ตอนที่ 198 ตนเองโง่เกินไป (2)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

อันตรายอันหอมหวานเป็นพิเศษ ทำให้เขาขนลุกตัวสั่น

 

 

ทนไม่ไหวกับความหอมหวนของกลิ่นอายที่นำไปสู่ภาพหลอน ‘หยวนเจ๋อ’ พลันลืมตา จ้องมองชิวเยี่ยไป๋ที่ยังไม่ได้สติพักใหญ่ ปลายนิ้วค่อยๆ ไล้ลงถึงคอหอยของนาง รับรู้ถึงการเต้นเบาๆ ของชีพจร

 

 

แววตาเขาหม่นลง ดวงตาพิกลปรากฏหมอกดำดุร้ายชั้นหนึ่งอย่างช้าๆ และนิ้วมือก็เกร็งเขม็ง

 

 

ทิ้งให้คนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของตนถึงเพียงนี้ดำรงอยู่ต่อไป สำหรับตนเองแล้วมิใช่เรื่องที่ดี เพราะอันตรายมากเกินไป

 

 

สตรีคือสิ่งที่เปี่ยมด้วยความทะเยอทะยานและเหี้ยมโหดอยู่แล้ว ก็เหมือนกับพวกสตรีที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตตน ทุกคนคลุมร่างด้วยความนุ่มนวลอ่อนแอ แต่กลับมีพฤติกรรมชวนอาเจียน!

 

 

ถ้ามิใช่อาเจ๋อติดตามนาง ตนอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางยังมีฐานะสูงส่งในยุทธจักรถึงเพียงนั้น

 

 

นางหลอกลวงเขามาตลอด!

 

 

นางไม่เคยคิดจะอยู่ข้างกายเขาอยู่แล้ว!

 

 

เขาอยากถามนาง…ถ้าข้ามิรู้อีกฐานะหนึ่งของเจ้า สักวันหนึ่งเจ้าจะจากไปอย่างมิลังเลแม้แต่น้อยหรือไม่ และจะกลับไปสู่ยุทธจักรของเจ้าที่ข้าเอื้อมไม่ถึงหรือไม่

 

 

เขาน่าจะฆ่านางเสีย!

 

 

ทว่า…

 

 

เห็นคนที่อยู่ในเงื้อมมือตนขมวดคิ้วอย่างทรมาน เขาพลันเหมือนได้ยินเสียงใครคนหนึ่งจู่ๆ ก็ดังขึ้นแผ่วเบาจากก้นบึ้ง ถอนหายใจอย่างเมตตาเสียงหนึ่ง…อาชู อย่า

 

 

พริบตานั้นเขาคลายมือกลับมา สูดหายใจลึก กำมือแน่นจนเส้นเลือดหลังมือเขียวปูด

 

 

เขาแลดูคนที่ไร้ความรู้สึกซึ่งเกือบถูกเขาบีบตายด้วยสีหน้าสับสน พลันเอื้อมมือกอดนางไว้ในอ้อมอก รุนแรงจนเหมือนแค้นนักที่มิอาจขยี้นางให้แหลกลาญในอ้อมกอด แล้วบีบนางเข้าไปในเลือดและกระดูกของตน

 

 

ดวงตา ‘หยวนเจ๋อ’ ปรากฏเปลวเพลิงสีดำกองหนึ่งกำลังโลดเต้น เนิ่นนาน เขาพลันหัวร่อเบาๆ

 

 

ใช่แล้ว อย่า…

 

 

เขาจะให้คนที่จับตัวได้แสนยากเย็นเช่นนี้ตายไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร และยังเป็นเสือดาวตัวน้อยที่งดงามดุร้ายที่ยังไม่ได้ฝึกให้เชื่องด้วย

 

 

เพื่อจะจับนาง ครั้งนั้นเขาจ่ายค่าตอบแทนด้วยเลือด

 

 

เสี่ยวไป๋เป็นบุรุษหรือสตรีมีอะไรต่างกันเล่า

 

 

เสี่ยวไป๋ก็คือเสี่ยวไป๋ ก็คือเสือดาวโฉมงามตัวน้อยที่ถูกเขาจับได้และคิดแต่จะวิ่งหนีเขาตลอดเวลา ใช้สติปัญญาทุกวิถีทาง เป็นเจ้าตัวน้อยที่ฝีมือเหี้ยมเกรียม

 

 

เขาไม่เคยรู้สึกว่าคนผู้นี้เหมือนสตรีแม้แต่น้อยนิด

 

 

ดังนั้น ต่อให้เขารังเกียจสตรีแทบตาย แต่เสี่ยวไป๋น่าจะไม่เหมือนกัน

 

 

เสี่ยวไป๋ของเขาคือเสี่ยวไป๋ที่เขาจับได้เอง ก็เท่านั้นเอง

 

 

บัดนี้เขารู้แล้วว่าทางถอยของนางอยู่ที่ใด เขาย่อมมีความอดทนพอและมีฝีมือในการวางแผนดักเหมือนตาข่ายฟ้า เพื่อให้เสี่ยวไป๋มิอาจหลุดจากใยแมงมุมในมือเขาได้

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ กลัดกลุ้มอยู่ค่อนคืน พลันรู้สึกโปร่งโล่งเหมือนฟ้าหลังฝน ดูเหมือนทุกอย่างจะมีคำตอบที่แน่ชัดที่สุดแล้ว จึงรู้สึกสบายใจทันที

 

 

แต่เมื่อเขาสบายแล้ว กลับพบว่าคนในอ้อมกอดเกือบถูกเขารัดจนอึดอัดตาย ยังไม่ต้องพูดถึงการฟื้นคืนสติ ยามนี้แม้แต่สลบอยู่ก็ยังไม่อาจได้รับความสงบ ถึงกับดึงชายเสื้อของตนสะอึกสะอื้นเบาๆ

 

 

เสียงสะอื้นเบาบางเหมือนแมวเหมียวที่คับข้อง ทำให้เขาคลายวงแขนเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ แม้เขาจะชอบไออุ่นจากตัวนางที่ไข้รุมเร้าก็ตาม แต่ก็รู้ดีว่าจะปล่อยให้อาการป่วยนี้ยืดเยื้อต่อไปมิได้

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ เหลือบมองสายน้ำแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างรังเกียจจากนั้นยังคงเด็ดใบหญ้าน้ำข้างเรือหลายใบ รวบรวมหยาดน้ำค้างบนใบ ก้มหน้าค้นหายาสมานแผลห่อนั้นและเทครึ่งหนึ่งลงบนน้ำค้าง แล้วป้อนเข้าปากชิวเยี่ยไป๋ช้าๆ

 

 

ปลายนิ้วของเขาสะกิดเบาๆ ที่ลำคอของนาง หลังนางกลืนลงแล้วเขาก็บรรจงเช็ดยาที่เปื้อนมุมปากอย่างเบามือ

 

 

ที่เขาพกติดตัวล้วนเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บชั้นยอด นอกจากรักษาแผลภายนอกแล้ว ยังมีผลดีต่อการรักษาอาการบอบช้ำภายในด้วย หลังป้อนยาเสร็จ เขาจึงเร่งพลังภายในให้เสื้อผ้าของตนเองและของนางระเหยแห้งไป

 

 

และแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลังชิวเยี่ยไป๋เหงื่อออกเต็มตัวแล้วไข้ก็ลดลง เดิมทีสภาพร่างกายของนางดีมากอยู่แล้ว ดังนั้นลมหายใจจึงเป็นปกติอย่างรวดเร็ว บวกกับเสื้อผ้าถูก ‘หยวนเจ๋อ’ ใช้กำลังภายในระเหยจนแห้ง จึงกลายเป็นสภาพกึ่งหมดสติกึ่งนอนหลับ

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ ตรวจชีพจรนาง แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรแล้วจึงเกยคางกับศีรษะนางอย่างเกียจคร้าน ลูบแขนเรียวงามของนางเล่นเพราะไม่รู้จะทำอะไร สายตาสัมผัสกับความขาวผ่องอย่างไม่ตั้งใจ เขาจึงพบว่ายังมิได้รัดสายรัดเอวของนางให้เรียบร้อย

 

 

เขาอดตัวแข็งวูบหนึ่งมิได้ ขมวดคิ้วแล้วเบือนสายตาอย่างรังเกียจ

 

 

เขารังเกียจสตรีมานานปี ย่อมเปลี่ยนความรู้สึกในเวลาอันสั้นมิได้ ดังนั้นจึงไม่ชอบเห็นเสี่ยวไป๋ที่มีจุดเด่นสรีระของสตรี

 

 

แต่ในเมื่อคนที่เขาอยากได้คือเสี่ยวไป๋ ถ้าเช่นนั้นไม่ว่าร่างกายของเสี่ยวไป๋จะเป็นอย่างไร ต่อให้น่าเกลียดเขาก็ควรพยายามยอมรับจึงจะถูกต้อง ไม่เช่นนั้นภายภาคหน้าจะร่วมเรียงเคียงหมอนกันอย่างไร คงมิอาจให้นางตัดส่วนที่สตรีควรมีทิ้งไปกระมัง นางย่อมไม่ยินยอมแน่

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วหรี่ตาลงอย่างหนักอึ้ง ในใจสับสนและกลัดกลุ้ม!

 

 

ถ้าชิวเยี่ยไป๋รู้ว่าร่างกายของตนถึงกับถูกใครคนหนึ่งที่จิตวิปริตรังเกียจขนาดนี้ แถมยังคิดจะผ่าตัดนางด้วย คงกระอักโลหิตสามถัง!

 

 

แต่ยามนี้นางยังคงหลับอุตุอยู่ในอ้อมกอดของคนจิตวิปริตที่นางเคยแค้นจนอยากขุดหลุมฝังมันให้สิ้นซาก หลังผ่านการต่อสู้ที่ยากเย็นและยาวนาน จิตใต้สำนึกทำให้ร่างกายของนางจมอยู่กับการหลับลึก เพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับ

 

 

‘หยวนเจ๋อ’ ลังเลครู่หนึ่ง คิดว่าต่อให้ขยะแขยงเพียงใดเขายังคงต้องยอมรับ ถ้าเช่นนั้นคงต้องเริ่มทดสอบความอดทนของตนจากจุดที่รังเกียจที่สุด

 

 

ที่ผ่านมาสตรีที่บังอาจสัมผัสตัวเขาสถานเบาคือตัดมือ สถานหนักคือเสียชีวิต แต่บัดนี้เรื่องที่เขาจะทำกลับเป็นเรื่องที่เขายากจะยอมรับ

 

 

เขาลังเลครู่หนึ่ง ปลายนิ้วแหวกอกเสื้อของคนในอ้อมกอด

 

 

เนิ่นนานต่อมา เขาดึงมือกลับด้วยสีหน้าสับสน สายตามองผ่านชายเสื้อด้านล่างของนาง ลังเลเนิ่นนาน ตัดสินใจว่าจะทดสอบตนเองให้ถึงที่สุด

 

 

จากนั้นเขาล้วงไปที่ชายเสื้ออีกครั้งด้วยสีหน้าเฉยเมย แต่หลังการทดสอบนี้ดำเนินไป ก็ทำให้เขามิอาจรักษาสีหน้าที่สงบต่อไปได้อีก ครู่เดียวก็เปลี่ยนจากตระหนกเป็นพิกล แล้วเปลี่ยนเป็นสับสน สีเขียวสีขาวสลับกัน จากนั้นแววตาเคลิบเคลิ้มเหมือนจิตใจล่องลอย

 

 

มิทราบผ่านไปนานเท่าใด จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างในอ้อมกอดขยับตัว เขาจึงตกใจตื่นจากภวังค์ที่ตัวแข็งมาตลอด และแล้วจึงพบว่าดูเหมือนคนในอ้อมอกจะถูกเขากระทำจนรู้สึกไม่สบาย เขาจึงดึงมือกลับจากการสำรวจ

 

 

ดูเหมือนชิวเยี่ยไป๋จะสบายขึ้นแล้ว และซุกตัวหลับต่อในอ้อมแขนของเขา

 

 

เขาจมอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นมองดูประกายของหยาดหยดที่ปลายนิ้ว ครู่หนึ่งจึงดมดูปลายนิ้วนั้น ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมประหลาด