“หน้าต่างนี่ต้องมีลูกเล่นพิเศษอย่างแน่ๆ ข้าถึงทำอะไรมันไม่ได้เจ้าเด็กนี่หลับโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย!” ร่างสีดำมีท่าทีมืดมน
เขายังคงยืนอยู่บนอากาศข้างหน้าต่างห้องนอนของฟางฉี เขายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าห้องเจ้าเด็กนี่ได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ”
เขาชะเง้อหน้ามองหน้าต่างห้องนอนถัดจากห้องของฟางฉี “อืม .. ดูเหมือนว่าจะมีพนักงานเพียงแค่คนเดียว เธอคงไม่ได้รับการคุ้มครองเท่าไรหรอก” เขาคิดในหัว
ด้วยความคิดนี้เขาจึงย้ายตัวเองมายังหน้าต่างห้องนอนเจียงเสี่ยวหยูแทน
เมื่อมองเข้าไปในหน้าต่าง เขาเห็นหัวเล็กๆ ที่โผย่ยื่นออกมาจากผ้าห่มสีขาวลายแมว “ผู้หญิงคนนี้นอนหลับสนิทและข้าเองก็ไม่ควรปลุกเธอ”
แต่ .. เขาผลักหน้าต่างด้วยแรงทั้งหมด .. มันไม่ขยับ
เขารู้สึกไม่ดีนักแต่ก็ยังไม่หยุดที่จะทำลายหน้าต่าง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ..
ร่างสีดำนั่งหอบอยู่บนหลังคาของคาเฟ่
“แม้แต่หน้าต่างของห้องนอนพนักงานก็ยังได้รับการปกป้อง!” เขายืนบนหลังคาที่ทำจากกระเบื้องสีดำ
“กระเบื้อง?” เขามองกระเบื้องหลังคาที่เขากำลังยืนเหยียบแล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะ “ไม่ว่าการป้องกันจะแข็งแกร่งแค่ไหนเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของบ้านที่อยู่อาศัยได้ เจ้าห้ามข้าไม่ได้หรอก!”
เขาเอื้อมมือไปดึง .. ไม่มีอะไรขยับ ยิ่งออกแรงดึงมากยิ่งเหนื่อยมาก แถมผลลัพท์ก็เหมือนเดิม นิ่ง!
“ฮึบ ฮึบ” เขาปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่
“แฮ่ก แฮ่ก” เขาหอบ
ไม่นานนักเขารู้สึกเริ่มเหนื่อยและทนไม่ไหว เขาค่อยๆ ดึงดาบยาวออกมาจากเข็มขัดข้างกาย ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าประตูร้าน
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทุกส่วนของที่นี่จะไม่สามารถแตกหักได้!” เขากำดาบแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ด้วยร่างกายที่แข็งแรงและทรงพลัง เขารวบรวมพลังทั้งหมดควบคุมเป็นหนึ่งเดียว
อากาศรอบข้างไม่ไหวติ่ง ค่ำคืนอันหลับไหลท้องฟ้าที่สดใสยามค่ำคืนเปลี่ยนไปกลายเป็นมืดครึ้มและอึมครึม แม้แต่แสงจันทร์แสงดาวก็หายไปราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกอันมืดหม่น
เขาง้างดาบขึ้นและกระแทกมันลงด้วยพลังทั้งหมด
ปัง!
…
“หาว .. ง่วงจริง” ฟางฉีลืมตาขึ้นมองไปนอกหน้าต่างพบว่าพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ขณะเดียวกันเสียงเปิดประตูจากร้านขายขนมปังข้างๆ ของป้าหวังก็ดังขึ้น ป้าหวังเปิดร้านและมองรอบๆ เธอพบว่ามีนักรบในชุดดำท่าทางแปลกๆ เขากำลังเดินไปยังปลายถนนพร้อมดาบยาวที่ห้อยลากกับพื้น
“เขาจะเป็นนักรบที่ดีได้อย่างไรกัน หากปล่อยให้ดาบลากกับพื้นเช่นนี้” ป้าหวังพึมพำ จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปในร้านเพื่อนำขนมปังออกมาวางตามปกติ
“…”
“เมื่อคืนฉันฝันว่ามีใครบางคนพยายามที่จะทุบหน้าต่างห้องนอนของฉัน” ฟางฉีตบหน้าผากตัวเอง “อาจเป็นเพราะฉันกำลังซึมซับเนื้อเรื่องของละครกระบี่เทพสังหารมากไป”
“ช่างมันเถอะ” ฟางฉีมองท้องฟ้าพลางดึงผ้าห่มมาคลุมหัวกลับไปนอนต่อ
…
ณ พระบรมมหาราชวัง
ท้องฟ้าอันสดใส จักรพรรดิจีวูรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใกล้ๆ เขา “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ร้านนั้นพิเศษจริงๆ ข้าพยายามที่จะวางแผนเพื่อจับเจ้าของร้านและบังคับให้เขาแสดงความสามารถแต่ ..”
