บทที่ 137 สังหารคน ข้าก็ทำได้

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายผู้นี้จะปล่อยนางไปจริงๆ ยามที่กำลังจะกล่าวขอบคุณ นางกลับถูกเขารั้งตัวไว้โดยมีหลังแนบชิดกำแพง ด้านหน้าคือหลานจิ่วชิง นางไม่มีทางหนีรอดไปได้
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้เล่นตุกติกกับข้าอีก คราวหน้าเจ้าจะไม่ได้โชคดีแบบนี้แน่”
รัศมีร้อนแรงพุ่งเข้าหาใบหน้าของเขาพร้อมกับลักษณะที่เย่อหยิ่งจองหองของบุรุษ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เฟิ่งชิงเฉินจึงรู้สึกว่ากลิ่นอายนี้คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
แต่หลานจิ่วชิงไม่ได้ให้โอกาสนางคิดเกี่ยวกับมันและหยิบของออกไปจากมือของนางโดยตรง
“สิ่งนี้ใช้อย่างไร?” หลานจิ่วชิงถามอย่างไร้ยางอาย เขาหมุนเล่นอยู่สองสามครั้ง เมื่อไม่พบว่าใช้ได้อย่างไรก็เอาปืนไปจ่อหัวของเฟิ่งชิงเฉิน
“เจ้าอย่าเล่นมั่วๆ” ถูกคนเอาปืนจ่อช่างเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ
“สอนวิธีใช้ให้ข้าหน่อย” หลานจิ่วชิงไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง
เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองปืนที่หน้าผากของนางและในที่สุดก็ยอมอ่อนข้อให้ “เจ้าวางมันลงก่อน”
นางกลัวมากว่าปืนจะลั่น แล้วนางก็จะตายอนาถ เช่นนั้นแล้วต้องเป็นโศกนาฏกรรมแน่
“สอนวิธีใช้ให้ข้าหน่อย” หลานจิ่วชิงไม่ยอมถอย
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวโดยไม่คิดแม้แต่น้อย “ข้าไม่สามารถสอนเจ้าได้ ไม่ว่าเจ้าต้องการจะฆ่าใครก็ตาม ข้าจะช่วยเจ้า ถือว่าข้าได้ตอบแทนพระคุณเจ้าแล้ว”
นางจะให้ปืนหลานจิ่วชิงไม่ได้และยิ่งไม่อาจสอนเขา นี่คืออาวุธป้องกันตัวของนาง หากเขารู้ว่ามันใช้อย่างไรแล้วจะยังคืนให้นางอีกหรือ?
นางเชื่อว่าหลานจิ่วชิงเป็นสุภาพบุรุษ แต่นางไม่อาจเสี่ยงได้ ดังนั้นนางต้องลองดู
“เจ้าน่ะหรือ? ไร้เดียงสาเสียจริง” หลานจิ่วชิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
สถานที่ที่เขาจะไปนั้นอันตรายมาก ไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชิงเฉินไปเสี่ยง
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรู้ว่าชายตรงหน้าไม่ได้คิดร้าย นางจึงเลิกคิดที่จะฆ่าเขาและยกมือขึ้นจับกระบอกปืนแล้วเลื่อนมันออกไป
ถูกปืนจี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก นางรู้สึกเสมอว่าชีวิตของนางจะตกอยู่ในอันตรายเมื่อใดก็ได้
“อย่าได้ดูถูกข้า แม้ว่าเจ้าจะรู้วิธีใช้สิ่งนี้ แต่เจ้าไม่มีทางชำนาญการใช้ในเร็ววันนี้แน่ เจ้าควรจะรีบธุระ พาข้าไปและข้าจะเก็บความลับให้เจ้าเอง”
ขณะที่พูด มือขวาของเฟิ่งชิงเฉินก็โจมตีหลานจิ่วชิงอย่างรวดเร็ว นางคว้าปืนจากมือของเขา “หลานจิ่วชิง เราทุกคนต่างเป็นคนลึกลับ เรารู้ความลับของกันและกัน เช่นนี้จะได้ไม่ต้องกังวลจะถูกหักหลัง”
“มือของเจ้าว่องไวยิ่ง” หลานจิ่วชิงไม่รำคาญใจ แต่กลับชื่นชม
มือคู่นี้ช่างเหมาะกับการสังหารคนยิ่งนัก
“ก็งั้นๆ ลำดับที่สามของตงหลิง” เฟิ่งชิงเฉินควงปืนในมือของนาง “หลานจิ่วชิง ยามนี้คนที่เจ้าต้องการสังหารมีกี่คน”
เฟิ่งชิงเฉินประเมินว่านางมีกระสุนเพียงพอหรือไม่
“เจ้าใส่ใจมากนักหรือ?”
