บทที่ 136 เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ ช่วยข้าหน่อย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

“เจ้าไม่ใช่ชาวตงหลิง” ด้วยความที่เป็นแม่ทัพ เขาจึงความรู้สึกไวต่อสิ่งเหล่านี้มาก
เขากังวลว่าโจวสิงจะเป็นสายลับ แต่ท่าทางของโจวสิงกลับไม่เหมือนนัก
โจวสิงพยักหน้า “ข้าไม่ใช่ชาวตงหลิง แต่แม่ทัพอวี่เหวินโปรดวางใจ ข้าไม่ได้มีความคิดเป็นอื่นต่อตงหลิงและไม่ใช่สายลับด้วย หากข้าเป็นสายลับจริง ข้าย่อมไม่มาอยู่ที่จวนเฟิ่งแน่”
อวี่เหวินหยวนฮั่วมองโจวสิงอย่างประเมิน เมื่อเห็นใบหน้ากระจ่างของโจวสิง เขาก็พยักหน้า “เฟิ่งชิงเฉินเชื่อในตัวเจ้า ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง”
อวี่เหวินหยวนฮั่วเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจะไม่มีทางเลี้ยงคนเนรคุณไว้ข้างกายแน่
“แล้วท่านเล่า แม่ทัพอวี่เหวิน? วันนี้ยามท่านดื่มสุราและแสร้งเมา ท่านมีจุดประสงค์อันใดกัน? ท่านคิดว่าชิงเฉินสามารถช่วยท่านได้จริงๆ หรือ” ชายทั้งสองล้วนต้องการปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน แต่กลับระแวงซึ่งกันและกัน
“เรื่องของข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” อวี่เหวินหยวนฮั่วตอบ แม้ว่าเขาจะเชื่อในตัวโจวสิง แต่เขาก็ไม่ชอบโจวสิงนัก เขาจึงหันหลังและเดินจากไปด้วยท่าทางไม่อยากเสวนาด้วย
โจวสิงรีบเข้ามาขวาง “จะไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างไร ท่านไม่รู้หรือว่าหากทำเรื่องนี้ได้ไม่ดีจะทำให้ชิงเฉินถูกฝ่าบาทเกลียดชัง ท่านกำลังทำให้นางตกอยู่ในอันตราย”
“ชิงเฉิน? อะไรกัน? ไม่เรียกว่าท่านพี่แล้วหรือ?” อวี่เหวินหยวนฮั่วตอกกลับอย่างกวนโมโห
อ้าปากหุบปากก็ท่านพี่ๆ ใช้ความเป็นน้องชายอยู่ข้างกายเฟิ่งชิงเฉิน ช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญยิ่งนัก
โจวสิงหันหน้าหนีและพูดอย่างตรงไปตรงมา “นี่เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับท่าน”
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินล้วนเกี่ยวกับข้า โจวสิง เจ้าไม่คู่ควรกับนาง อย่าได้หลงทระนงตนไป” อวี่เหวินหยวนฮั่วเตือน
“ข้าไม่คู่ควรแล้วท่านคู่ควรหรือ?” โจวสิงไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอ บนตัวของเขามีกลิ่นอายสูงศักดิ์อย่างที่คนธรรมดาไม่มี
“โจวสิง ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ในสายตาของข้า เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น” เขารู้อยู่แล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนขององค์ชายเก้า
วันนี้ที่เขาแสร้งทำเป็นเมาจากการดื่มสุรา เพียงแต่แค่อยากจะยืมปากของเฟิ่งชิงเฉินได้เข้าใจสถานการณ์ของเขา ตราบใดที่องค์ชายเก้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา อวี่เหวินหยวนฮั่วก็จะนับว่าเขาเป็นเจ้านายนับจากนี้ไป
อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่เคยคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะสามารถช่วยเขาได้ คนทั้งราชวงศ์ตงหลิงที่สามารถช่วยเขาได้มีเพียงหยิบมือเดียวและผู้ที่เขาเลือกร่วมมือด้วยก็คือองค์ชายเก้า
แน่นอนว่าถ้าองค์ชายเก้าไม่ได้มีความสามารถเช่นนี้ย่อมไม่สมควรได้รับการยกย่องเป็นนาย
ชีวิตคนสามแสนคน เขาไม่มีทางรับผิดชอบได้
อวี่เหวินหยวนฮั่วสาวเท้าก้าวออกไป…
ภายใต้แสงจันทร์ โจวสิงยืนอยู่ตรงนั้น มองดูอวี่เหวินหยวนฮั่วกลับไปที่ห้องของเขาพลางส่ายหัวแล้วหมุนตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง
แต่ละคนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
“เดินดูหมดแล้วยังจะดูต่อหรือไม่?” หลานจิ่วชิงเดินออกมาจากความมืด เดินไปหาเฟิ่งชิงเฉินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดด้วยรอยยิ้มชื่นชมภายใต้หน้ากากเงิน
เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้นับว่ามีสมองอยู่บ้าง นางไม่ได้ไว้ใจคนไปทั่ว
“เจ้าว่าเหตุใดคนรอบกายข้าแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดาเอาเสียเลย” เฟิ่งชิงเฉินไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของหลานจิ่วชิง
นางเคยเขาตั้งนานแล้ว หลานจิ่วชิงไม่ได้ซ่อนตัวจากเธอ
“เจ้าก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน”
สิ่งที่เหมือนกันย่อมดึงดูดเข้าหากัน ผู้คนก็ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มตามนี้เช่นกัน
“มีเหตุผล ข้าไม่สนว่าพวกเขาจะธรรมดาหรือไม่ เพียงแค่พวกเขาไม่มีใจคิดทำร้ายข้าก็พอแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างแรง
ไม่ว่าจะเป็นอวี่เหวินหยวนฮั่วหรือโจวสิง ทั้งคู่ล้วนใช้วิธีของตัวเองเพื่อปกป้องนาง
เมื่อคิดได้ เฟิ่งชิงเฉินก็คร้านจะคิดอีก จึงนึกขึ้นได้ว่าชายตรงหน้ามาทำอะไรที่นี่อีก
“เจ้ามาที่นี่อีกทำไม บาดเจ็บหรือ?”
หลานจิ่วชิงรู้สึกเซ็งจนแทบกระอักเลือด เขาดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บทุกๆ สองสามวันหรืออย่างไร? การมาหานางจะต้องบาดเจ็บทุกครั้งไปงั้นหรือ?
“เจ้าไม่ได้บาดเจ็บแล้วมาหาข้าทำไม? หลานจิ่วชิง หากไม่มีอะไรก็อย่ามารบกวนข้า ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินหน้าบึ้งลงทันทีและปฏิเสธอย่างเคร่งขรึม
หลานจิ่วชิงเป็นคนในยุทธภพ นางเป็นผู้หญิงที่ไม่ยึดติดกับศีลธรรมทางโลกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลานจิ่วชิงจะดูหมิ่นและลวนลามนางโดยพลการ
ที่สำคัญที่สุด นางไม่มีความคิดเป็นอื่นเกี่ยวกับหลานจิ่วชิง
ในสายตาของหลานจิ่วชิงมีประกายผิดหวังเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบเก็บไป แล้วพูดด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า “เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเคยช่วยเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณข้า”
“เจ้าต้องการให้ข้าชดใช้บุญคุณ? ตกลง ข้าจำได้ว่าเจ้าต้องการให้ข้าไปช่วยใครสักคนให้เจ้า ช่วยใครหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหลานจิ่วชิงหมายถึงครั้งที่เขาช่วยนางระหว่างทางไปที่พระราชวัง
เมื่อพูดถึงเรื่องสำคัญ สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินจึงดีขึ้นมาก
เพียงแค่ที่หลานจิ่วชิงไม่ทำอะไรแปลกๆ กับนางก็พอแล้ว
หลานจิ่วชิงส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าช่วยใคร ข้าต้องการยืมอะไรบางอย่างจากเจ้า”
แสงจันทร์สาดส่องลงบนหน้ากากสีเงิน ทั้งตัวของหลานจิ่วชิงดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยชั้นของแสงเย็น ยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองห่างกันยิ่งขึ้น
“ยืมอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินแอบโล่งใจ นี่ง่ายกว่าการช่วยชีวิตคนอยู่แล้ว
“ขอยืมอาวุธที่เจ้าเคยใช้ฆ่าคนในพระราชวังหน่อย”
“อะไรนะ?” เฟิ่งชิงเฉินเบิกตากว้างแล้วก้าวถอยหลัง จนกระทั่งชนกับกำแพงจึงได้สติขึ้น “เจ้า เจ้าเห็นอย่างนั้นหรือ?”
นางไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนอยู่ในความมืดด้วย
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหงุดหงิดมาก
หลานจิ่วชิงพยักหน้า
“มีใครอีก? นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีใครที่คอยเฝ้าดูข้าอยู่อีกหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินเอามือของนางไพล่หลังและเปิดกล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอย่างเงียบเชียบและพร้อมที่จะดึงของข้างในออกมา
ฆ่าเขา ฆ่าคนที่รู้ความลับของนาง
หลานจิ่วชิง อย่าได้โทษข้าเลย ข้าไม่ได้อยากฆ่าเจ้า เจ้าเป็นคนมายุ่งกับข้าก่อน ข้าเพียงปกป้องตัวเองเท่านั้น
มีของตกอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉินอย่างเงียบๆ
การเคลื่อนไหวเงียบเชียบนั้นไม่ได้พ้นไปจากสายตาของหลานจิ่วชิงเลย เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเปิดฉาก หลานจิ่วชิงก็ยิ้มเยาะพลางก้าวไปข้างหน้าและกักตัวเฟิ่งชิงเฉินไว้ระหว่างตัวเขาและกำแพง
การกระทำนั้นรวดเร็วมากจนเฟิ่งชิงเฉินตอบโต้ไม่ทัน
“เฟิ่งชิงเฉิน อย่ามาเล่นตลกกับข้า” รัศมีอาฆาตแผ่ซ่านออกมาจากหลานจิ่วชิง
“เจ้ามันน่ารังเกียจ” เฟิ่งชิงเฉินขยับไม่ได้ นางทำได้เพียงจ้องมองหลานจิ่วชิงและเก็บมันไว้เงียบๆ
ชายผู้นี้เป็นตัวปัญหา เป็นการดีกว่าถ้าจะหลีกหนีจากตัวปัญหานี้
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าปิดบัง ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากข้า” มือซ้ายของเขาเท้าผนัง ในขณะที่มือขวาของเขาจับเอวของเฟิ่งชิงเฉินไว้
“ปล่อย” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างเล็กของนางลงมืออย่างรวดเร็ว ศอกกระแทกซี่โครงของหลานจิ่วชิง
“เยี่ยมยอด แต่น่าเสียดายที่เจ้าพบข้าในวันนี้” หลานจิ่วชิงยกเท้าขวาของเขาขึ้นกระแทกมือของเฟิ่งชิงเฉินกลับ
พลั่ก… เฟิ่งชิงเฉินเซไปกระแทกกำแพง แต่หลานจิ่วชิงยังไม่ยอมลดละและโถมตัวเข้ามา จุดมุ่งหมายเล็งไปที่มือของเฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ระหว่างคนทั้งสอง
ไม่นะ มือของข้า
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินซีดลง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางรีบชักมือของนางกลับ แต่ก็สายเกินไป…
นางไม่กล้าตะโกนออกมา นางรู้ว่าหากนางตะโกนออกมา นางจะปลุกโจวสิง หวังจิ่นหลิงและอวี่เหวินหยวนฮั่ว แล้วนางจะไม่ใช่คนเดียวที่จะลำบาก
“ปล่อยเจ้าก็ได้” หลานจิ่วชิงเปลี่ยนทิศทางและกระแทกตัวนางเข้ากับกำแพงด้านหลัง
พลั่ก… เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจได้ว่าขาของหลานจิ่วชิงต้องช้ำแน่