ตอนที่ 201 ตนเองโง่เกินไป (5)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

เขามองดูเงาหลังชิวเยี่ยไป๋ ถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง อาชูใส่ใจประสกเสี่ยวไป๋เป็นอย่างยิ่ง เขาหลุบตาลงแล้วเดินตามชิวเยี่ยไป๋อย่างเงียบงัน

 

 

นับว่าโชคเข้าข้างชิวเยี่ยไป๋ไม่น้อย ไม่เปลืองแรงมากนักก็หาโจวอวี่จนพบในหนึ่งชั่วยาม

 

 

และเป็นดั่งที่ชิวเยี่ยไป๋คาดไว้ โจวอวี่ถูกน้ำซัดมาบริเวณนี้ แม้เขาจะตกน้ำและมิได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่เนื่องจากขณะสู้กับทหารฝ่าวงล้อมบนฝั่งได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว พอแช่น้ำบาดแผลจากธนูที่แขนดูเหมือนจะติดเชื้อและเสียเลือดมากเกินไป ถ้ามิใช่ชาวประมงใจดีครอบครัวหนึ่งช่วยไว้ ป่านนี้คงร่อแร่แล้ว

 

 

แต่ชิวเยี่ยไป๋เห็นใบหน้าที่ขาวซีดและริมฝีปากที่ถูกไฟลวกของเขาแล้วก็หนักใจ

 

 

ดูท่าโจวอวี่คงลุกจากเตียงไปพร้อมนางทันทีไม่ได้แล้ว แต่นางยังหาเหล่าเจอกูไม่พบ เหล่าเจอกูเป็นหนึ่งในพยานคนสำคัญ และหากเหมยซูยังไม่เสียชีวิตเช่นเดียวกับนาง บริเวณนี้ก็จะถูกบ้านตระกูลเหมยปิดล้อมอย่างรวดเร็ว

 

 

เหมยซูจะต้องค้นหาชนิดปูพรมเพื่อจับคนและหาสมุดบัญชีให้จงได้!

 

 

โจวอวี่เป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร พอเห็นท่าทางของชิวเยี่ยไป๋ก็กระจ่างกว่าเจ็ดแปดส่วน เขาจึงฝืนยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าท่านพาอาเจ๋อไปก่อนเถิด ถ้าข้าน้อยตามไปด้วยจะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ ประการหนึ่งข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้าจะไปไหน ประการที่สองถึงอย่างไรข้าน้อยยังคงเป็นคนตระกูลโจว ถ้าคนตระกูลเหมยจับข้าน้อยได้จริงก็ทำอะไรข้าน้อยมิได้หรอก”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูเขา ส่ายศีรษะกล่าวว่า “ถ้าข้าเป็นเหมยซู ต่อให้เจ้าไม่รู้อะไรเลย หลังจับเจ้าได้แล้วจะต้องรีบปิดทางออกจากเมืองตงอั้นทุกเส้นทาง แล้วใช้ชีวิตของเจ้าแลกกับสมุดบัญชีในมือข้า”

 

 

โจวอวี่งงงัน “แต่ตระกูลโจว…”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มอย่างหยามเหยียด มองดูดวงตะวันแดงฉานที่ลอยขึ้นช้าๆ “บุรุษเยี่ยงเหมยซู หากต้องการบรรลุเป้าประสงค์ของเขา จะไม่มีทางแยแสว่าเจ้าเป็นคนตระกูลโจวหรือตระกูลชิว การจะให้บุตรหลานตระกูลใหญ่ที่เจ็บป่วยคนหนึ่ง ‘เสียชีวิตกะทันหัน’ สำหรับคนที่ปิดฟ้ามือเดียวได้ในไหวหนานเช่นเขา เป็นเรื่องง่ายดายมาก”

 

 

