ตอนที่ 13: เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคน

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

Chapter 13:เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคน

 

มันทําให้เขารู้สึกประหลาดใจและรู้สึกหวาดหวั่นอยู่นิดหน่อย เสี่ยวหลัวสงบลงในไม่ช้าและแนะนําตัวเองอย่างเรียบง่าย: “สวัสดีทุกคน ชื่อของผมคือเสี่ยวหลัว ถึงผมจะมาเข้าชั้นเรียนกลางเทอมแต่ผมก็ต้องศึกษาร่วมกันกับพวกคุณในอนาคตได้โปรดดูแลผมด้วย!”

 

จากนั้นเขาก็โค้งคํานับอย่างสุภาพและอ่อนน้อม

 

อย่างไรก็ตามคําพูดของเขาไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ ผู้หญิงทุกคนในชั้นเรียนมองเขาราวกับว่าพวกเธอกําลังชื่นชมในศิลปวัตถุชิ้นหนึ่ง เมื่อพูดไปว่าความผอมเป็นสิ่งสําคัญที่สุด แต่ทันทีที่เสี่ยวหลัวเพื่อนร่วมชั้นหน้าตาดีเข้ามาในห้องเรียน นักศึกษาชั้นปีที่สองในเอกอังกฤษก็มองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา

 

เสี่ยวหลัวรู้สึกอักอ่วนใจในเวลานี้ แม้ว่าเขาจะเคยถูกจ้องมองในในการประชุมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคน 20 หรือ 30 คนเข้าร่วมในการประชุมใหญ่ แต่ตอนนี้มีผู้หญิง 40 หรือ 50 คนกําลังมองตรงมาที่เขา ราวกับว่าพวกเธอก่าลังสารวจทุกซอกทุกมุมของเขามันทําให้เขาสงบสติอารมณ์ไม่ได้

 

“อะแฮ่ม … พวกเธอทุกคนกําลังทําอะไรอยู่?” ที่ปรึกษา ฉินหนานหยู ไอแห้งเพื่อเตือนพวกเธอ

 

ในเวลานี้ผู้หญิงทุกคนในชั้นเรียนตอบกลับและปรบมือให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นกับเสี่ยวหลัว บางคนก็ตะโกนวดว้ายที่มีเพื่อนร่วมชั้นที่หล่อเหลาเข้ามา และบางคนก็พูดถึงโอบามาอย่างกระตือรือร้นและเอาใจใส่ อารมณ์ของพวกเธอที่อยู่ในชั้นเรียนพุ่งสูงขึ้น (อิ้งมันเขียนว่าโอบามาจริงๆนะผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร)

 

“ยินดีต้อนรับสุดหล่อเสี่ยว ชื่อของฉันคืออันหวน ฉันยังไม่มีแฟนคุณให้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณกับฉันหน่อยได้ไหม” สาวน้อยที่น่ารักกวเข้ามาบนแท่นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและขอหมายเลขโทรศัพท์ของเสี่ยวหลัวโดยตรง

 

ทั้งชั้นโห่ร้องทันที …

 

“อันหวนแม้แต่คนสําคัญจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนก็ไม่สามารถทําให้เธอพึงพอใจได้หรือไง เธอยังจะมาหลอกล่อเสียวหลัวที่หล่อเหลาของเราไปอีก”

 

“ถูกต้อง เธอจะเหยียบเรือสองแคมไม่ได้ ไม่อย่างนั้น เราจะต่อสู้กับเธอ”

 

“ในที่สุดเราก็มีผู้ชายอีกคนหนึ่งในชั้นเรียนของเรา เธอสามารถถ่ายรูปเขาได้ แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอที่จะไปเป็นแฟนของเขา ลงจากแท่นมาเดี๋ยวนี้เลย”

 

ผู้หญิงทั้งชั้นราวกับเข้าร่วมในสงครามครูเสด

 

” ไม่ลง! พวกเธอก็แค่อิจฉาฉัน! “

 

หญิงสาวที่ชื่ออันหวนไม่ฟัง ไม่เพียงแต่ไม่ลง แต่เธอกลับเดินเข้าไปหาเสี่ยวหลัวแทน เธอพูดกับเขาด้วยวิธีแปลกๆ “เสี่ยวสุดหล่อ ไม่ต้องไปฟังพวกนั้น คุณควรระวังพวกเธอเอาไว้เพราะพวกเธอนั้นชอบกินผู้ชายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”

 

เสี่ยวหลัวเค้นรอยยิ้มออกมา รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ได้เข้ามาเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แต่กลับตกอยู่ในรังของหมาป่าและพวกเธอทั้งหมดก็เป็นหมาป่าตัวเมีย

 

ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ก็มีผู้หญิงกลุ่มใหญ่วิ่งมาหาเขาและขอหมายเลขโทรศัพท์ WeChat และ QQ ของเขา พวกเธอรู้สึกตื่นเต้นมากและดูราวกับได้พบกับซุปเปอร์สตาร์

 

แต่มันก็ยังมีคนที่ไม่แยแสอยู่เช่นกัน เช่นผู้หญิงนั่งอยู่ทางซ้ายแถวหน้า

 

