บทที่ 4 ชายวัยรุ่น

รักหวานอมเปรี้ยว

กลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง เธอกลายเป็นมายมิ้นท์ที่สง่างามมีความมั่นใจ

ลาเต้ยิ้มบางๆ “วันนี้โกลเด้นทาวน์มีของดีเข้ามาสองสามอย่าง อยากไปดูหน่อยไหม?”

โกลเด้นทาวน์ เป็นสถานที่ใช้จ่ายเต็มเหนี่ยวเพื่อความบันเทิงอย่างสบายอารมณ์

มายมิ้นท์เซ็ง “พี่ว่างใช่ไหม ฉันเพิ่งจะกลับมาเป็นโสดนะ”

เขากะพริบตา แกล้งทำเป็นมีลับลมคมใน “ความจริงมีคนอยากเจอเธอ”

“ใคร?”

“คนนี้เธอเองก็รู้จัก เธอไปก็จะรู้เอง”

มายมิ้นท์ไตร่ตรองสักครู่ เธอพยักหน้า “โอเค”

ลาเต้มีห้องส่วนตัวสุดพิเศษในโกลเด้นทาวน์ หลังจากทั้งสองคนเข้าไป คนบนโซฟาก็ลุกขึ้นมองมา

เขาอายุประมาณยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงมาก ใบหน้าคมสัน คิ้วตาคม หลังจากเห็นเธอ แววตาเปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง

“พี่ครับ พวกเราเจอกันอีกแล้ว”

ชายวัยรุ่นตรงหน้ามายมิ้นท์คุ้นมาก แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

“เธอลืมไปแล้วเหรอ? หกปีก่อนเธอกับคุณพ่อของเธอในอำเภอแสงดาว ไม่ได้ช่วยเหลือนักเรียนยากจนหรือไง?”

ลาเต้พูดถึงเรื่องนี้ มายมิ้นท์ถึงจะนึกขึ้นได้ทันใด

“คุณคือ… ราเม็ง?”

คิ้วตาที่คมแต่เดิมของวัยรุ่นชายอ่อนโยนลงทันที มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มมีเสน่ห์ “ผมเองครับ”

ราเม็งเป็นคนคุยสนุก มายมิ้นท์ได้รู้จากปากลาเต้ว่า ตอนนี้ราเม็งเป็นนายแบบชื่อดัง หลุดพ้นจากความยากจนในถิ่นทุรกันดารแล้ว กลายเป็นคนมีชื่อเสียงที่มักจะปรากฏตัวบนนิตยสารของเมืองเดอะซีบ่อยครั้ง

มายมิ้นท์สนใจแต่ตระกูลนวบดินทร์ จึงไม่ค่อยไปสนใจเรื่องในวงการบันเทิงเหล่านั้น วันนี้แค่คิดว่าเด็กน้อยที่เคยน่าสงสารกลายเป็นหงส์ขาว ก็ทั้งดีใจและทอดถอนใจ

พูดคุยสักพักหนึ่ง ทั้งสามเตรียมตัวออกไป

แต่เพิ่งจะเดินผ่านบาร์ ขวดเหล้าสีเขียวลอยอยู่เหนือศีรษะของมายมิ้นท์

สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจคือ ราเม็งเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าเธอ นำเธอมาปกป้องไว้ในอ้อมแขนเสียก่อน เสียงดังเพล้ง ขวดเหล้าแตกใส่แผ่นหลังของเขาอย่างแรง

“พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

มายมิ้นท์ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง รีบตรวจดูแผ่นหลังของเขา โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าเย็นชามองไปทางที่ขวดลอยมา

เมื่อมองแวบแรก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นปีโป้!

“นังผู้หญิงสมควรตาย ไม่คิดว่ามึงจะนอกใจพี่ชายกู!”

ปีโป้มาดื่มเหล้ากับเพื่อนกลุ่มเสเพล เห็นอยู่นานแล้วว่ามายมิ้นท์เข้าไปในห้องกับผู้ชายสองคน นานสองนานถึงจะออกมา ไม่รู้ว่าทำเรื่องน่าละอายอะไรลงไปบ้าง เห็นพวกเขาพูดคุยหัวเราะกัน เขาหัวร้อนเขวี้ยงขวดในมือออกไป

ลาเต้ถลกแขนเสื้อก้าวขึ้นไป “เฮ้ย ไอ้เด็กนี้กวนตีนใช่ไหม”

มายมิ้นท์จับลาเต้เอาไว้ “ฉันเอง”

เธอย่างก้าวไปตรงหน้าปีโป้

ปีโป้แบะปาก “ขวดไม่โดนมึงเลย!”

มายมิ้นท์ใบหน้าไร้ความรู้สึก สายตาสงบเงียบทำให้คนหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ “ฉันมีคำพูดบางอย่างที่อยากจะพูดกับแกนานแล้ว”

“อะไร?”

“แกรู้ไหมว่าแกทำให้คนเกลียดมากแค่ไหน? ฉันแต่งงานกับพี่ชายแกมาหกปี แกไม่เคยเรียกฉันว่าพี่สะใภ้เลยสักครั้ง จะเปิดปากหรือปิดปากก็เอาแต่พูดว่า ‘นังผู้หญิงสมควรตาย’ เรียกแบบนี้ แกเข้าเรียนฉันต้องดูแลแก แกเลิกเรียนฉันยังต้องดูแลแกอีก ในวันธรรมดาไม่ใช่มาทำท่าทำทางใส่ฉัน มันหยาบคาย แกเรียนหนังสือมาสิบเจ็ดปี หนังสือมันเรียนเข้าไปมันไม่เข้าสมองเลยหรือไง?”

ปีโป้ได้ยินว่าเธอด่าตนเอง คิ้วเป็นเส้นตรง “มึงมัน…”

“หุบปาก” มายมิ้นท์ขัดจังหวะเขาอย่างรุนแรง และพูดต่อ “ฉันหย่ากับพี่ชายของแกแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับครอบครัวแกอีก ฉันจะไปกับใครมันก็เรื่องของฉัน แกไม่มีมีสิทธิ์ถาม ถ้าแกยังยั่วยุฉันอีก โทษทีนะ ชีวิตวัยรุ่นของแกต้องได้เข้าสถานีตำรวจสักครั้ง”

ปีโป้หน้าแดงขึ้น คำพูดทั้งหมดจุกอยู่ที่ลำคอ

มายมิ้นท์ไม่สนใจเขาอีก หันตัวเดินจากไป