ตอนที่ 197 ตนเองโง่เกินไป (1)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

เขาวางกำไลแขนไว้ข้างๆ ใช้ปลายนิ้วเขี่ยช่องลับหยิบยาผงออกมาห่อหนึ่ง วางเตรียมไว้ข้างๆ จากนั้นก็สวมกำไลแขนกลับคืนไป

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ ตรวจอาการของชิวเยี่ยไป๋อย่างละเอียดและระมัดระวังอีกครั้ง ในที่สุดก็พบกระดุมลับของ ‘แถบผ้า’ ที่สีข้างใต้รักแร้ เขาเอื้อมมือคลำดูกระดุมลับ พบว่าเป็นกระดุมลับที่ทำพิเศษมาก แกะออกได้ยาก

 

 

เขาแปลกใจอยู่บ้าง บาดเจ็บแบบไหนหนอจึงต้องใช้แถบรัดรัดปากแผลไว้อย่างแน่นหนา

 

 

แต่การแกะกระดุมลับนี้สำหรับเขาแล้วก็ใช่ว่าจะยากจนเกินไป หลังลองอยู่เม็ดสองเม็ดแล้ว กระดุมลับที่เหลือก็ถูกเขาแกะออกหมดอย่างรวดเร็ว

 

 

หลัง ‘หยวนเจ๋อ’ ทดลองแกะกระดุมไปเม็ดสองเม็ดแล้ว กระดุมลับที่เหลือก็ถูกเขาแกะออกอย่างรวดเร็ว

 

 

เขาแกะพลางเตรียมตัวยา เตรียมว่าหลังแกะออกหมดแล้วจะได้ทายาให้บาดแผลของเสี่ยวไป๋

 

 

แต่หลังกระดุม ‘แถบรัด’ ที่อกของชิวเยี่ยไป๋ถูกแกะออกหมดแล้ว ดวงตาที่เย็นเยียบของหยวนเจ๋อก็ฉายแววสงสัย พอกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกเขาก็สะท้านและงงงัน

 

 

นี่คือ…

 

 

เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาในภาพที่เห็น แสงจันทร์มัวสลัวไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตาเขา ที่เขาเห็นอย่างชัดเจนในยามนี้มิใช่โครงสร้างร่างกายของบุรุษสักส่วนเดียว

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ หลับตาลง ปลายนิ้วลังเลครู่หนึ่งแล้วยื่นออกไปช้าๆ ราวกับจะทดสอบดูว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ แต่ค้างอยู่กลางอากาศเนิ่นนานมิได้แตะลงไป

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ที่สลบไสลกลับรู้สึกว่าหินก้อนใหญ่ที่ทับอกดูเหมือนถูกย้ายออกไป หายใจสะดวกขึ้นมาก เรื่องไม่คาดฝันอันอึดอัดและเจ็บปวดมานานพลันสลายไป

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ แลดูคนที่พิงหลับกับตักของตน เขาหลับตาคล้ายกำลังอดทนกับอะไรอยู่ พลันผลัก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ออกแล้วลุกขึ้น หันกายสะกิดปลายเท้าโผออกจากเรือไปยืนที่ริมฝั่ง

 

 

เขายืนที่ริมฝั่ง หันหลังให้เรือน้อยลำนั้น มองดูระลอกบนผิวน้ำเงียบๆ

 

 

ยามนี้เงียบสงัด ในอากาศหอมกรุ่นด้วยกลิ่นใบไม้ใบหญ้า ยังมีเสียงน้ำไหล จ๊อกแจ๊ก รื่นหู ทุกอย่างสงบถึงปานนี้

 

 

แต่จิตใจ ‘หยวนเจ๋อ’ ยามนี้สับสนอย่างยิ่ง หลังตกใจแล้วเป็นความโกรธเกรี้ยวที่ถูกหลอกลวง เป็นความเวิ้งว้างที่อธิบายไม่ได้ ยังมี…

 

 

อารมณ์พูดไม่ออกบอกไม่ถูกประเดประดัง

 

 

มิน่าเล่าเสี่ยวไป๋จึงไม่เคยยอมให้ใครรับใช้ โทษเขาไม่ได้ ไม่ ต่อหน้าเขานางตื่นตัวตลอด และแข็งขืนกับการสัมผัสกับเขาถึงเพียงนี้

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสี่ยวไป๋ผู้ดุร้ายเหมือนเสือดาวกลับเป็น…ตัวเมีย!