โจวอวี่ขมวดคิ้ว แม้เขาจะไม่เชื่อว่าพ่อค้าวาณิชคนหนึ่งเช่นเหมยซูจะปิดฟ้ามือเดียวได้ แต่เหตุการณ์ที่พบในถ้ำก็บอกเขาอย่างชัดเจนแล้วว่า…ไม่ผิด แม้จะเป็นพ่อค้าวาณิช เขายังสามารถทำให้พวกคนที่เป็นขุนนางข้าราชการถูกฆ่าตายในถ้ำได้

 

 

ทั้งสองเงียบลงพร้อมกัน

 

 

วิกฤตรอบด้าน ช่วงเวลาที่แฝงเร้นไม่นานนัก พวกเขามีเวลาไม่มากในการหาวิธีรับมือ

 

 

โจวอวี่อดมิได้กระแอมเบาๆ แลดูนางอย่างสงบ “ตอนนี้ใต้เท้าคิดจะทำอย่างไร อาการของข้าน้อยเป็นตัวถ่วงใต้เท้าแน่นอนแล้ว ฝืนตามไปจะรังแต่ทำให้ใต้เท้าตกอยู่ในอันตราย บางทีทั้งท่านและข้าน้อยอาจหนีไม่พ้น แต่ถ้าใต้เท้าไปคนเดียวจะมีโอกาสมากกว่า”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วกำลังจะพูดอะไร กลับถูกเสียงกระแอมของโจวอวี่ขัดไว้อีก “แค่กๆ…ใต้เท้าขอรับ โปรดฟังข้าน้อย ข้าน้อยรู้ดีว่าท่านมีฐานะไม่ธรรมดาในยุทธจักร พวกเป๋าเป่าน่าจะมีการจัดแจงกระมัง ถ้าท่านสามารถส่งข่าวให้พวกเขามาช่วยและพวกเราไปกันหมดได้เป็นดีที่สุด ถ้าไม่ได้…”

 

 

ในเมื่อชิวเยี่ยไป๋ตั้งใจจะชุบเลี้ยงโจวอวี่ไว้ในอาณัติของตน ย่อมบอกกล่าวสิ่งที่บอกได้เป็นธรรมดา อาทิเช่น เจี่ยงเฟยโจวก็คือเป๋าเป่า ซึ่งไปเตรียมการอีกด้านหนึ่งจึงมาด้วยกันมิได้ โจวอวี่รู้เรื่องเหล่านี้หมดแล้ว

 

 

ดวงตาเจ้าชู้ของโจวอวี่แลดูชิวเยี่ยไป๋อย่างสงบ “ท่านมิต้องคำนึงถึงข้าน้อย นำสมุดบัญชีจากไปก็พอ ไหวหนานมีร้านค้าของตระกูลโจว ข้าน้อยไปที่นั่นได้ ถึงอย่างไรข้าน้อยยังคงเป็นคุณชายตระกูลโจวที่เกิดแต่อนุ พวกเขาต้องลงแรงปกป้องแน่ ต่อให้ต้านคนของเหมยซูมิได้ พวกเขายังคงจะหาวิธีแจ้งข่าวให้ครอบครัวข้าทราบ ท่านพ่อไม่มีทางไม่ไยดีต่อข้าน้อย แต่ข้าไม่แน่ว่าเขาจะยอมเป็นอริกับตระกูลตู้และพระพันปีเพื่อคนนอก”

 

 

เรื่องราวแปรเปลี่ยนถึงวันนี้ มิใช่สภาพที่พวกเขาคิดไว้แต่เดิมแล้ว บัดนี้พวกเขากำความลับเรื่องสมุดบัญชี ย่อมต้องถูกหมายหัวจากพระพันปีและตระกูลตู้ เขาไม่คิดว่าพระพันปีจะปล่อยกองคั่นเฟิงที่ทำลายแผนของนางไว้

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูโจวอวี่ ครู่หนึ่งก็ยิ้มจางๆ “โจวอวี่ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นคนฉลาด ข้ารู้ว่าเจ้าหวังจะถ่วงเวลาเหมยซูเพื่อข้า จะได้นำสุมดบัญชีออกไปช่วยซือถูและคนอื่นๆ ในกองคั่นเฟิง แต่อันว่าบัณฑิตนั้นนอกจากความกล้าแล้วยังต้องมีอุบายด้วย ข้าหวังอย่างยิ่งว่ายามที่เจ้าเผชิญกับอันตราย จะคิดหาวิธีเอาตัวรอดให้มาก”

