ตอนที่ 1347 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (1)
ประตูหินขนาดมหึมาไม่ได้ปิดสนิท มีช่องว่างเล็กๆอยู่ ช่องว่างนั้นเล็กมาก กว้างประมาณ 2 นิ้วเท่านั้น ไม่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ แต่ที่ด้านล่างประตูหิน มีรอยขูดจางๆให้เห็น รอยพวกนั้นหนาเท่าเส้นผมเท่านั้น ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างขูดมันให้เกิดร่องรอยเอาไว้
“หนูนรกนั่นออกมาจากตรงนี้เหรอ?” บัวเมาถามพลางเลิกคิ้ว พวกเขาอยู่ในทางเดินที่มีเสากั้นตลอดเวลา นอกจากประตูหินนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นทางออกอื่นอีก หนูนรกเป็นภูติประจำตัว อยู่ๆจะโผล่มาจากอากาศไม่ได้ ดูจากรอยขีดข่วนเล็กๆพวกนี้ คงเป็นหนูนรกตัวนั้นทิ้งรอยเอาไว้ตอนที่มันบีบตัวเองผ่านช่องว่างนี้ออกมา
จวินอู๋เสียอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพตลกๆขึ้นมาในหัวตอนที่หนูนรกขนฟูนุ่มนิ่มเหมือนไม่มีกระดูกเบียดตัวเองผ่านช่องว่างเล็กๆนี้ กรงเล็บเล็กๆของมันข่วนประตูหินอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่มันพยายามดันตัวเองออกมา
“ถ้าหนูนรกตัวนั้นมาจากที่นั่นได้ หลังประตูบานนั้นก็น่าจะปลอดภัยนะ” อิงซู่พูด แล้วเดินไปผลักประตูให้เปิดออก
แต่ตอนเขาผลัก ประตูหินตรงหน้าเขาก็ยังนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
อิงซู่มีสีหน้าประหลาดใจ เขาผลักอีกครั้งแบบสุดแรง แต่ประตูหินก็ยังนิ่งเฉยอย่างท้าทาย ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“……….” ใบหน้าของอิงซู่เริ่มดูน่ากลัวขึ้น
“ฮ่าๆ” บัวเมาหัวเราะเยาะ เขายืนกอดอกมองสีหน้าไม่พอใจของอิงซู่อยู่ด้านข้าง
อิงซู่ไอเล็กน้อยและจ้องไปที่ใบหน้ายิ้มเยาะของบัวเมา “นี่ไม่ใช่ประตูหินธรรมดา มันหนักกว่าปกตินิดหน่อย”
หลายหน่อยเลยแหละ!
แม้ว่าอิงซู่จะไม่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลัง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้ แต่ถึงเขาจะออกแรงจนสุดแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่สามารถขยับประตูนั้นได้แม้แต่นิ้วเดียว นั่นแสดงว่าน้ำหนักของประตูหินนั้นมากกว่าที่ดูเหมือนจะเป็นมาก
ประตูหินที่แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงยังไม่สามารถขยับได้……
แค่ประตูหินบานเดียวก็หนักมากกว่าสิบตันไปแล้ว
หนักกว่าช้างแอฟริกาตัวผู้ที่โตเต็มวัยสองตัวรวมกันซะอีก!
ขนาดบัวเมาที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาพยายามผลักมัน ก็ยังทำได้แค่หน้าแดงจากการออกแรงเท่านั้น ไม่สามารถขยับมันได้สำเร็จเช่นกัน
ตอนนั้นเอง บัวเมาก็ไม่สามารถหัวเราะเยาะอิงซู่ได้อีกต่อไป
“ประตูหินนี่ทำมาจากอะไรเนี่ย? ทำไมถึงได้หนักขนาดนี้!?” บัวเมาบ่นขณะหอบหายใจอย่างหนัก พลางคิดว่าประตูหินนี่หนักมากจนน่าตกใจ
แม้ว่าพวกเขาสามคนจะรวมพลังกัน ก็ยังไม่สามารถขยับมันได้แม้แต่น้อย
แค่แรงของพวกเขาสองสามคน แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเปิดประตูนั้น หลังจากพิจารณาอยู่สักพัก จวินอู๋เสียก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ช่องว่างในประตูนั้นเล็กมาก เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเบียดตัวผ่านเข้าไป แต่สำหรับแมวดำตัวเล็กๆก็อาจจะเบียดผ่านไปได้
“เจ้าสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจออันตรายอะไรก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้ คว้าตัวข้าขึ้นมาแล้ววิ่งหนี ถ้าเจอคนอื่นๆก็ให้ดูว่าพวกเขาสามารถผลักประตูให้เปิดได้ไหม” ขณะที่พูด จวินอู๋เสียก็นั่งลงเอาหลังพิงกำแพง แล้วจากนั้นเจ้าแมวดำก็กระโดดขึ้นไปนอนบนตักของนาง
เมื่อได้เข้ามาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นลึกๆในใจของจวินอู๋เสียก็ทำให้นางอยากเข้าไปดูว่าอะไรอยู่ข้างหลังประตูหินบานนั้น แม้ว่านางจะไม่สามารถทำเองได้ แต่เจ้าแมวดำทำได้!
แม้ว่าอิงซู่กับบัวเมาจะไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียกำลังจะทำอะไรต่อไป แต่ในฐานะภูติประจำตัวของนาง พวกเขาจึงยอมทำตามคำสั่งของนาง
จากนั้นจวินอู๋เสียก็หลับตาลงช้าๆ ดูราวกับว่านางได้หลับไป