“พวกเจ้ากำลังส่งเสียงดังอะไรกัน?”

ในตอนนี้มีเสียงของชายหนุ่มที่ได้ดังขึ้นมา

ระยะที่ห่างออกไปมีผู้คน2-3คนเดินเข้ามา ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมใส่ชุดคลุมที่หรูหรา มีท่าทางที่ยโสโอหังอย่างมาก ร่างกายมีออร่าของความหรูหราและความเป็นขุนนางแผ่ออกมา ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งอย่างมาก

ทว่าข้างกายของชายหนุ่มก็มีชายชราสองคนที่ได้ติดตามมาเช่นกัน เดินเหมือนมังกรก้าวเหมือนเสือ มีออร่าที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เหมือนกับเป็นภูเขาที่สูงตระหง่าน ทั้งสองนั้นเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้น มีพลังอำนาจที่เทียบเท่าได้กับถันป๋อ

เห็นทั้งสามคนที่เดินเข้ามา ถันป๋อก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและรีบก้าวออกไปอย่างเร่งรีบ “นายน้อยฉาง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเอง ขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเอง”

เขาจำจดชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมที่หรูหราคนนี้ได้อย่างกะทันหัน ซึ่งก็คือฉางฉือลูกชายลำดับที่สามของจ้าวสำนักวิญญาณ ส่วนชายชราทั้งสองคนนั้นเป็นมือขวาและมือซ้ายของฉางฉือ มีสถานะเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณและยังมีสถานะที่สูงกว่าเขา

เพราะว่าถึงอย่างไร ในบรรดาผู้อาวุโสจำนวนมากของสำนักวิญญาณนั้น ตำแหน่งของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีระดับชั้นต่างๆที่หลากหลายเช่นกัน

อย่าพูดถึงว่านี่คือลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ เทียบเท่าได้กับเจ้าชายสืบทอดบัลลังก์ของอาณาจักร มีที่ไหนที่จะกล้าแสดงความยโสโอหังออกมาต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม

“ครั้งนี้ที่ข้าได้เดินทางมาที่นี่นั้น เป้าหมายก็เพื่อตามหาฆาตกรที่ได้สังหารพี่ชายของข้า ซึ่งฆาตกรนั้นมีนามว่าอู๋ไท่โต่ว” จิตสังหารของฉางฉือเดือดดาลออกมา “เจ้าฆาตกรนั่นยโสโอหังอย่างมาก หลังจากที่ได้สังหารพี่ชายของข้านั้น ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทิ้งชื่อของตนเองไว้ ทำให้ท่านพ่อเดือดระอุอย่างมาก สาบานว่าจะจับตัวเจ้าฆาตกรนั่นให้ได้และฉีกร่างกายให้เป็นพันๆชิ้น”

“ใช่สิ เจ้ามีเบาะแสอะไรหรือไม่ มีข้อมูลอะไรที่สามารถช่วยให้ข้าตามหาเจ้าฆาตกรนั่นหรือไม่?”

เขามองไปที่ถันป๋อ

“ข้าก็เพิ่งมาถึงที่เมืองฮวายหนิงแห่งนี้ ไม่ได้มีเบาะแสใดๆเลย” ในความจริง สาเหตุที่ถันป๋อเดินทางมาที่เมืองฮวายหนิงนั้นก็เพื่อติดตามเรื่องนี้เช่นกัน

ตอนนี้จ้าวสำนักวิญญาณฉางซื่อเซิงได้ถ่ายทอดคำสั่งออกมา ทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณสั่นสะเทือน พวกเขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสนั้นก็ถูกส่งออกไปทั่วทั่งทวีปเพื่อตามหาตัวเจ้าฆาตกรอู๋ไท่โต่ว

“การที่เจ้าจะไม่ล่วงรู้ถึงเบาะแสอะไรเลยนั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่ปกติ”

ฉางฉือไม่ได้สนใจ อย่างรวดเร็วความสนใจของเขาก็ได้มุ่งตรงไปยังเซี่ยปิงและหลิวหยูหลาน โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นหลิวหยูหลาน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าหลิวหยูหลานนั้นก็กำลังปลอมตัว ปกปิดใบหน้าที่งดงามของตนเองไว้ ทว่าด้วยรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ดึงดูดของเธอนั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายที่ได้พบเห็นเกิดอาการหวั่นไหว

