ดวงตาของชิวเยี่ยไป๋ฉายแววฆ่าฟันแวบหนึ่ง กำสมุดบัญชีช้าๆ จนแน่น
แต่วันนี้มีของสิ่งนี้แล้ว นางกับเหมยซูใครเป็นต่อยังไม่รู้ชัด
ก่อนลงมือกับเหมยซู นางก็สั่งโจวอวี่ใช้กระดาษน้ำมันห่อสมุดบัญชีไว้แล้วและนางเก็บไว้กับตัว
นางมองดูท้องฟ้า พลันนึกขึ้นได้จึงรีบก้มหน้าถามหยวนเจ๋อ “หลวงจีนงี่เง่า เจ้าโดนถีบตกน้ำหรือ ก่อนตกน้ำพวกโจวอวี่กับเหล่าเจอกูเป็นอย่างไรบ้าง”
หยวนเจ๋อสีหน้าว่างเปล่าครุ่นคิด ดูเหมือนจะจำได้และกล่าวว่า “ดูเหมือนพวกเขาก็โดนเตะตกน้ำเหมือนกัน”
ชิวเยี่ยไป๋ขมวดคิ้ว “พวกเขาก็ตกน้ำหรือ เช่นนั้นพวกเขาก็อาจถูกน้ำวนซัดออกมาได้”
แต่นางรู้อยู่แก่ใจ การถูกน้ำซัดออกมาเช่นนางเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ภายใต้สภาพเช่นนี้จะรอดชีวิตมิใช่เรื่องง่าย
แต่อย่างไรก็ตาม นางต้องสำรวจแถวนี้ก่อน ถ้าเกิดมีใครช่วยพวกเขาไปแล้วหรือช่วยตนเองได้เป็นดีที่สุด ถ้าหาไม่พบจริงนางยังคงต้องหาวิธีสืบเสาะให้รู้ความจริงให้ได้
ขณะนางกำลังครุ่นคิดอย่างสับสน พลันรู้สึกมีคนดึงชายเสื้อ ก้มลงดูก็เห็นหยวนเจ๋อกำลังมองดูตนอย่างลังเล “ประสกเสี่ยวไป๋ ท่านสวมกางเกงผิดตัว นั่นเป็นของอาตมา”
ชิวเยี่ยไป๋แลดูจากที่สูงกว่า แสยะยิ้ม “ตอนนี้กางเกงตัวนี้เป็นของข้าแล้ว”
หยวนเจ๋อเห็นเค้าหน้าบูดเบี้ยวของนาง พลันนึกถึงนักเลงที่แย่งซาลาเปาไปจากเขา จึงประนมมือกล่าวอย่างลังเลว่า “อามิตาภพุทธ ประสกสวมกางเกงของอาตมา อาตมาก็เดินไม่ได้แล้ว”
ชิวเยี่ยไป๋กรอกตา พลันเบาเสียงลงกล่าวฮิฮะว่า “เจ้าเดินไม่ได้ก็ไปเด็ดใบไม้หลายใบผูกไว้ที่เอวแล้วกัน พอถึงที่ที่มีบ้านคนค่อยหากางเกงใส่ เจ้าเป็นบรรพชิต ย่อมไม่ต้องถือสากฎเกณฑ์ทางโลกมากนัก!”
หยวนเจ๋องงงัน มองดูนางอย่างลังเล “แต่…”
ชิวเยี่ยไป๋โบกมือ “ไม่ต้องแต่เต่ออะไรอีกแล้ว สายแล้วนะ ถ้าเจ้าไม่อยากไปข้าจะไปเอง”
นางยังต้องไปหาคนไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงด้วย
หยวนเจ๋อเห็นนางพูดจบก็หันกายสะกิดปลายเท้าเหินกายขึ้นฝั่ง หลังงงงันครู่หนึ่งก็กัดริมฝีปาก เหลียวซ้ายแลขวายื่นมือไปลากใบบัวกลุ่มใหญ่
ขณะชิวเยี่ยไป๋กระโดดจากเรือแตะพื้น พลันรู้สึกเข่าอ่อนยวบ นางซวนเซแล้วจึงยืนได้มั่น ก้มดูขาของตนด้วยสีหน้าพิกล นึกสงสัยในใจทำไมจึงรู้สึกว่าจุดที่เร้นลับที่สุดของร่างกายแปลกๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าแปลกอย่างไร
หรือว่ารอบเดือนจะมา
นางนับวันดูยังไม่ถึงนี่นา แต่นึกดูอีกทีตอนนี้ก็ไม่มีตรงไหนไม่สบายเป็นพิเศษ จึงโยนปัญหาเหล่านี้ทิ้งไป เพียงแต่มองดูทิศทางกระแสน้ำบริเวณนี้
ขณะนางดูลักษณะพื้นที่พลันนึกถึงปัญหาหนึ่ง…นางไปอยู่ในเรือลำน้อยได้อย่างไร
ตามทิศทางการไหลของน้ำแล้ว นางน่าจะนอนอยู่ริมฝั่งถึงจะถูก หรือว่า…เจ้าหลวงจีนโง่งมอุ้มตนลงเรือ
แล้ว…เขารู้หรือไม่ว่าตนเป็นสตรี!
