ภายใต้การสนับสนุนของทหารด้านใน ก็เข้าไปถึงส่วนลึกๆ ในวัง

ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้หญิงและเหล่าพระธิดาของฮ่องเต้

แต่ที่ๆ เจียงหลีจะไป ก็คือตำหนักของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

ในตอนที่เจอเหวินเหรินชิ่งชิ่งอีกครั้ง เหวินเหรินชิ่งชิ่งเดินวนรอบตัวนาง อุทานออกมาด้วยความสงสัยอยู่ตลอด “เจ้าทำได้อย่างไรกัน”

ก่อนหน้านี้ ข้าเป็นห่วงนางอยู่นาน กลัวว่าเจียงหลีจะมีพิรุธ

“เซ่า…”

เจียงหลีส่งสายตา เหวินเหรินชิ่งชิ่งหุบปากทันที นางพูดกับทาสรับใช้คนอื่นๆ ว่า “พวกเจ้าออกไปให้หมด ที่นี่มีเจวียนเอ๋อร์คอยปรนนิบัติก็พอแล้ว”

“เพคะ องค์หญิง”

คนอื่นๆ ต่างพากันออกจากตำหนักไป เหลือเพียงเจียงหลีและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เจวียนเอ๋อร์เป็นนางกำนัลคนสนิทของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แน่นอนว่าฐานะต้องต่างออกไป และก็ออกวังไปช่วยนางซื้อของเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ่อยๆ หลังจากที่เจียงหลีรู้เรื่องนี้ ในตอนที่นางให้ลู่เสวียนเข้าวัง ก็คิดหาวิธีติดต่อกับเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แล้วหยั่งเชิงนาง

“ทำไมถึงตอบตกลงช่วยข้า” เจียงหลีถาม

เหตุผลของเหวินเหรินชิ่งชิ่งกลับง่ายมาก “ตอนนี้คนของตระกูลไป๋เซี่ยงตามหาตัวเจ้าไปทุกหนทุกแห่ง เจ้าอยู่ข้างนอกก็ไม่ปลอดภัย และถ้าคิดอยากจะกลับราชวงศ์จยาเซียนก็อันตรายเป็นอย่างมากเช่นกัน เข้าวังมาซ่อนตัว จะปลอดภัยที่สุด”

พูดจบ นางก็มองหน้าของเจียงหลีอย่างละเอียด อดไม่ได้ที่จะยื่นมือทั้งสองข้างออกไปลูบแก้มของนาง “ร่องรอยสักนิดก็ไม่มี! เจ้ารู้ไหมว่าในตอนที่ลู่เสวียนมาหาข้า บอกแผนการครั้งนี้ของเจ้า ข้ายังเป็นห่วงอยู่เลยว่าการปลอมตัวของเจ้าจะมีพิรุธ ดูจากตอนนี้แล้ว ความเป็นห่วงของข้าคงสูญเปล่า แม้แต่กลิ่นอายของเจ้าและเจวียนเอ๋อร์ก็ยังเหมือนกันจริงๆ”

เจียงหลียิ้มเล็กน้อย ไม่ได้อธิบายอะไร

“ใช่แล้ว เจวียนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” เหวินเหรินชิ่งชิ่งถาม หลังจากที่นางตอบตกลงช่วย ก็หาข้ออ้างส่งเจวียนเอ๋อร์ออกจากวัง เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายแล้ว หลังจากที่มาถึงจุดนัดพบ ทั้งสองก็แลกเปลี่ยนตัวตนกันหลังจากที่เจียงหลีดึงดูดความสนใจ เมื่อครู่นี้นางก็แสดง

“เจ้าวางใจได้ นางปลอดภัยดี รอให้ข้าเป็นอิสระ นางจะกลับมาอย่างปลอดภัย” เจียงหลีรับรองกับเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

นางปล่อยเงาไว้ด้วย เจวียนเอ๋อร์จะเป็นอะไรได้อย่างไร

แน่นอนว่าทั้งหมดไม่ใช่แค่เพื่อปกป้อง แต่ก็เพื่อเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด นางสามารถลองเชื่อใจ

เหวินเหรินชิ่งชิ่งได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเชื่อใจเจวียนเอ๋อร์ได้

