กลุ่มของผู้ฝึกฝนในเมืองดาจินพวกเขาส่วนใหญ่รู้จักสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ มันเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินทางอีกทั้งมันยังเป็นสิ่งที่ใหม่และทันสมัย
แม้ว่าสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณในการเกดินทางจะไม่ได้มีความเร็วเท่ากับการบินด้วยเทคนิคการควบคุมดาบแต่มันก็ไม่ได้ช้าจนเกินไป
แน่นอน .. คนรวยเท่านั้นที่จะสามาถซื้อได้
ผู้ฝึกฝนและนักรบธรรมดาส่วนใหญ่มักอาศัยการใช้เรือทางจิตวิญญาณเพื่อเดินทางข้ามภูมิภาคหรือไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ไกลจากบ้านเมืองอาจใช้เวลาเดินทางนานแต่มันประหยัดเงิน
แม้ว่าโดยทั่วไปช้าราชการพลเรือนที่ประเทศนี้จะได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่มีพื้นฐานทางการเงินหรือทำงานมานาน พวกเขามีกำลังมากพอที่จะซื้อภาหนะส่วนตัวในการเดินทางไกล เพราะการใช้บริการเรือทางจิตวิญญาณก็คล้ายคลึงกับรถเมย์ หากจับจ้องก่อนก็จะได้ที่นั่งดีวิวสวย
อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับข้าราชการพลเรือนบางคนคือพวกเขามักเก็บออมเพื่อให้ลูกหลานได้มีโอกาสที่จะเรียนดีๆ ได้รับการบ่มเพาะจนเป็นนักรบที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียง เนื่องด้วยพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีความสามารถใดจึงอยากส่งต่อความสามารถให้แก่คนที่รัก
แต่ตอนนี้ .. พวกเขาเพิ่งพบว่าแทบไม่ต้องรอลูกหลานแล้ว พวกเขาเองมีโอกาสที่จะเป็นนักรบได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะราคาเท่าไรพวกเขาก็จะเดินทางไปทดสอบด้วยตัวเอง!
หลังจากการประชุมของเจ้าหน้าที่ในตอนเช้า พวกเขาส่วนใหญ่กำลังตัดสินใจเพื่อเดินทาง ..
“นายกจางท่านบอกเราว่า เพียงแค่ดูละครเรื่องกระบี่เทพสังหารเพื่อ ..”
“เฮ้! หลายคนแต่คำถามเดียวกัน ข้าขอตอบแทน ละครเรื่องกระบี่เทพสังหารนั้นมีความมหัศจรรย์มากเมื่อเทียบเท่ากับการฝึกฝนในหอศิลปะ แต่นี่สามารถได้รับทักษะจากการรับชมเพียงไม่กี่ครั้ง” ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะเบื่อกับคำถามซ้ำๆ เขาจึงเลือกที่จะตอบเอง “ท่านหมายถึงว่า .. เราสามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้และเวทย์มนตร์ทางจิตวิญญาณในละครได้หรอ?”
“ตามตำนวนจักรพรรดิองค์แรกของดาจิน ได้พบกับแผนที่ดาวในถ้ำโบราณหลังจากที่จ้องดูแผนที่ในคืนหนึ่ง ความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของเขาพุ่งสู่ระดับสูงสุด!” ผู้คนหันมองหน้ากัน “เป็นไปได้มั้ยที่ละครเรื่องกระบี่เทพสังหารจะมีคุณสมบัติคล้ายๆ อย่างนั้น”
นายกจางเบือนหน้าหนี เขาทำหูทวนลมไม่สนใจกับคำตอบของเจ้าหน้าที่คนนั้นสักเท่าไร “แน่นอนเราสามารถเรียนรู้ได้ พวกท่านลองคิดดูสิไม่เช่นนั้นเทคนิคการควบคุมดาบและทักษะระยะประชุดจะโด่งดังหลังจากการสอบหรือ?”
