ตอนที่ 167.2 สละชีพ (2)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

คิดไม่ถึง เป็นถึงท่านอ๋องกลับแบกตัวประกันคนนั้นไว้ที่หลัง 

 

 

ซานอิงกอดอกแสร้งถาม “เอ๋ คนที่ท่านอ๋องแบกไว้ คือสาวน้อยที่พวกเราจับมาเป็นตัวประกันไม่ใช่หรือ ไฟกำลังลุกไหม้ทั่วป่า ท่านอ๋องไม่รีบหนีลงเขา แต่เสี่ยงชีวิตไปหานาง อีกทั้งยังแบกนางไว้เอง——นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า” 

 

 

“เจ้าไม่ได้รีบหนีเอาชีวิตรอดรึ? ตั้งใจหยุด แล้วมาสนใจเรื่องของข้าแบบนี้ หรือว่าไม่อยากหนีแล้ว” ซย่าโหวซื่อถิงส่งสัญญาณให้ซือเหยาอันตั้งรับ 

 

 

ซานอิงหัวเราะฮ่าๆ และตอบกลับว่า “ก็เพราะว่าพวกข้าอยากมีชีวิตต่อไงเล่า จึงต้องสนใจเรื่องของท่านอ๋องเสียหน่อย! ยังคิดเสแสร้งต่อไปอีกหรือท่านอ๋อง ท่านขึ้นเขาครานี้ เพื่อเจรจาข้อแลกเปลี่ยนกับพวกข้าที่ไหนกัน” สายตาทอดไปยังคนด้านหลังพร้อมกับชี้นิ้ว “จุดประสงค์ของท่าน เพื่อนังเด็กคนนี้ต่างหากเล่า! ที่แท้สาวน้อยคนนี้มีค่าขนาดนี้เชียว เสียดายที่ข้ามองพลาดไปจริงๆ ที่ไม่ได้นำตัวนางไปด้วย!” 

 

 

“ซานอิง!” หลี่ว์ปาตะโกนหนึ่งที “ท่านอ๋องปล่อยพวกเจ้าแล้ว ยังไม่รีบหุบปากแล้วหนีไปอีก ยังมาบ่นพล่ามอยู่ตรงนี้ทำไม รอให้พวกทหารขึ้นมาจับหรืออย่างไร” 

 

 

ซานอิงมองกลับ “ไอ้เกลือเป็นหนอนไปอยู่ฝั่งทางการอย่างเจ้า ข้าจะจัดการเจ้าภายหลัง! ปล่อยพวกข้าไปงั้นรึ ถุย! หลอกใช้พวกข้าเป็นเครื่องมือไปทำร้ายเว่ยอ๋อง ที่แท้ก็เพื่อมาช่วยนังเด็กนี่!” 

 

 

“งั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร!” หลี่ว์ปากล่าว 

 

 

ซานอิงหัวเราะพลางกล่าวว่า “หมายความว่าอย่างไร? ฐานะของท่านอ๋องคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนนังเด็กสาวนี่ดูธรรมดา แต่ถือว่าเป็นสมบัติชั้นดี มูลค่าของสองคนนี้คงสูงไม่น้อย งั้นขอเชิญทั้งสองลงเขาไปกับพวกข้าหน่อยก็แล้วกัน ท่านอ๋องบอกว่าตรงที่ราบมีทหารไม่มาก แต่ข้าดูแล้ว การป้องกันก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นมีท่านอ๋องกับแม่นางผู้นี้นำอยู่ด้านหน้า คงทำให้ทางสะดวกขึ้นไม่น้อย พวกข้าออกจากเมืองและปลอดภัยเมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปเอง” 

 

 

นี่คิดจะใช้พวกเขาเป็นตัวประกันเพื่อเบิกทาง จะให้ตกอยู่ในมือของพวกมันไม่ได้เด็ดขาด ความโลภของโจรป่าไม่มีวันสิ้นสุด อวิ๋นหว่านชิ่นขยับตัวเพราะอยากลงมา ขาที่ชาก็หายพอจะขยับได้บ้างแล้ว หากคิดจะหนี แต่ยังถูกเขาแบกไว้แบบนี้ คงวิ่งได้ไม่เร็วแน่ 

 

 

“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แม้แต่เครื่องแสดงเพื่อออกจากเมืองก็อยู่ในมือเจ้าแล้ว” ซย่าโหวซื่อถิงประสานมือไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยนางลง เขากล่าวด้วยเสียงเรียบว่า “คนที่โลภมาก มักไม่มีจุดจบที่ดีหรอกนะ โจรควรมีจรรยาบรรณของโจร” 

 

 

