นาหลันฮงวูกำลังกินบะหมี่ด้วยความอร่อยพลางดูละครเรื่องโปรดไปด้วย บนหน้าจอปรากฏฉากของหมู่บ้านวัดหญ้า
“น้องเทียนหมู่บ้านวัดหญ้าแห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์ฆ่าสังหารทั้งหมู่บ้าน ซึ่งที่นี่ถูกค้นพบโดยซงดาเรนลูกศิษย์ของเจ้า ดูเหมือนว่าเขาจะพบเด็กคนหนึ่งเข้าและกำลังพาเด็กคนนั้นไปยังกลุ่มไผ่ยักษ์(ดาชู)”
อาจารย์เทียนบูยี่หัวหน้ากลุ่มไผ่ยักษ์รู้สึกพูดไม่ออก
“พวกเขาจะพาจางเซียวฟานไปอยู่ในกลุ่มไผ่ยักษ์หรอ? ฉันละกลัวจริงๆ ว่าเขาจะลำบาก” นาหลันฮงวูบ่นกับตัวเองขณะตักบะหมี่เข้าปาก “โอ้ยนี่มันอร่อยกว่าอาหารที่ฉันกินมาเมื่อเช้าอีก!”
“อ๊ะ! น้ำมันติดเคราฉัน! ฉันไม่ควรรีบร้อน” นาหลันฮงวูหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อซับน้ำมันที่เปื้อน
เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ลูกค้าต่างเดินทางมาที่คาเฟ่แห่งนี้เพื่อดูละครราชวงศ์หยก
ซูเทียนจิเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อวานเธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่จากคำเล่าลือเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ทำให้วันนี้เธอจำเป็นต้องมาที่นี่แต่เช้าเพื่อมาดูให้แน่ว่ามันดีมากจริงหรือไม่
เช้านี้เธอรีบเดินทางมาคาเฟ่อย่างด่วนจี๋พร้อมกับสองสวยเฟงหัวและยูซิน
“วันนี้ร้านเปิดเร็วจัง”
“ท่าน! ท่านเพิ่มตอนละครราชวงศ์หยกแล้วหรือยัง?” เธอเดินบุ่มบ่ามเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์เพื่อทักถามฟางฉีด้วยแววตาอยากรู้
“เรียบร้อย” ฟางฉีเหลือบมองรอบร้าน เขาคิดว่าเวลานี้เจียงเสี่ยวหยูนั่นน่าจะเพิ่งตื่นเธอยังไม่ลงมาจากข้างบน เขาเองก็กำลังรอเพื่อจะดูตอนที่ห้าหกเช่นกัน
“เอ่อ ..” ซูเทียนจิหยุดชะงักเธอรู้สึกถึงกลิ่นหอมเตะจมูก “กลิ่นนี้มาจากไหน?”
นักรบส่วนมากมักจะกินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกาย ส่วนผู้ปลูกฝังมักจะกินน้อยเว้นแต่น้ำทิพย์หรือชาสมุนไพรทางจิตวิญญาณเพื่อแก้กระหายดังนั้นซูเทียนจิจึงมักไม่กินจุกจิกในระหว่างวัน
แน่นอน ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปมากหลังจากที่ได้ลองฮาเก้นดาสของฟางฉี
และตอนนี้ ..
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ฟางฉีตอบ “ท่านต้องการสักถ้วยมั้ย?”
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป?” เฟงหัวและยูซินที่ได้ยินทำตาโต “ท่านเราเอา!”
“เอาสาม!” ซูเทียนจิมองรอบๆ “คอมพิวเตอร์หมายเลขสาม” เธอบอกเพื่อให้นำไปเสิร์ฟ
“ท่านต้องทำเอง”
ซูเทียนจิทำหน้ามุ่ยโดยสงสัยว่าทำไมถึงไม่นำมาให้ทั้งๆ ที่เธอจ่ายเงิน!
“เฟงหัวและยูซินฉันฝากด้วย” เธอสองคนพยักหน้าพร้อมเดินไปจองคอมพิวเตอร์
“รับทราบท่านอาจารย์!” พวกเธอเดินไปใส่น้ำร้อนพร้อมเครื่องปรุงตามคำแนะนำของฟางฉี เวลาเดียวกันสาวกจากลำนักซียี่และเฉิงจิ้งพร้อมเยซงเต๋าจากกลุ่มโอเซียนคลาวเดินเข้ามา
พวกเขาทำท่าสูดกลิ่นพร้อมกัน
สามนาทีต่อมามือของพวกเขาเต็มไปด้วยถ้วยบะหมี่
เฟงหัวและยูซินเดินถือถ้วยบะหมี่มาด้วยรอยยิ้มพร้อมวางถ้วยลงบนโต๊ะ “ท่านอาจารย์ บะหมี่พร้อมแล้ว!” พวกเขาเริ่มซู้ดเข้าปากด้วยความอร่อย
ในขณะที่ซูเทียนจิกำลังซู้ดบะหมี่เธอก็พูดว่า “เร็วเข้าเปิดละครเร็ว ในที่สุดเซียวฟานก็ได้เข้าร่วมกลุ่มวันนี้” พูดไปเคี้ยวไป
“จริงๆ แล้วมีคนพาจางเซียวฟานมาใช่มั้ย?” ซู้ดดดด ..เสียงซู้ดปาก
“ใช่ ฉันว่านายคนนั้นดูโหดอ่ะ” จ้อบแจ้บ
“…”
“อ่า ฉันอิ่มละ”
“ทำไมเซียวฟานถึงได้เป็นตัวละครหลัก? ฉันคิดว่าจิงหยูเสียอีก”
“ทำไมตอนนี้มีแต่จขางเซียวฟานละ หลินจิงหยูผู้มีพรสวรรค์อยู่ที่ไหน”
ยิ่งพวกเขาดูละครมากเท่าไรนั่นยิ่งเพิ่มอยากรู้อยากเห็นมากเท่านั้น พวกเขากำลังสงสัยว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวละครหลัก จางเซียวฟาน? หรือหลินจิงหยู?
“ท่าน พวกเราขอโค้กสามขวด!” ซูเทียนจิยังไม่พอใจสั่งโค้กมาเพิ่มอีก
เวลานี้ฟางฉีได้เริ่มดูละครเช่นกัน เสี่ยวหยูเองก็ทำตามหน้าที่ในทุกวัน
หลังจากได้รับโค้กสามขวด พวกเขาดื่มและพูดคุยระหว่างดูละคร “อาจารย์ ข้าว่าพี่ชายและรุ่นน้องพวกเขาดูใจดี แต่นายอีกคนดูดุร้ายจัง” อึก .. เสียงกลืนโค้ก
“โอ้! ฉันสงสัยจังว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีก” อึก .. พวกเธอยังคงดื่มโค้กด้วยความติดลม
ซูเทียนจิที่กระดกโค้กพลางดูละครไปด้วย “เขาจะถ่ายทอดเทคนิคของกลุ่มเมฆเขียวแน่เลย” เบิ้กกกกก .. ซูเทียนจิเรอ – –
“…”
บทสนทนาเงียบลงทันที
เนื่องจากทุกคนกำลังกินบะหมี่ด้วยความอร่อย ในคาเฟ่จึงเปิดใช้งานโหมดการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง
ฟางฉีหันไปมองที่เธอ
นาหลันฮงวูก็เช่นกัน อันหูเว้ยและคนอื่นๆ ก็หันไปจ้องหน้าเธอ
ซูเทียนจิปิดปากด้วยความตกใจ ทุกสายตาที่จ้องมาราวกับว่าอยากจะเฉือดเฉือนเธอ
จากนั้นทุกคนหันกลับไปดูละครต่อ..
ทุกอย่างในร้านเงียบลง เงียบไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง
บนหน้าจอปรากฏฉากป่าไผ่ที่เงียบสงัด
“ฉากนี้เงียบมาก ฉันรู้สึกอยากกินอะไรบางอย่าง .. เอ่อวันนี้ฉันยังไม่ได้กินฮาเก้นดาส ..”
“กลิ่นหอมของน้ำนมที่เข้มข้น”
“ท่าน! ข้าขอฮาเก้นดาสสามถ้วย!”
พวกเขารับถ้วยมาตักมันเข้าปากด้วยความโหยของหวาน “อาจารย์! ข้าว่าลิงสีเทาตัวนี้น่ารักจัง”
“ไม่! ข้าว่ามีบางอย่างแปลกๆ”
เรื่องราวได้มาถึงส่วนที่ลูกปัดเลือดของปูชิที่มอบให้กับจางเซียวฟาน มันมีหน้าที่ดูดซับรวบรวมวิญญาณที่ชั่วร้าย นี่เป็นจุดสำคัญของชีวิตจางเซียวฟาน!
ซูเทียนจิที่กำลังตักฮาเก้นดาสเข้าปากทำท่าตกใจ “ทำไมหน้าจอถึงดับ?”
[หากท่านอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โปรดติดตามตอนต่อไป!]
“ตอนหกจบแล้ว!?”
“!!??”
ทำไมมันถึงชอบจบในช่วงสำคัญๆ เสมอ
“จะเกิดอะไรขึ้นกับจางเซียวฟาน? โอ้ยท่านต้องฉายส่วนนี้ให้จบสิ!”
นาหลันฮงวู, ซูเทียนจิและคนอื่นๆ ที่นั่งใกล้ฟางฉีหันหน้าไปมองเขา
ขณะเดียวกันตงชิงลี่, องค์หญิงและคนอื่นๆ พวกเขาลุกขึ้นยืนหันมามองที่เจ้าชของร้านด้วยสายตาอาฆาต
“เจ้าของ! ตอนที่เจ็ดและแปดอยู่ไหน?” ซูเทียนจิถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ได้มีสี่ตอนหรอกหรือ? ทำไมเราถึงได้ดูแค่สองตอนเท่านั้น!?” นาหลันฮงวูจ้องตาเขม็ง
“เรามีสี่ตอนแค่วันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นเราจะทำการเพิ่มแค่สองตอน” ฟางฉีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไรนะ!?” หนอนหนังสือตงชิงลี่ทำหน้ามุ่ย เธอตะโกน “นี่เราต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้อีกแล้วหรอ ถึงจะดูตอนที่เจ็ดและแปดได้!?”
ฟางฉีส่ายหัว
เมื่อเห็นฟางฉีส่ายหน้า พวกเขาเริ่มใจอ่อนสถานการณ์อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คาดไว้ก็ได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ละสายตาจากฟางฉี “ตอนที่เจ็ดและแปดจะเพิ่มในวันจันทร์หน้า!”