“ข้าต้องหารซื้อใจเจ้า ช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้และให้เจ้าช่วยเก็บความลับให้ข้าไว้ด้วย” การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เป็นเรื่องที่จริงอย่างมาก
นางและหลานจิ่วชิงเป็นเช่นนี้
“เจ้าคิดว่าข้าจะถูกเจ้าซื้อได้?” หลานจิ่วชิงยิ้มเยาะ
เขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ไร้เดียงสา แต่กลับกลายเป็นว่านางไร้เดียงสายิ่งนัก
“ไม่ แต่เจ้าจะไม่เปิดโปงความลับของข้า มิฉะนั้นเจ้าคงจะไม่รอจนถึงวันนี้ ข้าจะช่วยเจ้าทำเรื่องนี้ถือว่าข้าได้ตอบแทนเจ้าแล้ว” ก่อนหน้านี้นางร้อนรนเกินไปจึงได้คิดที่จะฆ่าคนปิดปาก
ฆ่าหลานจิ่วชิง
อย่าว่าแต่นางไม่มีความสามารถนี้เลยและแม้ว่านางจะฆ่าเขาได้จริง ซูเหวินชิงก็คงไม่ปล่อยนางไปแน่
“เจ้าฉลาดมาก” นี่คือคำชมที่หลานจิ่วชิงมีต่อเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “หากไม่ฉลาด ข้าที่เป็นเพียงหญิงสาวตัวน้อยจะอยู่รอดมาตามลำพังได้อย่างไร หลานจิ่วชิง ข้าไม่อยากรู้ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าเพียงแค่บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการให้ข้าสังหารคนกี่คน”
หากให้นางไปตะลุยกองทัพแล้วละก็นางจะยอมแพ้โดยเร็วที่สุดและสอนการใช้งานให้หลานจิ่วชิงเสมือนดังนางไม่เคยมีปืนนี้มาก่อนเลย อย่างไรเขาก็สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“สิบคน ข้าต้องการให้เจ้าฆ่ายอดฝีมือในยุทธภพสิบคน” ครั้งนี้หลานจิ่วชิงพูดอย่างตรงไปตรงมามาก
บางทีเขาควรเชื่อใจหญิงสาวผู้นี้สักครั้งเช่นเดียวกับซูเหวินชิง
สิบคน นางไม่กลัว
“ไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลาเจ้าคุ้มครองข้า ข้ารับประกันว่าจะไม่ให้ตกหล่นไปเลยแม้แต่คนเดียว”
“เฟิ่งชิงเฉิน ใครๆ ก็พูดได้ทั้งนั้น” หลานจิ่วชิงรู้ถึงความร้ายแรงของอาวุธนี้ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินผ่อนคลาย เขาก็ไม่ค่อยเชื่อนัก
“ข้าจะใช้การกระทำมาพิสูจน์คำพูด หลานจิ่วชิงเจ้ารีบไปเถอะ คืนที่มืดมิดและมีลมแรงเป็นเวลาที่ดีที่จะสังหารผู้คน”
“ถ้าตายไปก็อย่าโทษข้าก็แล้วกัน” หลานจิ่วชิงไม่เคยเห็นหญิงที่ไม่กลัวความตายเช่นนี้
“ไม่โทษเจ้าหรอก แค่อย่าลืมฝังข้าด้วยก็แล้วกัน ข้าไม่อยากเป็นศพที่ถูกทิ้งไว้กลางแจ้ง” เมื่อมีความลับร่วมกัน ระยะห่างระหว่างกันจึงลดลง
อย่างน้อยเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้มีท่าทางเป็นศัตรูกับหลานจิ่วชิงเหมือนเมื่อก่อน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลานจิ่วชิงแข็งแกร่งมาก เป็นมิตรกับเขาก็ดีกว่าเป็นศัตรู