“จั่วฮาว ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”

ฉางฉือถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเป็นคำสั่ง ถามเซี่ยปิง ดูเหมือนเป็นการที่เจ้านายถามลูกน้องก็ว่าได้

“ผู้หญิงของข้า”

เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย อีกทั้งยังยื่นแขนออกไปโอบเอวของหลิวหยูหลานและกอดร่างกายของเธอไว้อย่างแน่น ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามของหลิวหยูหลานก็แดงขึ้นมา ทว่ากลับไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย ราวกับว่าร่างกายอ่อนแรงเมื่อถูกเขาสัมผัสก็ว่าได้

“ดี หลังจากนี้นำตัวเธอมาที่ห้องของข้า ข้าจะพูดถึงความดีความชอบของเจ้าให้พ่อของข้าได้ฟัง” ฉางฉือพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่าต้องการตัวหลิวหยูหลานมาจากเซี่ยปิง

นี่สำหรับเขานั้น เป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก ในฐานะลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณนั้น สถานะของเขาสูงส่ง เป็นเหมือนกับเจ้าชายสืบทอดบัลลังก์ก็ว่าได้ การที่เดินทางออกไปที่เมืองขนาดใหญ่ต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น เป็นเหมือนกับที่เจ้าชายของทวีปออกเยี่ยมชมสภาพบ้านเมืองก็ว่าได้

ไม่ว่าจะเดินทางไปที่เมืองขนาดใหญ่ใดๆ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้หรือว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้นจะต้องเข้ามาประจบประแจงเขา ตราบใดที่เขามีความสนใจในเรื่องอะไร ก็พร้อมที่จะมอบให้ทุกอย่าง

อีกทั้งตราบใดที่เขามีความสนใจในสิ่งใดนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดไร้สาระอะไรมาก เพียงแค่มอบให้โดยตรง ต่อให้จะต้องมอบลูกสาวหรือว่าภรรยาของตนเองไปดูแลปรนนิบัติเขานั้น ก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้

ตราบใดที่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ บางทีก็อาจจะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลมาในทันที

ในความเป็นจริงพ่อของเขาฉางซื่อเซิงก็เป็นเช่นเดียวกัน ในฐานะจ้าวสำนักวิญญาณ มักที่จะออกเยี่ยมชนสภาพบ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทุกๆครั้งก็ใช้อำนาจของตนเองอย่างอิสระ ไม่รู้ว่ามีลูกติดอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณจำนวนมากแค่ไหน

ได้ยินคำเหล่านี้ หลิวหยูหลานก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยว เพราะเธอก็ล่วงรู้ว่าภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ผู้หญิงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เป็นเหมือนกับยุคศักดินาก็ว่าได้ ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ

โดยเฉพาะเมื่อบุคคลที่มีอิทธิพลเกิดสนใจในตัวของผู้หญิงที่งดงามบางคนนั้น ต่อให้จะฉุดไปกลางถนน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด ใครที่กล้าต่อต้าน จะต้องถูกสังหารในทันที

“นำตัวเธอไปที่ห้องของเจ้า?”

เซี่ยปิงมองฉางฉือด้วยสีหน้าที่เหมือนกับกำลังมองคนโง่เขลา “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ช่างไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว คิดว่าการที่เป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณนั้นจะสิทธิพิเศษมากนักหรือ?!”

“ปกติแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านั้นเพราะเห็นแก่หน้าของพ่อเจ้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าตนเองมีความสามารถให้คนอื่นๆเคารพได้ เชื่อเถอะว่าข้าจะหักขาเจ้าต่อหน้าทุกๆคน วันนี้เจ้าจะได้กลับไปในสภาพที่พิการ”

อะไรนะ?!

ไม่ใช่แค่ถันป๋อ ทว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงต่างก็ช็อกไปตามๆกัน ตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาไม่คาดคิดว่าจั่วฮาวจะกล้าพูดคำเหล่านี้ออกมา เผชิญหน้ากับลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณโดยตรง อีกทั้งยังแสดงท่าทางที่เกลียดชังออกมาซึ่งๆหน้า ไม่มีการเคารพนับถือแม้แต่น้อย

เจ้านี่ไม่เกรงกลัวว่านี่จะทำให้จ้าวสำนักวิญญาณฉางซื่อเซิงเดือดระอุหรือ?!

