คนอื่นจะได้ไม่สงสัย
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เยี่ยนหยางผ่านไปแล้ว ใกล้จะได้กลับเมืองหลวงแล้ว เหตุการณ์อันน่าหวาดผวาที่เผชิญมาหลายวันยังทนมาได้ อยู่ห้องคนใช้นอนเบียดกันหน่อยจะทนไม่ได้เลยหรือ
ซือเหยาอันคิดตาม มันก็จริง ก่อนจากไป เขาสั่งคนนำสิ่งของเพิ่มความอบอุ่นมาให้นางแบบลับๆ
คืนนั้น บ่าวใช้หลายคนเห็นแม่นางชิ่งเอ๋อร์กลับมาแล้ว ทุกคนถึงกับนอนไม่หลับ ต่างสวมเสื้อคลุมและเข้ามาล้อมนาง
ไม่คิดเลยว่านางจะมีชีวิตรอดกลับมา ทุกคนต่างชื่นชมกันใหญ่ บวกกับสิ่งที่รู้มาก่อนหน้านี้ว่านางเป็นคนล่อศัตรูออกจากถ้ำ เป็นถึงผู้ทำความดี พวกนั้นยิ่งนับถือนางมากขึ้นไปอีก เดี๋ยวถามไถ่ทุกข์สุข เดี๋ยวรินชาร้อนกับน้ำร้อนให้ ดูแลเอาใจใส่นางประดุจเจ้านาย
หลังจากที่อวิ๋นหว่านชิ่นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและเติมแต่งใบหน้ากลับมา ก็ถูกสาวใช้กลุ่มนั้นล้อมอีกครั้ง เพราะอยากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนภูเขา
เมื่อเป็นเช่นนั้น พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ข้างนอกหน้าต่าง ความมืดถูกความสว่างทลาย เป็นเช้าวันใหม่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงสิ้นสุดลงแล้ว แต่อวิ๋นหว่านชิ่นนึกถึงหลี่ว์ปาทีไรรู้สึกแน่นอกทุกที นางไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ยิ่งคิดถึงคำพูดก่อนตายที่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังผู้ตรวจราชการเหลียงคือใครแล้ว นางก็ยิ่งนอนไม่หลับ
ฟ้าสว่างมากขึ้น เสียงประตูห้องดังเอี๊ยดอ๊าด ป้าอู๋ผลักประตูเข้ามานั่นเอง มีคนตัวเล็กเดินตามหลังมาด้วย ใบหน้าซีดขาว ตาบวมราวกับกระเพาะปลา คล้ายว่าร้องไห้มาก่อน หลี่ว์ชีเอ๋อร์นี่เอง
แว้บแรกที่อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นนาง สีหน้าไม่ได้ดีนัก ถ้าไม่ใช่เพราะนางแจ้งเบาะแส คิดอยากสร้างผลงานด้วยการพาคนไปจับพี่ชาย หลี่ว์ปาก็ไม่ต้องมาเจอจุดจบของชีวิตเช่นนี้ แต่พอนึกถึงสิ่งที่หลี่ว์ปาพูดไว้ ถึงนางจะโกรธแค่ไหน ก็ไม่สามารถระบายออกไปได้ นางจึงทำได้เพียงหันหน้าไปอีกทาง เพราะไม่อยากมองหน้านางเลยสักนิด จากนั้นก็ได้ยินแต่เสียงของป้าอู๋กล่าวว่า “ทหารที่จับโจรเมื่อคืนเริ่มกลับมากันแล้ว ตอนนี้คนรับใช้ไม่พอ พวกเจ้ารีบเตรียมตัว ไปช่วยกันก่อไฟทำอาหารเช้าให้กับทหารซะ มีทหารบางคนพลาดเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้าก็ต้องช่วยหมอทหารทำความสะอาดบาดแผล วันนี้มีเรื่องให้ทำมากมาย เอาล่ะ รีบไปเตรียมตัวกันได้แล้ว!”