“ถุย!” ซานอิงโกรธมาก ชี้ดาบไปด้านล่าง “ยังกล้าพูดว่าโจรมีจรรยาบรรณของโจรกับข้าอีกรึ! เจ้าพูดเองไม่ใช่รึว่ากำลังทหารที่ราบนั่นหละหลวม นี่เรียกหละหลวม? มีเครื่องแสดงแล้วจะมีประโยชน์อันใด บุกทะลวงยังไม่ได้เลย! ถ้าไม่ใช่เพราะการพูดคุยภายในมีปัญหา มีคนแอบโยนตะบันไฟเผาทางข้างหน้าจนไม่เหลือ เกรงว่าแผนการของเจ้าคงสำเร็จไปแล้ว! แล้วเจ้าเองก็คงแบกเด็กสาวคนนี้ลงเขาไปเรียบร้อย ส่วนข้ากับลูกน้องของข้า ก็คงถูกทหารด้านล่างฟันจนไม่เหลือซากแล้วมั้ง” 

 

 

ความเคียดแค้นของโจรป่าทั้งกลุ่มเริ่มระอุ 

 

 

ซือเหยาอันถือดาบข้างกายเอาไว้ คอยระวังอยู่ด้านหน้าสุด ทางข้างหน้ามีจำนวนคนอยู่ไม่น้อย ถึงเขาจะมีทักษะการต่อสู้ที่เก่งกาจล้นฟ้า แต่สองแขนก็มิอาจสู้สี่แขนของศัตรู แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว แม้จะต้องสู่จนสุดชีวิต ก็จะไม่ยอมให้พวกโจรป่าจับเจ้านายสองคนนี้ไปเป็นตัวประกันแน่ แล้วเขาก็ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะอันแผ่วเบาของท่านอ๋องพร้อมกับกล่าวว่า “ซานอิง แม้ว่าข้ายอมเป็นคนเปิดทางให้กับเจ้า แต่ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้หรอก เจ้าลืมคำสั่งทหารที่ข้าสั่งเอาไว้ก่อนขึ้นไปบนเขาแล้วหรือ” 

 

 

แล้วบรรยากาศก็เงียบกริบ 

 

 

แม้ซานอิงจะจับตัวฉินอ๋องหรือมีท่าทีไม่ยอมใดๆ ก็ตาม ทหารที่ราบมิต้องคำนึงถึงชีวิตของฉินอ๋อง ฆ่าเหล่าโจรป่า ณ เวลานั้นได้ทันทีไม่มีละเว้น 

 

 

คำสั่งทหารไม่ใช่คำพูดลอยๆ ที่ไร้น้ำหนัก 

 

 

หากออกคำสั่งแล้ว ทหารไม่มีทางไม่ทำตาม 

 

 

แม้จะจับตัวฉินอ๋องได้ ก็คงไม่มีประโยชน์ 

 

 

สีหน้าของซานอิงซีดขาวในทันที เหงื่อเท่าเม็ดถั่วไหลลงมาเป็นหยดๆ ผู้เฒ่าเถียนเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น แต่ยังแสร้งทำเหมือนไม่เป็นอะไร “ท่านอินทรี จับพวกมันมาก่อนค่อยว่ากันทีหลัง! แม้ว่าคำสั่งทหารฆ่าไม่มีละเว้นก็จริง แต่ฉินอ๋องก็คงตายก่อนพวกเรา! คุ้มค่าแล้วขอรับ!” 

 

 

ซานอิงเห็นด้วย เขาจึงส่งสัญญาณมือขึ้น จากนั้นมีโจรสองคนเตรียมเข้าไปจับคน แต่หลี่ว์ปากลับเอ่ยขึ้นกลางคันว่า “ช้าก่อน” 

 

 

เสียงอันหยาบกระด้างของชายหนุ่มที่เคยดังสะท้อนไปทั่วภูเขาในยามค่ำคืน ครั้งนี้กลับเงียบสงบผิดปกติ 

 

 

“หลี่ว์ปา! เจ้ามันก็แค่ไอ้หมาตกน้ำ แม้พวกข้าไม่ฆ่าเจ้า ทางการก็ไม่ลดโทษให้เจ้าหรอก เจ้ามีอะไรอีก ถ้าอยากตายละก็ ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง!” ซานอิงตะโกนอย่างเกลียดแค้น 

 

 

หลี่ว์ปาส่งสายตาอย่างเยาะเย้ย และกล่าวว่า “คนของเจ้ายืนอยู่ตรงหน้า ข้าจะทำอะไรได้อีก หากเจ้าจะจับข้า ข้าขัดขืนได้งั้นรึ? ข้าขอแค่ ก่อนเจ้าจะจับตัวพวกเขาไป ขอขอพูดกับเด็กสาวนี่หน่อย! ถือซะว่าครั้งหนึ่งเราเคยร่วมงานกัน การซื้อขายสิ้นสุดแต่น้ำใจมนุษย์ยังคงอยู่ เจ้าคิดเองก็แล้วกัน!” 

 

 

ซานอิงตะลึง จากนั้นเขาและคนข้างๆ ก็เริ่มหัวเราะอย่างไม่เป็นมิตร เขากล่าวอย่างเสียงดังต่อว่า “หลี่ว์ปา ข้าเห็นมานานแล้วล่ะ ว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับเด็กสาวอัปลักษณ์นั่น! คิดไม่ถึงจริงๆ ! ก่อนหน้านี้เจ้าเกลี้ยกล่อมครั้งแล้วครั้งเล่าให้ข้าอย่าทำร้ายนางถึงชีวิต พอถึงตอนนี้ คิดจะกระซิบบอกลาอย่างงั้นรึ โธ่ๆ ช่างน่าเสียดายนัก คนหยาบอย่างเจ้า จะสู้กับท่านอ๋องสามได้อย่างไรกัน ถ้าข้าเป็นผู้หญิง หลับตาไว้ข้ายังรู้เลยว่าต้องเลือกใคร——” 

 

 

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังสนั่น 

 

 

แต่หลี่ว์ปากลับไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งไม่อับอาย และไม่ปฏิเสธ สีหน้านิ่งเหมือนน้ำตายที่ไร้สิ่งมีชีวิต 

 

 

แม้รู้จักหลี่ว์ปาไม่มาก แต่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนดุจไฟ มีความโกรธ มีการระบาย มีความเกลียด มีการแก้แค้น ยากนักที่จะเห็นเขานิ่งเช่นนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกแปลก คล้ายว่าเขามีแผนการบางอย่าง 

 

 

ซานอิงหัวเราะไปครึ่งค่อนวันกว่าจะหยุด เขาชูมือปัดไปปัดมาและกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปเถอะๆ!” 

 

 

หลี่ว์ปาเดินมายืนอยู่ตรงหน้าทั้งคู่ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเตะเข้าที่ด้านหลังของซย่าโหวซื่อถิงเบาๆ “ปล่อยข้าลงไป” 

 

 

ลมหายใจหายของชายหนุ่มเริ่มไม่สมดุล ราวกับไม่พึงพอใจอย่างมาก แต่ก็ทนการขยับไปมาของคนด้านหลังไม่ไหว จึงต้องปล่อยนางลงมา 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไปหาหลี่ว์ปา กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่หลี่ว์ปากลับยื่นสองแขนยาวออกมาต่อหน้าทุกคน จากนั้นหมุนตัวนางและหยุดนางไว้ด้านข้าง เขาโน้มตัวลงและขยับเข้าไปใกล้ที่หู 

 

 

สีหน้าของซย่าโหวซื่อถิงเปลี่ยนไปทันที ร่างกายขยับเล็กน้อย จากนั้นเขาเห็นปากของหลี่ว์ปากำลังขยับ เหมือนกำลังพูดอะไรอยู่ คงมีแผนการอะไรบางอย่าง 

 

 

ที่ข้างหู อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินเสียงแหบซ่าของหลี่ว์ปากล่าวว่า “สาวน้อย เจ้าจำได้หรือไม่ ก่อนเจ้าไปค่ายบัญชาการ ข้าเคยบอกว่าการก่อกบฏในครั้งนี้ เป็นผลจากปัญหาที่สั่งสมมานาน ภัยพิบัติเป็นเพียงชนวนเท่านั้น” 

 

 

“จำได้ พี่หลี่ว์บอกว่าข้าราชการในฉังชวนประพฤติผิดฉาวโฉ่ ล้วนเป็นเพราะมีคนหนุนหลัง จึงได้ทำตามอำเภอใจอย่างไม่เกรงกลัวใคร ไม่สนใจความยากลำบากของชาวบ้าน วางอำนาจบาตรใหญ่ ทำตัวเป็นฮ่องเต้” อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าว 

 

 

หลี่ว์ปาขยับเข้าไปใกล้อีก จากนั้นแนบที่ข้างหูของอวิ๋นหว่านชิ่นมากกว่าเดิม ท่าทางสนิทสนมจนสีหน้าของคนที่กำลังจ้องก็แย่ลงกว่าเดิม เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คนนั้นก็คือ…” 

 

 

ชื่อของคนหนึ่งถูกกล่าวออกไป 

 

 

สีหน้าของอวิ๋นหว่านชิ่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเขาคนนั้น แต่ถึงจะเป็นคนนั้น ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ 

 

 

“พี่หลี่ว์รู้ได้อย่างไร” 

 

 

หลี่ว์ปาตอบอย่างเสียงเบา “เมื่อตอนที่ข้าคบหากับซานอิง เพื่อหลอกใช้ข้าเป็นเครื่องมือรวบรวมกำลังทหารให้เขา เขานับถือข้าเป็นพี่เป็นน้อง มีเรื่องอะไร เขาจะบอกข้าทุกอย่าง ซานอิงเป็นคนบอกกับข้าเอง” 

 

 

แล้วโจรป่าอย่างซานอิง รู้ความลับภายในราชการได้อย่างไร