หญิงสาวมีผมสั้นที่เรียบร้อยยาวเท่าติ่งหู ผมของเธอปิดบังใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอบางส่วน ซึ่งกําลังแดงด้วยความประหม่า ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์ของเธอดูฉลาดและน่าดึงดูด

 

ด้วยการแต่งกายด้วยชุดเดรสที่ไม่มีสายรัดคาดไว้ตรงเอว รอยพับที่เอวมันเป็นรอยพับตามธรรมชาติ ลายลูกไม้ยึดไปตามเอวที่สง่างามของเธอไปจนถึงกระโปรงของเธอ กระโปรงนั้นแต่งแต้มไปด้วยแสงสีทองนิลขนาดเล็ก ไม่ได้พูดเกินจริงเธอเป็นคนที่ไม่ผอมจนเกินไป และมีแก้มที่มีสีชมพูอ่อน

 

เธอมีหน้าที่ใสกระจ่างราวกับดอกบัวบริสุทธิ์และสง่างาม และด้วยรอยยิ้มของเธอมันก็ช่วยเพิ่มความขี้เล่นให้กับเธอ

 

“ไป่หลิง ตรวจสอบข้อมูลของเขาที่ฉันสงสัยว่าเขาถูกพ่อของฉันส่งมา” ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เสี่ยวหลัวผู้ซึ่งรายล้อมไปด้วยผู้คน แต่คําพูดของเธอพูดกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ถัดจากเธอ

 

หญิงสาวที่ชื่อ ไป่หลิง ได้ใส่รหัสลงในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเธอทันทีและบุกระบบการจัดการนักเรียนของ หัวเย่ เธอเรียกข้อมูลของเสี่ยวหลัวขึ้นมาดูและยิ้ม: “ชูเยว่ เธอเดาผิดในครั้งนี้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ส่งมาจากพ่อของเธอเขาเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยหัวเข่ของเราจริงๆ เขาได้เข้าร่วมกองทัพไปเมื่อสองปีก่อนตอนที่เขาเรียน ที่นี่และเขาก็กลับมาศึกษาต่อในวิทยาลัยหลังจากรับราชการทหารมาสองปีนั่นคือสาเหตุที่เขาได้เข้ามาเรียน”

 

“เธอแน่ใจใช่ไหม?” คิ้วของของชูเยว่ขมวด”มันเขียนไว้อย่างชัดเจนและยังบันทึกรายละเอียดผลการเรียน ในหลักสูตรต่างๆ ในปีแรกของเขาแม้แต่บันทึกการได้รับทุนการศึกษาระดับโรงเรียนของเขาเอาไว้ด้วย”ไป่หลิง หันแล็ปท็อปเพื่อให้ ชูเยว่ เห็นได้ชัดเจน

 

ชูเยว่ มองอย่างระมัดระวังอีกครั้งเธอก็เงียบไปและเธอก็เห็นด้วยกับไป่หลิง” ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเพื่อน ร่วมชั้นรูปหล่อมาปรากฏขึ้นกลางเทอมแบบนี้ มันมีเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นหลังเลิกเรียนซะแล้วสิ ไป่หลิง ยินดีต้อนรับสําหรับการมาถึงของเสี่ยวหลัว พวกเธอรู้สึกว่ามันมีผู้ชายน้อยเกินไปจริงๆ ก่อนหน้านี้มีเพียงสองคน เท่านั้นและพวกเขาต่างก็เป็นแตงโมที่คดเคี้ยวและพุทราที่แตก(หน้าตาไม่ค่อยดี) เมื่อนึกถึงชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ในห้องเรียนและอยู่ด้วยกันในอนาคตเธอก็อดไม่ได้ที่จะมีความตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย

 

” หล่ออะไรกัน? นั่นไม่ใช่ว่าเขาก็มีสองตา สองหู จมูกข้างหนึ่ง ปากอีกข้างหนึ่งและเสื้อผ้าที่เรียบง่าย แค่นี้เธอก็คิดว่าเขาเป็นคนหล่อแล้วงั้นเหรอ”ชูเยว่ พูดอย่างรุนแรง เธอเกลียดพวกที่เป็นที่ดึงดูดราวกับถูกฝูงผึ้งตอมแบบนี้ เสี่ยวหลัวไม่เป็นไปตามมาตรฐานของเธอ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจึงถูกล้อมรอบไปด้วยหญิงสาว แต่เธอก็ไม่แคร์

 

ไป่หลิง ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่สามารถพูดได้ว่าเสียวหลัวนั้นหล่อเหลามากกับเพื่อนสนิทของเธอ

 

“เอาล่ะกลับไปที่นั่งของพวกเธอได้แล้ว!”