บ่าวใช้ต่างขานรับคำสั่ง ทุกคนเริ่มใส่เสื้อผ้า สวมรองเท้า และพากันออกไปทีละคนสองคน ป้าอู๋เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นเตรียมตัวจะออกไป นางเข้าไปขวางเอาไว้ “ชิ่งเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องไปก็ได้”
อวิ๋นหว่านชิ่นกำลังจัดกระโปรง นางเงยหน้าขึ้นมองป้าอู๋
ป้าอู๋อธิบายว่า “ใต้เท้าซือสั่งให้คนไปบอกข้าแล้ว ต่อแต่นี้ไปเจ้าคอยรับใช้ห้องท่านอ๋องก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องทำ” เมื่อหลายวันก่อน แม่นางชิ่งเอ๋อร์ก็อยู่รับใช้ห้องเจ้านาย แต่เรื่องอื่นๆ ก็มีทำบ้าง คงเป็นเพราะได้สร้างผลงานไว้ในการจับโจรครั้งนี้ ท่านอ๋องก็เลยให้ความสำคัญ
อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้า “เจ้าค่ะ อู๋มามา” พอพูดจบ นางจึงออกจากห้องไป
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังป้าอู๋ ได้ยินสิ่งที่ป้าอู๋สั่งอวิ๋นหว่านชิ่นก็รู้สึกตงิดใจและจ้องแผ่นหลังของนางเอาไว้ ความโศกเศร้าเสียใจที่พี่ชายต้องจบชีวิตลงพร้อมกับโจรป่าเริ่มทุเลาลงแล้ว ในสายตาของนางตอนนี้มีความสับสนวุ่นวายปะปนอยู่ เมื่อก่อนนางเป็นที่ชื่นชอบอย่างไรคงไม่ต้องพูดถึงอีก แต่เมื่อคืนนางเห็นกับตาว่าฉินอ๋องขึ้นไปเจรจากับโจรป่าเสร็จ ก็ยังไม่ลืมที่จะช่วยนางกลับมาด้วย
นางชิ่งเอ๋อร์คนนี้ มีดีตรงไหนกัน ก็แค่ช่วยคิดแผนการในเหตุการณ์เยี่ยนหยางครั้งนี้ ถึงกับได้รับการดูแลจากฉินอ๋องถึงเพียงนี้เชียวรึ
“อู๋มามา” หลี่ว์ชีเอ๋อร์เรียก เสียงแหบที่เกิดจากการร้องไห้ยังไม่หายดี นางแสร้งถามอย่างไม่ตั้งใจ “แม่นางชิ่งเอ๋อร์จะกลับเมืองหลวงพร้อมกับท่านอ๋องหรือไม่”
ป้าอู๋จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่านางผู้นี้คิดอะไรอยู่ “ก็ใช่น่ะสิ ใต้เท้าซือบอกแล้วว่าจะพาชิ่งเอ๋อร์กลับเมืองหลวงด้วย เด็กนี่ทำผลงานเอาไว้ หลอกล่อกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองกับโจรป่าออกมาได้ ทำให้ความวุ่นวายในเยี่ยนหยางสงบลงได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลงานไว้ดีเยี่ยม คนแบบนางหากอยู่ในเมืองเล็กๆ แบบนี้ น่าเสียดายแย่ แม้จะเกิดเป็นหญิง แต่หากได้ไปเมืองหลวง อนาคตดีกว่าที่นี่แน่นอน ท่านอ๋องก็คงมีแผนสำหรับนางเอาไว้แล้วล่ะ ถ้าไปถึงเมืองหลวง ได้เข้ารับใช้ในจวนอ๋อง ก็คงพลิกหลังมือเป็นหน้ามือเชียวล่ะ แต่ถึงไม่ได้เข้าจวนอ๋อง ท่านอ๋องก็คงส่งนางเข้าไปเป็นบ่าวใช้ในตระกูลขุนนางใหญ่ ก็ยังดีกว่าเยี่ยนหยางอยู่ดี” นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วนางก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงดูถูก “ข้ารู้ เจ้าก็มีผลงานเหมือนกัน เพราะเจ้าแจ้งเบาะแสให้กับผู้ตรวจราชการเหลียง พาทหารขึ้นไป จนจับพี่ชายของเจ้าไว้ได้ แถมยังช่วยทหารที่อยู่ด้านล่างเกลี้ยกล่อมพี่ชายของเจ้า ทำให้จิตใจของพี่ชายเจ้าว้าวุ่น…ทำไม เจ้าก็อยากไปเมืองหลวงด้วยรึ” ได้ข่าวว่าหลี่ว์ปาเป็นคนเลี้ยงหลี่ชีเอ๋อร์จนเติบใหญ่ด้วย แต่สิ่งที่ป้าอู๋กล่าวนั้นอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรม ถ้าเรื่องนี้เกิดกับขึ้นกับตน นางคงไม่สามารถตัดขาดกับญาติเพื่อผดุงความยุติธรรมแบบนี้ได้แน่ๆ หญิงสาวที่งดงามเหมือนดอกไม้ กลับตัดหนทางรอดของพี่ชายด้วยน้ำมือของตัวเอง ช่างน่าสะเทือนใจยิ่งนัก อายุน้อยๆ แต่มีความคิดที่โหดร้ายถึงเพียงนี้