 

 

นางแสดงได้ดีเกินไปหรือตนเองโง่เกินไปกันแน่

 

 

ดวงตา ‘หยวนเจ๋อ’ ที่จ้องมองน้ำไหลฉายแวววิบวับ

 

 

ไม่ ต่อให้นางมีฝีมือการแสดงเลอเลิศเพียงใด วิชาแปลงโฉมสูงล้ำเพียงใด ครั้งแรกที่เขาประมือกับนาง เบาะแสและเค้าลางบางอย่าง วาจาที่ไม่ตรงกับใจ การปัดป้องเสแสร้งเหล่านั้น เมื่อเรียงร้อยเข้าด้วยกันก็แทบจะได้คำตอบอยู่แล้ว

 

 

นอกจากนิสัยแสนทระนงของนางแล้ว ยังมีสิ่งที่น่ากริ่งเกรงอีกมาก

 

 

แต่เขาไม่ปรารถนาจะให้ความสำคัญกับพิรุธเหล่านั้น เพราะเขากำลังหลอกทั้งตนเองและผู้อื่น ไม่อยากคิดว่านางอาจเป็นสตรีเท่านั้นเอง

 

 

นัยน์ตา ‘หยวนเจ๋อ’ วาบประกายเย็นเยียบ รอยยิ้มถากถางปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

 

นึกไม่ถึงว่าตนเองก็มีวันที่หลอกตนเองและหลอกผู้อื่นด้วย ทั้งหมดก็เพื่อเสี่ยวไป๋นี่เอง

 

 

คิดไม่ถึงว่าเพื่อสตรีคนหนึ่ง…คิดไม่ถึงว่าเพื่อสิ่งที่ตนเองรังเกียจที่สุด…ช่างน่าตายจริงๆ!

 

 

เขาก้มดูมือของตนเอง ดวงตาเจ้าเล่ห์ยามนี้ฉายแววโหดร้ายสามส่วน

 

 

ขณะ ‘หยวนเจ๋อ’ กำลังจมอยู่ในอารมณ์พิกลชิงชังตนเองอยู่นี้ จู่ๆ เรือน้อยทางด้านโน้นก็มีเสียงดังขึ้น

 

 

เขาตกใจ พลันนึกได้ว่าเรือลำนั้นมิใช่แข็งแรงนัก เดิมก็ผุพังอยู่แล้ว เกิดสมดุลไม่ดีอาจมีคนตกน้ำได้

 

 

หากเป็นชิวเยี่ยไป๋ยามปกติ เขามิจำเป็นต้องกังวลใดๆ แต่ชิวเยี่ยไป๋ในเวลานี้…

 

 

เขาสะกิดปลายเท้า เหินกายราวพญาปักษาลงเรือน้อยอีกครั้ง

 

 

คนที่เพิ่งถูกเขาผลักออกหยกๆ ยามนี้เอียงกายอยู่กับกราบเรือ ใบหน้างดงามเป็นหนึ่งไม่มีสองขาวซีดและอ่อนล้าเพราะจมน้ำยังไม่ได้สติ แต่ความขาวซีดอ่อนล้าเช่นนี้แม้จะทำให้ความสง่าของยามปกติลดทอนลง แต่กลับคล้ายมีความอ่อนแอน่าทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ลำคอระหง แขนเรียวยาวปานหยวกกล้วย ร่างกายบอบบางอ้อนแอ้น คงมีแต่คนตาบอดและคนโง่งมเท่านั้นที่ดูไม่ออกว่าเป็นรูปร่างของสตรี

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ บนที่สูงมองดูคนที่ทอดกายบนเรือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองจึงเป็นห่วงที่นางตกน้ำ และรีบช่วยทันทีโดยไม่ต้องคิด ใครก็ตามที่หลอกลวงตนบนโลกใบนี้ล้วนลงเอยไม่ดี และส่วนมากมีชีวิตอยู่ชนิดสู้ตายไปยังจะดีกว่า!