“แต่ ..” จีวูหันกลับไปถามทันที “การปกป้องร้านนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ”
นักรบร่างสีดำพูดไม่ออก “ข้า .. พยายามตลอดทั้งคืน แต่ทำยังไงก็ไม่สามรถเข้าไปในร้านได้เลย”
“…” จีวู
“จะต้องมีเครื่องมือที่ทรงพลังปกป้องร้านอย่างแน่ ข้าพยายามที่จะทำลายประตูด้วยพลังทั้งหมด แต่มันยังคงไม่บุบสลาย ผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเดิม” นักรบอธิบาย
“เครื่องมือป้องกันทรงพลัง?” จีวูลูบคาง “ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายกจะตกตะลึงกับที่นั้น ดูเหมือนว่าเราควรทำตามคำแนะนำของนายกจาง”
“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” จีวูถาม
“ข้าสบายดี ..”
“ดี .. เจ้าไปพักเถอะ”
“ขอรับ” เมื่อเขาจากไป ทุกอย่างรอบข้างเงียบลงในทันที
แน่นอนว่าจักรพรรดิไม่รู้เลยว่าลูกน้องที่ไว้ใจได้มากที่สุดของเขาใช้เวลาทั้งคืนเพื่อทุบประตูและหน้าต่างของร้านค้าอย่างเหน็ดเหนื่อย
…
หลังจากที่ฟางฉีนอนอย่างเต็มอิ่มแล้ว เขาตื่นขึ้นมาพร้อมตรวจสอบภารกิจของเขาว่ามีการเคลื่อนไหวไปถึงไหนแล้ว ก่อนหน้านี้ละครกระบี่เทพสังหารของเขามีการเปิดใช้งานอยู่ที่ 100 ครั้ง แต่จำนวนตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 170 ครั้งในคืนที่ผ่านมา
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ไม่นานภารกิจจะต้องเสร็จสมบูรณ์ในวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้เป็นแน่
ในขณะเดียวกันฟางฉีได้รับข้อความจากระบบ
[ระบบจะทำการอัพเกรดร้านในคืนนี้ หลังการอัพเกรดพื้นที่ในร้านจะเพิ่มขึ้นสี่เท่าและจะได้รับคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นพร้อมลูกเล่นอื่นๆ แต่จะสามารถเปิดใช้งานได้ในภายหลัง]
…
มันเป็นเวลาสำหรับการประชุมประจำวันระหว่างจักรพรรดิและเจ้าหน้าที่ของจิงฉี
“นาจก ท่านว่าร้านนี้มันพิเศษจริงๆหรอ? แม้แต่นักวิชาการและเจ้าหน้าที่ของรัฐก็สามารถได้รับการบ่มเพาะได้!?” เจ้าหน้าที่พูดคุยกันระหว่างเดินทางไปที่พระบรมมหาราชวัง
“แน่นอน” นายกจางกล่าว “พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนขี้โกหกหรือไง ข้านะดูแค่ละครเป็นเวลาสองวันเท่านั้น แต่จู่ๆ ก็เกิดพลังภายในในร่างกายของข้า ผู้คุมเบียนเป็นพยานได้”
“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนั้นช่างวิเศษเหลือเกิน” ข้าราชการที่เดินอยู่ด้านหลังได้ยินบทสนทนาพวกเขารู้สึกประหลาดใจ “แม้แต่คนธรรมดาอย่างพวกเราก็สามารถได้รับการบ่มเพาะได้”
“ในโลกแห่งนี้นี่มีอะไรที่เกิดขึ้นอีกมากมายเลยเนอะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าหน้าที่พูดคุยกันพร้อมหัวเราะร่า
“ท่านนายก ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรสงสัยในคำพูดของท่าน แต่ ..” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยทักอย่างไม่มั่นใจ “ข้าขอสัมผัสถึงพลังภายในของท่านได้มั้ย”
“ได้สิ” นายกจางยื่นมืออกมา “เอาเลย”
นายกจางวางมือบนแขนของเจ้าหน้าที่คนนั้น เขารู้สึกถึงกระแสอุ่นที่วิ่งไหลผ่านร่างกาย
“มันคือพลังภายในจริงๆ ใช่มั้ย”
“พวกท่าน! หลังจากประชุมเสร็จในตอนเช้า พวกเราเดินทางไปเจียงหนานเพื่อดูละครกันเถอะ พวกเจ้าตกลงมั้ย?” เสียงเจ้าหน้าที่ในกลุ่มเอ่ยแนะนำ “มันอยู่ไกลจากที่นี่ แต่ตามที่ท่านนายกแนะนำ มันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้รับนะ!”