หลี่ว์ชีเอ๋อร์พอฟังออกว่าป้าอู๋หมายความว่าอย่างไร แม้จะพูดว่าตนก็มีผลงาน แต่น้ำเสียงนั้นเป็นน้ำเสียงที่ดูถูกและเหยียดหยาม นางโกรธจนหน้าแดง แต่ก็แสร้งตอบกลับอย่างซื่อๆ ว่า “อืม ข้า…ก็อยากไปเมืองหลวงเหมือนแม่นางชิ่งเอ๋อร์ อู๋มามาพอจะช่วยบอกใต้เท้าซือให้ข้าทีได้หรือไม่”
ป้าอู๋ยิ้มและส่ายหัว “ท่าทางของเจ้าดูอ่อนแอ เป็นหญิงงามตัวเล็กตัวน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าความคิดของเจ้าจะมากถึงเพียงนี้ ที่แม่นางชิ่งเอ๋อร์สามารถเป็นนกกระจอกที่บินขึ้นไปบนกิ่งไม้ได้ นั่นก็เพราะใต้เท้าซือสั่งเอาไว้ ซึ่งก็คือคำสั่งของฉินอ๋อง ส่วนเจ้าน่ะหรือ ใต้เท้าซือไม่ได้เอ่ยถึง ก็หมายความว่าท่านอ๋องก็ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น เจ้าจะให้ข้าไปพูดอย่างไรกันเล่า ข้าก็แค่แม่บ้านคนหนึ่งในพระราชนิเวศน์นี้เท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ทำความดีหรือคนสนิทของท่านอ๋องเสียหน่อย!”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์คิดตาม ผู้ทำความดีหรือคนสนิทของท่านอ๋อง ถ้าอย่างนั้น ในสายตาของท่านอ๋อง แม่นางชิ่งเอ๋อร์ก็เป็นผู้ทำความดีสินะ
พอคิดถึงตรงนี้ หลี่ว์ชีเอ๋อร์ขานตอบไปสองคำ และไม่พูดอะไรอีก
ส่วนตรงนั้น อวิ๋นหว่านชิ่นเข้าไปต้มน้ำอยู่ในครัว กำใบชาขึ้นมาและใส่ลงไป พอต้มเสร็จ นางหยิบถาดน้ำชาและเดินไปยังห้องโถงเอก
เพิ่งก้าวเท้าเข้าไป ประตูด้านในห้องโถงปิดไม่สนิท นายทหารเฝ้าประตูสองคนบอกว่า ด้านในกำลังหารือกันอยู่ เหตุการณ์เยี่ยนหยางเพิ่งจะสงบ ยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ นอกจากท่านอ๋องแล้ว ยังมีท่านแม่ทัพเฉินกับผู้ตรวจราชการเหลียง ที่กลับมาถึงค่ายบัญชาการตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้พัก
เวลาหารืองานการทางทหาร บ่าวใช้ระดับล่างไม่สะดวกที่จะเข้าไปรบกวน อวิ๋นหว่านชิ่นจึงวางถาดน้ำชาไว้ที่เก้าอี้เรียงยาวตรงทางเดิน เฝ้าคอยด้านในเลิกประชุมหารือ
ระหว่างที่รอ อวิ๋นหว่านชิ่นไม่ได้ทำตัวว่าง นางเดินเข้าไปใกล้ทหารเฝ้าประตูและสอบถามว่า “พี่องครักษ์ โจรที่อยู่บนเขาเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง”
องครักษ์ตอบว่า “ตายไป 69 ศพ น่าจะมีอีก 34 คนที่หาศพไม่เจอ คงรอดชีวิตจากระเบิดหนีไปได้แล้วมั้ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ทหารแยกศพของหัวหน้ากลุ่มโพกผ้าเหลืองกับโจรป่าออกมา รายงานให้กับทางการ หลังจากตรวจสอบตัวตนเสร็จ ก็ทำการฝังศพไว้ที่สุสานใกล้ๆ แถวนั้น”
อวิ๋นหว่านชิ่นทำใจให้สงบไม่ได้เลย นางขมวดคิ้ว หน้าสั่นเล็กน้อยและถอนหายใจ และตอนนั้น ประตูด้านในก็เปิดออก คล้ายว่าหารือกันเสร็จแล้ว ผู้ตรวจราชการเหลียงเดินออกมาก่อนคนแรก ตาขวาของเขาเป็นสีเขียวช้ำ มือหนึ่งข้างปิดหน้าที่บวมเอาไว้ ส่วนอีกข้างนึงดันเอวเอาไว้ หน้าทั้งใบมีสีหน้าคล้ายคนไม่ได้ถ่ายมาเจ็ดแปดวัน และยังส่งเสียงเจ็บปวดซี๊ดๆ เวลาเดินก็เดินโซซัดโซเซเหมือนคนที่หาทิศทางไม่เจอ กว่าจะหาทางเจอ ก็ปาไปครึ่งค่อนวัน