“ในเมื่อเจ้าเร่งรีบไปตายนักก็ไปกันเถอะ” หลานจิ่วชิงจับเอวเอวของเฟิ่งชิงเฉินและใช้วิชาตัวเบากระโดดจากไป
แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ในขณะที่เขา “เหาะ” นั้นนางก็ยังตกใจจนแทบร้องออกมา มือของนางกำเสื้อผ้าของหลานจิ่วชิงไว้แน่น
สวรรค์ ที่แท้วิชาตัวเบาเป็นของจริง มันมีประโยชน์เช่นนี้นี่เอง
เสียงลมพัดผ่านหูของนาง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่านางกำลังบินขึ้นไป ความประหม่าที่จะต้องไปฆ่าใครสักคนก็ลดลงอย่างมาก
หลานจิ่วชิงก้มศีรษะลงมองเฟิ่งชิงเฉิน เขายกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อยและแอบพูดกับตัวเองว่า “เป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดยิ่งนัก”
ทั้งสองรีบออกจากเมือง หลานจิ่วชิงผิวปากครั้งหนึ่งก็เห็นม้าสีดำเงาวิ่งออกมาจากป่า
“มีม้าตัวเดียว เจ้าขี่ด้วยกันกับข้า”
“ตกลง” เมื่ออยู่นอกจวน เป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น อีกอย่างหลานจิ่วชิงไม่ได้ถามความเห็นของนาง เพียงแค่บอกกับนางเท่านั้น
วิชาตัวเบาเป็นของดี หลานจิ่วชิงไม่จำเป็นต้องเหยียบโกลนเลย เขาอุ้มเฟิ่งชิงเฉินกระโดดขึ้นม้าด้วยท่าทางองอาจ
น่าเสียดายที่ไม่มีใครปรบมือให้เขา
ก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะทันนั่งอย่างมั่นคง หลานจิ่วชิงก็ควบม้าออกไป
จะเห็นได้ว่าเขากำลังรีบ กำลังรีบไปช่วยคน
อืม… เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าอาหารและเหล้าที่นางดื่มตอนกลางคืนกำลังจะถูกขย้อนออกมา ท้องของนางรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างยิ่ง สภาพนี้ไม่เหมาะสำหรับการสู้รบเลย
“หลานจิ่วชิง เจ้าช้าลงหน่อย ให้ข้านั่งดีๆ ก่อน อย่างนี้ข้าไม่สบายเลย”
“ผู้หญิง ยุ่งยากเสียจริง” หลานจิ่วชิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เขาก็ลดความเร็วลงและกอดนางไว้แน่นเพื่อไม่ให้นางกระทบกระเทือนมาก
ฟู่…
เมื่อนั่งอย่างมั่นคงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลมกลางคืนพัดจนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เฟิ่งชิงเฉินห่อตัวลงในอ้อมแขนของหลานจิ่วชิง
หลานจิ่วชิงไม่เพียงไม่ปฏิเสธ แต่ยังพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เหอะๆ… ถ้าซูเหวินชิงได้เห็น ดวงตาของเขาต้องถลนออกมาแน่
จิ่วชิง เจ้าไม่ได้เกลียดผู้หญิงหรือ?
จิ่วชิง เจ้าไม่ได้ไม่ชอบให้คนเข้าใกล้หรือ?
เฟิ่งชิงเฉินเป็นใครกัน คุ้มไหมที่จะละเว้นให้นางซ้ำๆ? หรือแม้กระทั่งแสดงด้านที่คนอื่นไม่รู้จักต่อหน้านาง…