 

 

โจวอวี่งงงันสีหน้าสับสน

 

 

นางตบไหล่เขา “พักผ่อนให้ดี เรื่องที่เหลือข้าจัดการเอง ถึงอย่างไรข้าก็เป็นนายเจ้านะ”

 

 

……

 

 

“เรียนนายท่าน บ่าวได้ให้ช่างรังวัดวิศวกรรมแม่น้ำนำผังน่านน้ำในแถบนี้มาให้และได้ส่งคนไปค้นตามบริเวณที่ต้องสงสัยแล้ว!” บุรุษร่างใหญ่ชุดเขียวดำคุกเข่าข้างเดียวอยู่หน้ารถม้าคันงามกล่าวอย่างนอบน้อม

 

 

ครู่หนึ่งม่านรถจึงถูกหญิงรับใช้หน้าตางดงามคนหนึ่งเลิกขึ้น แสงตะวันสาดส่องบนร่างบุรุษเยาว์วัยในรถม้า ทำให้ใบหน้าที่ออกจะซีดขาวสะท้อนความอบอุ่นขึ้นสองส่วน

 

 

เหมยซูกำลังหลับตาพักผ่อน เงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวเนือยๆ ว่า “ปิดทางน้ำและทางบกของตงอั้นให้หมด เข้าได้ห้ามออกถ้าข้าประเมินไม่ผิด พวกเขาน่าจะยังไม่มีปัญญาออกจากเมือง”

 

 

ชายฉกรรจ์ชุดรัดกุมผงกศีรษะทันที “ขอรับ บ่าวจะไปที่ซือหลี่เจียนและจวนอำเภอถ่ายทอดคำสั่งของท่านทันที”

 

 

เหมยซูพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ส่งคนไปตรวจสอบดูว่าในถ้ำเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าทางนั้นยังมีทหารที่โชคดีรอดชีวิต ให้พวกเขาเข้าร่วมภารกิจการค้นหาชิวเยี่ยไป๋กับพวกทันที”

 

 

ชายฉกรรจ์งงงัน “ทหารพวกนั้นเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน เกรงว่าเรี่ยวแรงจะไม่พอนะขอรับ”

 

 

เหมยซูพลันขัดขึ้น น้ำเสียงราบเรียบแต่เย็นเยียบ “ก็เพราะเรี่ยวแรงไม่พอนี่แหละ ทหารพวกนี้จึงเสียสละชีพอย่างกล้าหาญระหว่างการค้นหาโจรร้าย”

 

 

ชายฉกรรจ์สยิวกาย พริบตานั้นก็เข้าใจความหมายของเจ้านาย ทหารที่รอดชีวิตพวกนั้นรู้มากเกินไป ไม่เหมาะที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

 

สู้ยอมฆ่าผิดเป็นร้อยก็ไม่ปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว เป็นวิธีการทำงานของเจ้านายเสมอมา

 

 

ชายฉกรรจ์รีบประสานมือคารวะทันที “ขอรับ!”

 

 

เหมยซูพยักหน้าอย่างพอใจ พลันสั่งอีก “อีกสักครู่ข้าจะไปค้นหามหาโจรด้วยตนเอง”

 

 

เจ้าตัวใหญ่งงงันอีก มองดูแขนซ้ายของเหมยซูที่ยังพันผ้าอยู่กล่าวอย่างลังเลว่า “นายท่าน ท่านบาดเจ็บไม่น้อยยังคงพักผ่อนในบ้านเถิด คุณหนูใหญ่ก็หาพบแล้ว…”

 

 

เหมยซูพลันลืมตา ดวงตาที่สดใสยามนี้ฉายประกายเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย หัวร่อเบาๆ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าข้าไม่ปรากฏตัว พวกเจ้าไม่แน่ว่าจะจับตัวเหยี่ยวไห่ตงชิงได้”