“นั่นมาจากเรื่องกระบี่เทพสังหารหรอ?” เจ้าหน้าที่ที่ยืนคุยกันสตั้น
ข้าราชการพลเรือนที่นี่ส่วนมากค่อนข้างไปทางสายงานวิชาการมากกว่าการสู้รบ โดยตำแหน่งและพื้นฐานพวกเขาไม่มีทักษะมากพอ แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มเห็นเส้นทางที่จะเพิ่มทักษะให้แก่ตนเองแล้ว
“ละครกระบี่เทพสังหารเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก!” นายกจางกล่าว “คาเฟ่นั้นมีหลายเกม แต่ทุกเกมล้วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่ดุเดือด ข้าว่าละครน่าจะเหมาะสมที่สุดกับสายงานของเรา”
“ใช่! มันง่ายมากก็แค่เฝ้าดูการต่อสู้เพื่อเพิ่มทักษะ ..” พวกเขายิ้มด้วยสายตาเคอะเขินเพราะรู้ตัวเองดีว่าทักษะการต่อสู้ของพวกเขานั้นด้อยกว่านักรบและผู้ฝึกฝน
“เราไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป” นายกจางสรุป “ข้าคิดว่าเราทุกคนควรดูละครเรื่องนี้!”
“ท่านนายกพูดถูก มันไม่สำคัญว่าเราจะยุ่งแค่ไหน เราต้องหาเวลาไปดูละครให้ได้!”
…
ณ ด้านนอกคาเฟ่
ซงฉิงเฟิง, หลินเซียวและอีกสองสามคนกำลังเดินตามหลังหญิงสาวร่างสูงสวมชุดเกราะหนังสีแดง เขาบอกเธอว่า “เมื่อวานนี้พวกเราดูละครกระบี่เทพสังหารตอนที่ห้าและหกมันสนุกมาก”
“ใช่แล้สท่านอาจารย์มู ตอนที่แล้วก็น่าสนใจไม่แพ้ตอนที่ห้าและหกเลย ข้าบอกเลยว่ามันเด็ดจริงๆ”
“สองวันก่อนท่าพลาดมาก” ซูเหลียวกล่าว “แต่ก็ไม่เป็นไร ท่านสามารถดูทุกตอนชดเชยวันนี้”
“ละครเรื่องนี้ดีจริงๆ หรอ?” มูฮงจูจำได้ว่าเธอยังเล่นเกมตามคนอื่น แถมยังซื้อเซียนกระบี่พิชิตมารทิ้งไว้อีก ตอนนี้เธอควรจะซื้ออะไรเพิ่มอีกมั้ย?
ซึ่ง .. แต่ละรายการเป็นอะไรที่ตัดสินใจยากมาก!
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ .. มูฮงจูกำลังวางแผนว่าเธอจะดูละครกระบี่เทพสังหารได้จบในวันเดียว จากนั้นวันพรุ่งนี้ก็เล่นเกมต่อ “ถ้างั้นวันนี้ฉันจะดูละคร”
…
นายกจางและกลุ่มของเขาใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงจนกระทั่ง .. บ่ายสองผู้คนมากมายภายในคาเฟ่
“ท่านนายก คนเต็มร้านเลย” บางคนเหลือบมองไปรอบๆ
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล!” นกยกจางลูบเคราของเขา “ข้าคำนวนมาแล้วว่านี่คือช่วงเวลาที่ลูกค้าส่วนใหญ่เล่นเกมครบกำหนด ข้าแน่ใจว่าพวกเจ้าจะต้องมีที่นั่งแน่นอน”
“ท่านนายกมีความคิดดี”
“ท่านยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงใช่มั้ย?” นายกจางทักถาม “ร้านนี้มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมันค่อนข้างมีราคาสูง แต่รสชาติยอดเยี่ยมมาก แม้แต่องค์ชายยังชื่นชอบมัน หากพวกเจ้าต้องการสามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์”
“พวกเรารู้สึกเหนื่อยล้าและหิวโดยจากการเดินทางไกล ที่นี่มีอาหารด้วยหรอ เจ๋งมาก!” เจ้าหน้าที่มองหน้ากัน “พวกเราก็หิว ไปลองกินกันเถอะ จะรสชาติดีอย่างที่นายกพูดไว้หรือไม่”
“ไปพวกเราไปซื้อบะหมี่กัน!”