ชิวเยี่ยไป๋เย็นเยือกในอก หันไปดูหยวนเจ๋อตามสัญชาตญาณ เห็นเขาปีนขึ้นจากเรือแล้ว แต่นั่น…สภาพของเขาทำเอานางต้องตะลึงแล้วเบือนหน้าหนี หัวไหล่สั่นสะท้านอย่างกลั้นไม่ได้ พยายามสะกดใจตนเองมิให้หัวร่อออกมา
เดิมทีหยวนเจ๋อก็รู้สึกว่าการใช้สายรัดเอวผูกใบไม้หลายใบใต้เสื้อที่เปียกชุ่มออกจะประหลาดอยู่บ้าง แถมยังรู้สึกว่าหว่างขาโล่งโจ้ง แต่กางเกงโดนชิงไปแล้วและเขาก็ไม่กล้าแย่งกลับคืน จึงไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้
ยามนี้เห็นสีหน้าชิวเยี่ยไป๋พิกลก็ยิ่งกังวล “ทำไม อาตมาทำเช่นนี้ไม่เหมาะหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋สั่นศีรษะทันที กล่าวเนือยๆ ว่า “เปล่า ดูแล้วคล้ายนักบวชที่ไม่ถูกร้อยรัดด้วยธรรมเนียมทางโลก ดีมาก”
พูดจบนางก็รีบหันกลับ “ไปเถอะ ไปหาคนอื่นก่อน”
จะอย่างไรก็ตาม ตอนนี้การตามหาคนเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนเรื่องอื่นๆ ไว้มีเวลานางค่อยถามไถ่ก็ยังไม่สาย
หยวนเจ๋อรู้สึกว่าประสกเสี่ยวไป๋ไม่จำเป็นต้องโกหกเขา จึงไม่ติดใจสงสัยและเดินตามไปแต่โดยดี
แต่ตลอดทางเขามักรู้สึกว่าใบบัวใหญ่หลายใบนั้นแกว่งไปมา กระทบกับต้นขาโล่งโจ้งทำเอาไม่สบายใจ จึงใช้มือกดใบบัวไว้เรื่อยๆ
ฟ้าสางแล้ว รอบข้างมีชาวประมงที่ตื่นแต่เช้าออกหาปลา เห็นสภาพของหยวนเจ๋อก็พากันอ้าปากค้าง ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางของพวกชาวประมงแล้วดูหยวนเจ๋อยิ่งกระมิดกระเมี้ยน ก็รู้สึกสะใจที่ได้เอาคืน
จนกระทั่งมีชายชราหลายคนถือไม้พายเข้าหาและล้อมหยวนเจ๋อไว้อย่างดุร้าย เหมือนจะฆ่าปีศาจให้ตายคาที่ หยวนเจ๋องงงันและไม่รู้จักหลบไม้พายเหล่านั้น โดนฟาดไปหลายทีได้แต่ภาวนาอามิตาภพุทธและละล่ำละลักพร่ำอธิบายว่าตนมิใช่ปีศาจ
แต่ท่าทางตอนภาวนาของเขา พวกชาวประมงจะฟังเข้าหูได้อย่างไร นึกว่าเขากำลังท่องคาถาจึงไล่ตีเป็นการใหญ่
ชิวเยี่ยไป๋จึงก้าวออกไปช่วยอธิบาย พวกคนชรามองดูหยวนเจ๋ออย่างเคลือบแคลงอยู่ค่อนวัน จึงวางไม้พายในมืออย่างเสียไม่ได้ พึมพำว่า “ใครจะไปเคยเห็นหลวงจีนสารรูปเช่นนี้ แก้ผ้าล่อนจ้อนผูกใบบัวไม่กี่ใบเปียกปอนทั้งตัว พวกเรายังคิดว่าปีศาจปลาโผล่จากน้ำเสียอีก!”
หยวนเจ๋องงงันและสวดอามิตาภพุทธอย่างคับข้อง พวกชาวประมงเห็นแก่ที่เมื่อครู่ฟาดด้วยความเข้าใจผิดไปยกหนึ่ง จึงทำบุญด้วยกางเกงเก่าขาดตัวหนึ่ง เขาจึงไม่ต้องใช้ใบบัวปกปิดอีกต่อไป
เขานึกดูแล้วยังคงเดินพลังให้เสื้อผ้าแห้งก่อนจะดีกว่า
ชิวเยี่ยไป๋ถากถางอย่างได้ทีว่า “ว่าอย่างไร ไม่เป็นหลวงจีนธุดงค์แล้วหรือ”
หยวนเจ๋อถอนใจ มองดูนางด้วยสายตาสับสน “อาตมาเป็นสาวกพุทธะ ไม่อยากให้ใครคิดว่าเป็นปีศาจปลาอีก!”
ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อเบาๆ มองดูเขาอย่างท้าทาย “ทำไม อาเจ๋อไม่พอใจข้าหรือ”
หยวนเจ๋อแลดูถุงเงินในมือนางแล้วคลำกระเป๋าตนเอง ส่ายศีรษะแต่โดยดี “ถ้าอาตมามิได้ไม่พอใจต่อประสกเสี่ยวไป๋ ประสกเสี่ยวไป๋จะให้อาตมากินซาลาเปาไหม”
ซาลาเปา…
ชิวเยี่ยไป๋ตัวแข็ง โกรธจัด “ไสหัวไป”
หยวนเจ๋อมองตามเงาหลังที่โกรธกริ้วของชิวเยี่ยไป๋ ลูบคลำลูกประคำที่ข้อมืออย่างงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมประสกเสี่ยวไป๋จึงเคียดแค้นซาลาเปาถึงปานนี้
ลมเย็นบนลำน้ำโชยมาแต่ไกล เขามองดูสายน้ำที่เชี่ยวกรากแวบหนึ่ง นัยน์ตาสดใสสีเทาเงินฉายแววอึดอัด ไม่รู้ว่ารอบนี้อาชูเก็บชีวิตคนไปมากเท่าใด และมิรู้ว่าสวดส่งวิญญาณอีกพันรอบจะพอหรือไม่