ถันป๋อตกตะลึงอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าจั่วฮาวมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ดูก้าวร้าวขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะยโสโอหังจนถึงขั้นนี้ แม้แต่ลูกชายของจ้าวสำนักก็กล้าที่จะดูหมิ่น

“จั่วฮาว เจ้านี่ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าดูหมิ่นแม้กระทั่งนายน้อยฉาง ล่วงรู้หรือไม่ว่าตนเองอยู่ในสถานะใด?!” ชายชราระเบิดอารมณ์ออกมา จ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่โมโห เหมือนกับว่าไม่สามารถที่จะยับยั้งอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป

ฉางฉือก็มีสีหน้าที่มืดมนอย่างถึงที่สุด มืดมนเหมือนกับถ่าน

การที่เขาได้ออกเยี่ยมชมสภาพบ้านเมืองเป็นระยะเวลานานนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยที่ไม่ไว้หน้าตนเองเช่นนี้ ช่างเป็นการตบใบหน้าของเขาซึ่งๆหน้า

เพียงแค่เรียกร้องผู้หญิงของเจ้านี่ ไม่คาดคิดว่าจะแสดงความยโสโอหังออกมาเช่นนี้ ช่างไม่สมเหตุสมผลจริงๆ

“สถานะใดหรือ?”

เซี่ยปิงแสยะออกมา “เจ้าเด็กนี่เป็นเพียงแค่ลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณเพียงเท่านั้น ลูกชายของจ้าวสำนักนั้นไม่รู้ว่ามีเป็นจำนวนมากแค่ไหน เขาฉางฉือนั้นไม่ได้มีสถานะที่ใหญ่โตอะไร ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งกับข้าเช่นนี้”

“ตอนนี้รีบไสหัวออกไปจากสำนักวิญญาณสาขาย่อยของข้าซะ ไม่อย่างนั้นอย่าให้ว่าข้าไม่เตือน”

เขาได้ขับไล่แขกออกไปทันที

ถันป๋อและคนอื่นๆก็สะดุ้งตกใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่วงรู้ถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทว่าก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ คำพูดเหล่านี้ ช่างเป็นการตบใบหน้าของฉางฉืออย่างแท้จริง ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย

“เจ้าบัดซบนี่”

ฉางฉือคลุ้มคลั่งออกมาอย่างแท้จริง โมโหจนปอดเกือบที่จะระเบิดออกมา “จั่วฮาว เจ้าบัดซบ ไอ้ลูกหมาที่พึ่งพาความอาวุโสของตนเอง เมื่อเสือไม่แสดงพลังบารมีออกมา คนอื่นๆก็จะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่แมวป่วย”

“ไม่คาดคิดว่าจะกล้าขับไล่ข้าออกไปเช่นนี้? พวกเจ้าจัดการกับไอแก่นี้ซะ ทำให้เขารู้ว่าการที่สุภาพบุรุษโมโหขึ้นมานั้นจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร”

“การที่ทำงานเป็นสุนัขรับใช้มานาน ไม่คาดคิดว่าจะกล้าลุกขึ้นต่อต้านเจ้านายเช่นนี้ นี่เป็นการกระทำที่ขัดบัญชาสวรรค์!”

คำพูดเหล่านี้ของเซี่ยปิงนั้นได้จี้ปมของเขาอย่างแท้จริง โมโหจนกัดฟันอย่างแน่น เป็นจริงอย่างที่ว่า เขานั้นไม่ใช่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจ้าวสำนัก อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้กลายเป็นจ้าวสำนักคนต่อไปเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาลูกชายจำนวนมากนั้น เขาก็ยังถือว่าเป็นลูกชายที่น่าผิดหวัง ไม่เคยมีผลงานเหมือนกับคนอื่นๆ

ทว่าไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ ยังคงมีสถานะดั่งเจ้าชายของทวีปแห่งนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะอดทนอดกลั้นกับการดูหมิ่นเช่นนี้ นี่มันช่างเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง!

เขาได้สั่งการให้ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณสองคนเริ่มลงมือในทันที ทำให้เขาพิการอย่างสมบูรณ์

“รับทราบ นายน้อยฉาง!”

ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณทั้งสองคนได้มองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที