ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 223 ปรารถนาได้รับมากยิ่งกว่า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พายุนิมิตทมิฬที่แต่เดิมก็โหมทำลายแล้ว ชั่วขณะนี้พลันเปลี่ยนเป็นดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นมังกรทมิฬพิฆาตอันบ้าคลั่ง ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทางพวกเยี่ยนจ้าวเกอ

บริเวณที่พายุรุนแรงพัดผ่าน การดำรงอยู่ทั้งปวง รวมถึงดินทรายของทะเลทรายกว้างใหญ่ ล้วนแตกสลายเป็นฝุ่นผงทั้งสิ้น

คนมีชีวิตอยู่ภายในนั้น หากพลังฝึกปรือไม่เพียงพอ ซ้ำยังไม่มีวิธีการปกป้องเป็นพิเศษ ก็คล้ยากับถูกลิขิตไว้แล้วว่าสิ้นชีพไร้ที่กลบฝัง

หัวคิ้วเยี่ยนจ้าวเกอขมวดขึ้นเล็กน้อย เส้นสายตามองดูโดยรอบทั้งสี่ทิศ

มังกรทมิฬพิฆาตสิ่งนี้ แม้ว่าจะพบเห็นได้ไม่บ่อย ทว่าก็เป็นภัยพิบัติที่เลื่องชื่อลือชาในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกเช่นกัน เปี่ยมไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้ใดก็ไม่กล้ารับประกันว่าตนเองจะไม่ประสบพบเป็นแน่

ดังนั้นการที่เยี่ยนจ้าวเกอประสบกับมังกรทมิฬพิฆาตบริเวณที่ถอนเสาหินออกมาแห่งนั้น นอกจากจัดการโต้ตอบอย่างระมัดระวังแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น

เข้าสู่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกแล้ว ครั้นอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพายุนิมิตทมิฬ ก็คาดการณ์มังกรทมิฬพิฆาตได้ล่วงหน้า โต้ตอบภัยพิบัติที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดอย่างระมัดระวัง ไม่ได้มีจุดที่ผิดแปลกอะไร

ถึงกระนั้นประสบมังกรทมิฬพิฆาตอีกครั้งในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้ ยิ่งเหมือนกับว่ากำลังไล่ตามอยู่หลังกายตนเองตลอดเวลาก็ไม่ปาน

เรื่องประเภทนี้ที่แจ่มชัดว่าผิดปกติอยู่บ้าง เยี่ยนจ้าวเกอจึงสนใจอย่างอดไม่ได้

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอจดจ้องพายุนิมิตทมิฬที่ม้วนฟ้าดินอีกครั้งในบริเวณไกลออกไป ในชั่วขณะหนึ่ง ภายในสมองของเขาผุดความคิดจำนวนมากขึ้นมา

‘มีคนประสงค์ร้ายต่อข้า หรือไม่ก็ถลันตามซากเสาหินมา…’

‘ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต? สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์? ผู้เหลือรอดจากเขานิมิตทมิฬ? ผู้เหลือรอดค่ายห้าวิญญาณ? หรือจะเป็นคนอื่น?’

‘สามารถขับเคลื่อนก่อมังกรทมิฬพิฆาต ในขอบเขตที่กำหนดเฉพาะได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย เข้าใจพลังของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกถึงเพียงนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้เหลือรอดของเขานิมิตทมิฬนั้นอย่างยิ่ง!’

‘แต่ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ของการที่ผู้เหลือรอดเขานิมิตทมิฬร่วมมือกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็คบคิดกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต กระทั่งถึงขั้นที่เป็นสมาชิกสำคัญของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต’

พลังมหาทะเลทรายแดนตะวันตกโหดเหี้ยมทารุณอย่างยิ่ง กลับยังลี้ลับไม่อาจหยั่งรู้อีก สลับซับซ้อนยากจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

ไม่ว่าจะเป็นสำนักเขากว่างเฉิง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หรือสำนักเขาไร้พรมแดน ปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงสืบสำรวจมหาทะเลทรายแดนตะวันตก

หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ โลกแปดพิภพก็ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมพลังของสถานที่อันเลวร้ายผืนนี้ได้อย่างแท้จริงเสมอมา

เพียงแต่หากต้องกล่าวว่าท่ามกลางทุกผู้ทุกคน มีคนที่เข้าใจมหาทะเลทรายแดนตะวันตกลึกซึ้งที่สุด และเป็นไปได้ว่ามีขอบเขตจำกัดในการอาศัยใช้พลังในนั้นล่ะก็ เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดนอกจากเขานิมิตทมิฬ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์วายุพิภพในอดีตอีกแล้ว

หลังจากสำนักเขานิมิตทมิฬล่มสลาย มีผู้เหลือรอดถอยร่นสู่มหาทะเลทรายแดนตะวันตก และยังเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น รวมถึงชายแดนทั้งสี่เกาะของวายุพิภพตลอดเวลาจวบจนปัจจุบันนี้

ตัวเยี่ยนจ้าวเกอเอง แม้ว่ากาลก่อนจะไม่เคยคบค้าสมาคมกับผู้เหลือรอดของสำนักเขานิมิตทมิฬอย่างเป็นทางการ ทว่าก็รู้ถึงความป่าเถื่อนเป็นนิสัย ทั้งยังเจนจัดในการอดกลั้นไว้ในใจด้วยเช่นกัน

รูปแบบการกระทำการคือไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล เป็นมาตรฐานเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย ขณะเดียวกันกลับยังระแวดระวังอย่างยิ่งอีกด้วย มีลมพัดหญ้าไหวน้อยนิด ก็จะถอยร่นกลับมหาทะเลทรายแดนตะวันตกเร้นกายพร้อมกันอีกครั้ง

หลายปีมานี้ แม้ว่าจำนวนผู้ที่เหลืออยู่ของสำนักเขานิมิตทมิฬจะน้อยลงเรื่อยๆ ทว่าในนั้นก็ไม่ขาดยอดฝีมือที่ใจดำอำมหิต

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองฝูงชนในพื้นที่ฉับไว ประกายตาเงียบลึก

มังกรทมิฬพิฆาตพัดจากบริเวณไกลออกไปมาอย่างเร็วรี่ ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่ลมหายใจ ก็มาถึงเบื้องหน้าทุกคนแล้ว!

ทุกคนมองยังเยี่ยนจ้าวเกอตามจิตใต้สำนึก วาดหวังว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะสามารถมีวิธีการ ทำให้พวกเขาข้ามผ่านด่านยากเบื้องหน้าไปได้อีกหน!

การที่สามารถไล่มังกรทมิฬพิฆาตให้หายไปได้ในคราวเดียวก่อนหน้านี้ ณ สถานที่ฝังเสาหิน เยี่ยนจ้าวเกออาศัยพลังสภาพอากาศของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกเองบิดเบือนระเบิดปะทุ เวลาเดียวกันนั้นภายในเสาหินมีทำนองพลังอันลี้ลับมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นมากมาย

วิธีการเช่นนี้ เกิดขึ้นได้เพียงหนเดียวไม่อาจซ้ำสอง

อยากจะวาดกระบวยตามรูปน้ำเต้า ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอนำเสาหินฝังกลับลงในทะเลทรายทันที ก็หมุนเวียนใหม่อีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ทันกาลเช่นกัน

ทว่านี่ไม่เป็นอุปสรรคในเวลานี้ ทุกคนถือเยี่ยนจ้าวเกอเสมือนเป็นบุคคลสำคัญ ฝากฝังความหวังอันสูงยิ่งไว้กับเขา

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอกวาดผ่านหน้าทุกคนไปอีกครา มองทุกคนอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ทุกคนขยับเข้ามาทางข้านี้ก่อน อย่าได้แยกย้ายกันไป”

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ก็ทยอยเขยิบเข้าใกล้ทางเยี่ยนจ้าวเกอทันใด

โดยมี ‘ผู้อาวุโสหลี่’ กับ ‘เหยาซาน’ เป็นผู้นำหน้า!