 

 

แต่นี่เสี่ยวไป๋กล้าหลอกลวงตนมานานขนาดนี้ ตายก็ตายไปสิ เขามิได้ทำให้นางตายคามือนี่นา แค่นี้ก็เป็นพระคุณใหญ่หลวงแล้ว

 

 

ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง เสื้อผ้าเดิมทีก็เปียกอยู่แล้ว ยามนี้เสื้อเปียกโชกถูกพัดจนเปิดโน่นเปิดนี่ทำเอาชิวเยี่ยไป๋สยิวกายอย่างหนาวเหน็บและตัวสั่นงันงก

 

 

เห็นคนที่ยังไม่ได้สติขดตัวสั่นเทา ตาดำของเขาฉายประกายวิบวับ ยองเข่าลงข้างเดียว ลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงวางมือบนหน้าผากของนาง

 

 

ความรู้สึกร้อนผ่าวที่มือบอกให้เขารู้ว่าหลังผ่านเหตุการณ์ใหญ่โตแล้วเจ้าตัวซวยถูกคนโยนลงในเรือโดยที่เสื้อผ้าปกปิดไม่มิด และไม่รู้ถูกลมเย็นไปมากน้อยเท่าใดจนตอนนี้เริ่มเป็นไข้แล้ว

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ รู้สึกถึงอุณหภูมิที่หน้าผากของนางอุ่นจัด จึงเอื้อมมือแตะใบหน้านาง รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เจือด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวกำลังคืบคลานไปตามผิวกายของตนเหมือนเถาวัลย์ แล้วไต่เข้าไปตามรูขุมขนเข้าสู่สายโลหิต

 

 

เขาหลับตาอย่างอดมิได้ พยายามจะไม่ตกสู่ความเย้ายวนนี้

 

 

แต่ในตัวของชิวเยี่ยไป๋หลอมรวมกับเลือดของชื่อเยี่ยน เดิมทีเขาก็ไม่อาจปฏิเสธอยู่แล้ว โดยเฉพาะบนตัวของชิวเยี่ยไป๋ยังมีสิ่งเย้ายวนใจมิใช่อย่างเดียว พอหลับตาลงฆานประสาทก็ยิ่งเฉียบไว กลิ่นเลือดผสมงูชื่อเยี่ยนบวกกับกลิ่นกายเฉพาะตัว กลิ่นที่ช่างคุ้นเคยและหอมหวนโชยใส่ใบหน้า

 

 

แข็งกร้าวและรุนแรง

 

 

ทำให้พริบตานั้นเขาหวนรำลึกถึงยามเมื่อพบกับชิวเยี่ยไป๋ครั้งแรก การประมือกับนางทุกครั้ง การสู้กันชนิดเอาเป็นเอาตาย ความชาญฉลาดเปี่ยมด้วยไหวพริบของนาง ความดุดันของนาง ความจนใจของนาง ความอึดอัดของนาง ความรังเกียจอย่างไม่ปิดบังและรอยยิ้มเสแสร้งของนาง…

 

 

ครั้งแรกที่จับเจ้าเสือดาวตัวน้อยได้ การโรมรันอันดุเดือดนั้น ความรู้สึกสาแก่ใจยามคมมีดเย็นยะเยือกเฉียดผ่านผิวกาย ความบ้าคลั่งและอำนาจดำฤษณาซึ่งถักทอจากหยดโลหิตและจิตสังหาร ทำให้เขารู้สึกถึงโลหิตที่ยังไหลเวียนในร่างกายได้เป็นครั้งแรก