 

ถ้าที่ปรึกษา ฉิน หนานหยู ไม่พูด พวกหญิงสาวเอกอังกฤษก็คงไม่กลับไปที่ที่นั่งของพวกเธอ แต่พวกเธอก็คงพูดคุยและหัวเราะ พวกเธอหยิบโทรศัพท์มือถือและเปิด WeChat ของเสี่ยวหลัว และ QQ ของเขาด้วยความ อยากรู้อยากเห็นและพูดคุยกัน ว่ารูปถ่ายของเสี่ยวหลัวรูปไหนเป็นรูปที่หล่อที่สุด

 

เสี่ยวหลัวรู้สึกอึดอัดใจมากในเวลานี้ ผู้หญิงเหล่านี้ต้องการให้เขา ให้ข้อมูลการติดต่อของเขากับพวกเธอ และตอนนี้เขาเห็นได้ชัดเลยว่ามันมีคนแตะต้องของส่วนตัวของเขา มันเป็นสิ่งที่เขายังไม่ได้ใช้เพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลของเขาเลย

 

คนเหล่านี้เป็นกลุ่มของสาววิทยาลัยจริงๆงั้นเหรอ?

 

ในหัวใจของเสี่ยวหลัวเกิดคําถามต่อพวกผู้หญิงเหล่านี้

 

“จูเสี่ยวเฟย,เติ้งไค!”

 

หลังจาก ฉิน หนานหยู เรียกชื่อทั้งสองผู้ชายสองคนในชั้นเรียนก็วิ่งมาจากแถวหลังสุด

 

หนึ่งในนั้นมีไขมันมากจนหาคอเขาไม่ได้ เขาสูงน้อยกว่า 1.7 เมตร แต่เขาหนักกว่า 170 ปอนด์อย่างแน่นอน เขาเป็นเหมือนลูกชิ้นขนาดใหญ่ อีกคนเป็นเหมือนเสาไม้ไผ่เขาผอมแห้งมีแต่กระดูกเขาสูงกว่า 1.75 เมตร แต่หนักไม่ถึง 100 ปอนด์

 

คนอ้วนและคนผอมสูงคนสองคน เมื่อนํามาเปรียบกันมันแตกต่างกันมาก อดไม่ได้ที่จะอยากจะหัวเราะ!

 

“เสี่ยวหลัวจะแชร์หอพักกับพวกนายในอนาคต พวกนายสามารถพาเสียวหลัวไปทําความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของหอพักได้” ฉิน หนานหยู พูดกับชายทั้งสองคน

 

“เสี่ยวหลัว ให้พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนแนะนํา และเธอก็ผ่อนคลายเข้าไว้ไม่ต้องกังวล”

 

จูเสี่ยวเฟยตบหน้าอกของเขาแล้วสัญญา เขาหันไปหาเติ้งไคและพูดว่า “ไคชิ ช่วยฉันยกหนังสือที่ และฉันจะหิ้วกระเป๋าเดินทางของพี่ชายเสียวหลัวเอง”

 

“ไม่เป็นไรฉันถือกระเป๋าไปเองได้” เสี่ยวหลัว เกรงอกเกรงใจ”ไม่เป็นไรเสี่ยวจคนนี้แข็งแรงมาก และมันก็ไม่มีอะไรให้เขาทํานอกจากถือกระเป๋าเดินทาง“เติ้งไคกล่าว

อย่างไรก็ตาม จูเสี่ยวเฟยก็ถือกระเป๋าเดินทางแล้วบอกเสี่ยวหลัวว่า” พี่ชายเสี่ยวหลัวอย่าเกรงใจกับพวกเราเลย พวกเราจะต้องเป็นเพื่อนร่วมห้องกันในอนาคตอย่าทําตัวสุภาพเกินไป”

 

เสี่ยวหลัว กล่าวลา ฉิน หนานหยู และผู้หญิงทุกคน เขาเดินตามจูเสี่ยวเฟยและเติ้งไคออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปดวงตาของเขาก็กวาดมองไปทั่วชั้นเรียนเป็นพิเศษ ในไม่ช้าเขาก็พบว่า ชูเยว่ นั้นนั่งอยู่ในแถวแรกและกําลังกินอมยิ้มอยู่

 

“ท่านอาจารย์ชู ดูเหมือนว่าเสี่ยวหลัวคนนี้จะมองมาที่ท่านอีกครั้งก่อนที่เขาจะจากไปดูเหมือนว่าดวงตาของเขาจะดีมาก!” ไป่หลิง กล่าวอย่างติดตลก

 

“มีอะไรดีกัน!” ชูเยว่ รู้สึกไม่ชอบใจ

 

ไป่หลิง หัวเราะเบาๆ และพูดอย่างมีความหมายว่า “ดวงตาของเขายังดีอยู่ไม่ว่า เธอจะคิดยังไงเขาก็ไม่ได้มองใครเลย นอกจากราชินีชูของเรา”

 

“ไป่หลิง เธอรู้สึกสนุกมากหรือไง เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะทําให้เธอร้องไห้ขอความเมตตาจากฉันในคืนนี้” ชูเยว่ หัวเราะอย่างเยือกเย็นเหมือนปีศาจสาวตัวเล็กๆ

 

“ยกโทษให้ข้าด้วยท่านราชินี!”

 

เมื่อระลึกถึงภาพของการถูกจู่โจมโดยชูเยว่ ไป่หลิง ก็รู้สึกหนาวสั้นขึ้นมาและขอความเมตตาในทันที