ทั้งสองพลางขยับเข้าไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ พลางเสแสร้งเบือนศีรษะกลับมองลมพายุที่ค่อยๆ คืบเข้ามา แต่แท้จริงแล้วลอบสังเกตผู้ติดตามของเยี่ยนจ้าวเกออย่างลับๆ ตลอดเวลา!

พ่านพ่านที่มีขนาดร่างมหึมาเสียยิ่งกว่าช้างทั่วไปอีก ขณะนี้เฝ้าปกป้องอยู่หลังกายเยี่ยนจ้าวเกอ

ส่วนอาหู่ คุ้มกันอยู่หลังกายเยี่ยนจ้าวเกอตามความเคยชิน ราวกับเทพเจ้าประตูก็ไม่ปาน

มีแสงเย็นทอแสงวาบในดวงเนตร ‘ผู้อาวุโสหลี่’ “คราวนี้ไม่เหมือนกับคราก่อนแล้ว!”

เขากวาดสายตามองด้วยหางตา ก่อนจะเห็นเหลียนอิ๋งวัยหนุ่มผู้นั้น กำลังจ้องมองเงาหลังจวินลั่วดรุณีสาวอยู่ในขณะนี้ไม่วางตา

เหลียนอิ๋งขบฟันกัดริมฝีปากแน่น จนรอยเลือดซึมออกมาบนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

ในสายตาเขา เห็นเพียงจวินลั่วเดินไปทางเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้ายินดีปรีดา เชื่อถือ ศรัทธา ชื่นชม และถึงขนาดเลื่อมใส

เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในยามที่จวินลั่วมองยังตนเอง จะมีสีหน้าท่าทางเช่นนี้ได้บ้าง

ตั้งแต่เล็กเหลียนอิ๋งไม่ได้รับการเอาใจใส่จากญาติพี่น้องในตระกูล ขาดความรัก ขาดความรู้สึกปลอดภัย ยิ่งกว่านั้นยังมักถูกคนรุ่นเดียวกันในตระกูลข่มเหงรังแก

มีเพียงยามที่พบพานจวินลั่วเท่านั้น แต่ไรอีกฝ่ายไม่เคยดูถูกเขาเลย ยิ่งกว่านั้นเร็วๆ นี้ยังเสี่ยงภัยช่วยชีวิตตนอยู่ในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกอีกด้วย

สำหรับจวินลั่วแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพียงการคบค้าสมาคมของระหว่างสหายธรรมดาเท่านั้น

แต่สำหรับเหลียนอิ๋งแล้ว กลับได้รับความเอาใจใส่และความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับมาก่อน จากการกระทำเช่นนั้นของนาง

เพียงแต่ เขายังต้องการได้รับมากกว่านั้น!

ก้นบึ้งจิตใจของเขามักจะมีความหวาดกลัวอยู่เสมอ หากไม่ใช่มากขึ้นเรื่อยๆ บางทีอาจจะน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว

นั่นนำพามาซึ่งความบิดเบี้ยวของจิตใจที่วิปริตอยู่หลายส่วน ทำให้เขาปรารถนาจะคว้าสตรีผู้อ่อนโยนน่าหลงใหลผู้นั้น ผู้เป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตตนผู้นั้นไว้ให้อยู่หมัด จนไม่อาจควบคุมได้นับแต่นั้น

เขาทนเห็นนางให้ความสนใจคนอื่นมากกว่าหรือเมินเฉยตนเองไม่ได้

ชายหนุ่มทุกผู้ทุกคนที่เข้าใกล้จวินลั่ว ล้วนจะถูกเขาถือเสมือนว่าเป็นศัตรูอยู่ภายใน รวมทั้งเหลียนเฉิงพี่น้องร่วมตระกูลที่หัวอกเดียวกับตนเอง

อีกทั้งรวมไปถึงชายที่ราวกับเทพสวรรค์จุติยังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน ที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นั้น

เยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายกว่างเฉิง!