“สรุปแล้ว ครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก” เจียงหลีพูด

รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความไม่สนใจของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง “ขอบคุณอะไรกัน ตอนอยู่ที่สุสานโบราณ พวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน พูดไปเดิมทีเรื่องนี้ตระกูลไป๋เซี่ยงก็ใจแคบ ใช่แล้ว แท้จริงแล้วคนพวกนั้นตายอย่างไร”

“ถ้าข้าบอกว่าไป๋เซี่ยงเลี่ยเป็นคนฆ่า เจ้าจะเชื่อหรือไม่” เจียงหลีพูดด้วยใบหน้ายิ้ม

“…” เหวินเหรินชิ่งชิ่งอึ้งแล้วนิ่งไป สีหน้าของนางได้ให้คำตอบกับเจียงหลีแล้วว่าไม่เชื่อ! ไป๋เซี่ยงเลี่ยเป็นบ้ารึ ไปฆ่าคนของตระกูลไป๋เซี่ยง สุดท้ายตัวเองก็จะตายหรือ

“เจ้าไม่พูด ก็ไม่มีอะไร บนโลกนี้ใครไม่มีความลับบ้าง ตอนนี้แม้กระทั่งข้าก็สงสัยว่าแท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่แค่สาวใช้” เหวินเหรินชิ่งชิ่งยักไหล่

“อ๋อ ในเมื่อเจ้าสงสัยในตัวตนของข้าแล้ว ทำไมถึงยังเสี่ยงให้ข้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่” เจียงหลีถามอย่างหยอกเย้า

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร มีแผนการอะไร ข้าก็ไม่คิดจะยุ่ง การที่ช่วยเหลือเจ้า ก็เพียงเพราะว่าข้าเต็มใจ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูด

เจียงหลียิ้ม นางค้นพบว่าเด็กผู้หญิงคนนี้น่ารักขึ้นเรื่อยๆ!

ในตำหนักของฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว ลู่เสวียนกำลังเล่าจุดประสงค์ของไป๋เซี่ยงถิงที่มาหาตนอย่างละเอียด

“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ เพียงแต่นางพูดจาคลุมเครือ แล้วก็การบอกเป็นนัยต่างๆ นางพูดว่าถ้าหากข้ามีสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลไป๋เซี่ยงต่อไปจะเป็นผลดีกับข้า” ลู่เสวียนพูดด้วยใบหน้าที่ไร้ความผิด

เป่ยเหมินเวยได้ฟังก็ยิ้มเยาะ คิดในใจ ได้! ตระกูลไป๋เซี่ยง ข้าดูถูกความทะเยอทะยานของพวกเจ้าไปจริงๆ

“ฝ่าบาท ไป๋เซี่ยงไท่ขอเข้าเฝ้าอยู่นอกวังขอรับ!” ตอนนี้ ทหารที่เข้ามารายงานได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว

ตอนนี้เป่ยเหมินเวยร้อนใจไม่เป็นสุข พอได้ยินว่าไป๋เซี่ยงไท่ขอเข้าเฝ้าอีก ปฏิเสธออกไปอย่างไม่คิดเลยสักนิด “ไม่อนุญาต! ให้เขากลับไป”

ทหารคนนั้นพูดอย่างลำบากใจว่า “ฝ่าบาท ใต้เท้าไป๋เซี่ยงเหมือนจะมีเรื่องด่วน อีกนิดเดียวก็จะบุกเข้าวังมาแล้วขอรับ”

“ปฏิเสธไปแล้ว! ยังกล้าบุกเข้าวังอย่างนั้นรึ” เป่ยเหมินเวยตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน

หัวหน้าองครักษ์ภายในกระซิบ “ฝ่าบาท ให้เขาเข้ามา ดูว่าเขาจะมาไม้ไหน”

เป่ยเหมินเวยสงบลง หลังจากพยักหน้า แล้วถึงให้คนไปบอกให้ไป๋เซี่ยงไท่เข้ามา

ในที่สุดไป๋เซี่ยงไท่ก็ได้เข้าเฝ้าเป่ยเหมินเวยตามที่หวัง แล้วยังได้เจอลู่เสวียนอีก พอนึกได้ว่าทาสรับใช้คนนั้นเป็นคนข้างกายเขา ไป๋เซี่ยงไท่ก็มองแรงใส่เขา

แต่ว่าสายตานี้ของเขา เมื่อมาอยู่ต่อหน้าของเป่ยเหมินนเวยผู้ที่ถูกชักนำไปในทางที่ผิด กลับมีความหมายลึกซึ้งขึ้นมา

“ไป๋เซี่ยงไท่ ได้ยินว่าเจ้าจะบุกเข้าวังมาหาข้าอย่างนั้นรึ” เป่ยเหมินเวยหรี่ตาทั้งสองข้างลง สีหน้าเย็นชาและมีเกียรติ

ไป๋เซี่ยงไท่สบตากับเป่ยเหมินเวยอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ หลังจากที่ทำความเคารพแล้วถึงพูดว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดส่งตัวนางกำนัลรับใช้ที่สังหารคนตระกูลไป๋เซี่ยงของข้ามา”

“หืม กล้ามาก! ไป๋เซี่ยงไท่ เจ้ากล้ามากที่กล้ามาหาข้าเพื่อเอาตัวนาง แล้วก็คนๆ นั้นลักลอบหลบหนีอยู่ข้างนอก ตระกูลไป๋เซี่ยงของพวกเจ้าไปจับเอาเอง” ทันใดนั้น เป่ยเหมินเวยก็ถูกซักถาม รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก มีลู่เสวียนนั่งขว้างอยู่ตรงนี้ ดังนั้นคำพูดไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น

แต่ทว่า น้ำเสียงของเขา กลับทำให้ไป๋เซี่ยงไท่แน่ใจมากยิ่งขึ้นว่าเขากำลังปกป้องมือสังหาร

“ฝ่าบาท ข้าเห็นกับตาตัวเองว่านางเข้าวังมา! ถ้าหากทหารที่เฝ้าประตูไม่ขว้างข้าไว้ ตอนนี้ข้าก็จับทาสรับใช้คนนั้นได้ไปนานแล้ว และก็จะไม่มารบกวนฝ่าบาทอีกพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เซี่ยงไท่พูดอย่างมีเหตุผล

“พูดเพ้อเจ้อจริงๆ เลย!” เป่ยเหมินเวยหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ที่ตัวเองจะถูกใส่ร้าย

“ฝ่าบาท เพราะเหตุใดถึงต้องปกป้องนักโทษที่สังหารคนตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าด้วย” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากนอกประตู

เป่ยเหมินเวยเงยหน้าแล้วมองไปยังคนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกประตู หรี่ตาลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไป๋เซี่ยงกงหรือ เจ้าบุกเข้ามาในวังโดยไม่ผ่านการรายงานอย่างนั้นรึ!”

ได้รับข่าว ไป๋เซี่ยงกงที่รีบตามมาก็ยิ้มเยาะ แล้วก็ควักตราประจำตัวขึ้นมา แล้วแกว่งไปมาต่อหน้าของเป่ยเหมินเวย “ฝ่าบาทคงลืมไปแล้ว ข้าคนตระกูลไป๋เซี่ยงได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าออกวังได้อย่างอิสระจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่มอบให้ ผู้ที่มีตราประจำตัวสามารถเข้าออกวังได้อย่างอิสระ นอกจากห้ามเข้าตำหนักใน ที่อื่นๆ ก็สามารถเข้าไปได้ และห้ามมีใครมาขว้าง

ลู่เสวียนกะพริบตา มองตราประจำตัวที่อยู่ในมือของไป๋เซี่ยงกงด้วยความสงสัย นึกไม่ถึงว่าจะยังมีตราประจำตัวแบบนี้อยู่อีกหรือ เพียงแต่เขาไม่ต้องการ ราชวงศ์จยาเซียนของเขาล้วนแต่สแกนหน้าเข้าวัง ดีกว่าตราประจำตัวอะไรก็ไม่รู้ของตระกูลไป๋เซี่ยงตั้งเยอะ!

“ฝ่าบาท ได้โปรดส่งตัวนางมา!” ไป๋เซี่ยงกงพูดด้วยน้ำเสียงที่บีบบังคับ