ในไม่ช้าคาเฟ่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของบะหมี่อีกครั้ง
ตงชิงลี่ที่เพิ่งเล่นเกมเสร็จ เธอยืนอยู่ข้างหลังฟางฉีมองดูเขาเล่นเกม “นี่ท่านทำไมท่านไม่ขยายที่นี่ มันแลแออัดเกินไป!”
เธอรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เธอมาก่อนจึงได้ที่นั่งก่อน แต่อีกไม่นานต่อไปหากเธอมาเร็วแล้วไม่มีที่นั่งเธอจะทำยังไงดี?
เธอแอบได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการซื้อนิยาย Diablo คนต่อแถวยืนรอเพื่อซื้อตั้งแต่เที่ยง เธอจินตนาการไปต่างๆ นาๆ ว่าอีกไม่นานหากคนเยอะแบบนี้ทั้งรอซื้อนิยายและลูกค้าที่มาเล่นเกม เธอคงต้องอดหลับอดนอนเป็นแน่
“ดูจากรูปการณ์แล้วที่นี่มีลูกค้ามากขึ้นๆ เราจะทำการขยายร้านในวันพรุ่งนี้!” ฟางฉีกล่าว
“พรุ่งนี้หรอ?” ตงชิงลี่และคนอื่นๆ ดูตื่นเต้นกับคำตอบ
ซงฉิงเฟิงเองก็ถามเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้ง “พรุ่งนี้จะมีคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นหรอ?”
“มีอะไรจะมาอีกมั้ย?” ตงชิงลี่ยังคงถามย้ำ
“นี่ท่าน เราไม่เห็นท่านออกไปดูทำเลหรือหาซื้อที่ใหม่เลย” ตงชิงลี่และจางวันยูที่อยู่ในคาเฟ่ตลอดทั้งวันทำหน้าสงสัย
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้พวกเจ้าจะได้เห็นเอง” ฟางฉีตอบ
ด้วยคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้น เขาคาดว่าอีกไม่นานลูกค้าจะไม่ต้องรอคิวอีกต่อไป
“พรุ่งนี้เราจะได้เห็นหรอ?” ลูกค้าคนอื่นที่ได้ยินต่างฮือฮา “จะมีการเปลี่ยนแปลงที่อัศจรรย์เกิดขึ้นใช่มั้ย?”
มูฮงจูที่อารมณ์ค้างคาเดินเข้าไปด้วยความไม่พอใจ “ซงฉิงเฟิงทำไมละครเรื่องกระบี่เทพสังหารถึงจบแค่ตอนที่หก? ที่เหลืออยู่ไหน?”
“เอ่อ ..อาจารย์มู ข้าลืมว่ามีชั้นเรียนข้าไปก่อนนะ”
เมื่อซงฉิงเฟิงวิ่งออกไป ก็มีอีกคนสวนเข้ามา
“ท่านนี่มันจะสองทุ่มแล้ว วันนี้ท่านจะทำการถ่ายทอดสดตอนที่ห้าและหกใช่มั้ย?” เซียวหยูตะโกนถาม
“ละครกระบี่เทพสังหารจะทำการถ่ายทอดสดเฉพาะวันจันทร์และอังคารเท่านั้น และจะฉายแค่วันละสองตอน!”
“แล้วตอนที่ห้าหกละ?”
“จะถ่ายทอดสดในสัปดาห์หน้าไง” ฟางฉีตอบหน้านิ่ง
“อ๊ากกก!” เซียวหยูรู้สึกกำลังจะขาดใจตาย