ความห่างชั้นของทั้งสองฝ่าย มากอย่างยิ่งยวดจริงๆ

เขาเพียงแค่บุตรภรรยาเก็บคนหนึ่งของตระกูลเหลียนแห่งเกาะทรายที่มีชีวิตอยู่ชั้นต่ำที่สุด มองไม่เห็นตะวันโผล่พ้นเหนือศีรษะ

ตระกูลเหลียนแห่งเกาะทรายเป็นเพียงแค่ขุมกำลังชั้นสองกลุ่มหนึ่งใต้การปกครองพรรคกระบี่วายุคำราม

ซึ่งพรรคกระบี่วายุคำรามก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในขุมกำลังภายใต้ดินแดนไร้ที่สิ้นสุด ในการควบคุมของสำนักเขากว่างเฉิงเช่นกัน

หนึ่งในผู้อาวุโสปฏิบัติกิจจำนวนมากของสำนักเขากว่างเฉิง ก็เป็นผู้ซึ่งต้องปรนนิบัติเป็นอันดับหนึ่งของพรรคกระบี่วายุคำราม

หนึ่งในผู้อาวุโสคุมการณ์จำนวนมากของสำนักเขากว่างเฉิง ต่อให้เป็นประมุขตระกูลเหลียน ก็ต้องปรนนิบัติกับอีกฝ่ายเสมือนแขกผู้มีเกียรติด้วยเช่นกัน

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอ ทั้งที่ยังมีอายุอ่อนเยาว์ กลับสามารถทำให้ผู้อาวุโสคุมการณ์กว่างเฉิงก้มหัวให้ ทำให้ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจค้อมกายคำนับได้แล้ว!

ความห่างชั้นระหว่างเขากับเหลียนอิ๋ง คล้ายกับผู้หนึ่งอยู่บนสวรรค์ ผู้หนึ่งอยู่บนพื้นดินแล้วไม่ใช่หรือ?

เขารู้ดี ความรู้สึกของจวินลั่วที่มีต่อเยี่ยนจ้าวเกอ อาจจะเป็นจำพวกเลื่อมใสใฝ่ฝันเทือกนั้นมากกว่า ไม่ใช่ความรู้สึกชายหญิงรักใคร่ชอบพอ

ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ ยามเมื่อเขาเห็นทั้งสองพูดคุยกันชื่นมื่น ในใจยังคงราวกับมีอสรพิษเป็นพันหมื่นรุมกัดพร้อมกัน!

แต่ไรระหว่างจวินลั่วกับตนเอง ก็ไม่เคยพูดคุยกันเช่นนั้นมาก่อนนี่

ลั่วลั่ว…คำเรียกนี้ที่แขวนอยู่ที่ริมฝีปากเยี่ยนจ้าวเกอ เขาใฝ่หาแม้แต่ในฝันนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าความจริงกลับหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก อย่างไรก็เรียกไม่ออก

เพราะอะไร…ไยความห่างชั้นระหว่างคนผู้หนึ่งกับคนอีกผู้หนึ่งถึงได้มากเช่นนี้?

ในตอนที่เหลียนอิ๋งมองดูท่าทีสนทนาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับจวินลั่ว ความรู้สึกแรกที่เขารู้สึก ก็คือแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของตนนี้ แท้จริงแล้วช่างห่างกันไกลโพ้นนัก!

“เช่นนี้ไม่ได้! คุณชายกว่างเฉิงแล้วอย่างไร? คุณชายกว่างเฉิงก็ไม่อาจแย่งเจ้าไปได้!” เหลียนอิ๋งกัดริมฝีปากแน่น

บนใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มน่าเวทนาที่ทั้งน่ากลัวและไร้ความสดใส ก่อนที่จู่ๆ เขาจะชักกระบี่สั้นสีดำเล่มหนึ่งออกมาแทงเข้าไปในแขนของตน!

โลหิตสดหยดร่วงลงยังเบื้องล่าง ซึมเข้าสู่พื้นดินทราย พลันพาให้เม็ดทรายบริวเวณนั้นหลอมเหลวเป็นสีขาวประดุจหิมะผืนหนึ่งในทันใด!

……………