บทที่ 56 นัดเจอซ่งหวั่นถิง
เย่เฉินให้คนไปลากตัวห้าคนนั้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วันนี้ กูจะไว้ชีวิตพวกมึงทั้งห้าคน แต่ถ้ามีใครกล้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปพูดละก็ กูจะฆ่าพวกมึงทั้งครอบครัว เข้าใจรึยัง?”
ทั้งห้าคนรีบพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ
ในเวลาแบบนี้ยังมีชีวิตรอดได้อยู่ นับว่าเป็นโชคดีมากแล้ว จะกล้าขัดคำสั่งของคุณเย่เฉินได้อย่างไร!
เย่เฉินเห็นทั้งห้าคนโดนตัวเองสั่งสอนจนอยู่หมัด เย่เฉินพยักหน้าอย่างภูมิใจ ก็หันไปพูดกับหลิวเย่วเซินพ่อของหลิวลี่ลี่ “คุณเอาเปรียบลูกน้องของผม งั้นก็ต้องชดใช้ พรุ่งนี้เอาร้านอาหารของคุณยกให้ลูกน้องของผม แล้วคุณกับลูกสาวของคุณก็ไสหัวออกจากร้านไป เข้าใจมั้ย?”
หลิวเย่วเซินพยักหน้า “เข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ผมจะรีบไสหัวไป”
เย่เฉินยังหันไปพูดกับจ้าวไห่เหิงพ่อของจ้าวตง “ลูกชายของคุณสวมเขาให้ลูกน้องของผม ยังทำร้ายร่างกายลูกน้องของผมอีก พรุ่งนี้คุณต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ลูกน้องของผม2,000,000 หยวน น้อยกว่านี้ก็ไม่ได้ เข้าใจรึยัง! ”
จ้าวไห่เหิงรีบพูดขึ้นมา “คุณชายเย่ พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินให้ลูกน้องของคุณ!”
เย่เฉินพอใจ หันไปพูดกับลูกน้องของท่านหงห้า “โอเคละ พวกแกลากตัวพวกขยะพวกนี้ออกไป!”
คนกลุ่มหนึ่งรีบนำตัวทั้งห้าคนออกไป
รอคนพวกเขาถูกนำตัวออกไป เย่เฉินจึงหันมาพูดกับอาเปียว “อาเปียว ครั้งนี้นายทำดีมาก”
อาเปียวมีสีหน้าที่ดีใจ รีบตอบ “คุณชายเย่ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
เย่เฉินตอบกลับเรียบ ๆ “พรุ่งนี้ฉันจะให้คนโอนเงิน2,000,000 หยวน เข้าบัญชีของนาย คิดซะว่าฉันให้นายเป็นรางวัลละกัน”
อาเปียวดีใจมาก รีบคำนับ “ขอบคุณครับคุณชายเย่ !”
ถึงแม้ตอนอยู่กันท่านหงห้าเขาจะได้มาไม่น้อย แต่ท่านหงห้าไม่ได้ใจกว้างอะไรมากมาย ที่จะให้ 2,000,000 หยวนในคราวเดียว
เย่เฉินส่งข้อความให้เฉินจื๋อข่าย ให้เขาช่วยโอนเงินให้อาเปียว ถึงแม้ในบัตรของเขาจะมีเงินเยอะ แต่ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะโอน
หนึ่งนาทีต่อมา เงินก็โอนเข้ามาในบัญชีของอาเปียว
อาเปียวตื่นเต้น รีบโน้มตัวคำนับเย่เฉิน
เย่เฉินยังหันไปพูดกันท่านหงห้า “หงห้า นายคงไม่ได้เห็นค่าเงินสองล้านหยวนนี่หรอก”
หงห้ารีบตอบ “คุณชายเย่ สามารถแบ่งเบาช่วยงานท่านได้ ถือเป็นเกียรติของกระผมอย่างมาก”
เย่เฉินตอบ “ฉันจะจำมิตรภาพครั้งนี้ไว้ วันข้างหน้าฉันจะให้โอกาสเติบโตยิ่งใหญ่แก่นายแน่นอน”
หงห้าได้ยินประโยคดังนั้น รีบคุกเข่าลงบนพื้น ก้มหัวคำนับหงเย่
สำหรับหงห้าแล้ว สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เงิน แต่เป็นการไต่ขึ้นไปอีกระดับ
แต่ว่า สำหรับคนอย่างเขาแล้ว การจะไต่ขึ้นไปช่างยากเย็นแสนเข็ญ
เฉินจื๋อข่ายคือคนที่เขาต้องการจะเข้าหา แต่เฉินจื๋อข่ายก็ดูถูกเขามาตลอด เพราะชาติกำเนิดของเขาต่ำต้อยสกปรก
ตอนนี้ แค่คำพูดของเฉินเย่ประโยคเดียว อาจทำให้เฉินจื๋อข่ายช่วยเขาได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ในอนาคตเขาก็จะสามารถไต่ระดับขึ้นไปได้แล้ว !
หลังจากให้รางวัลลูกน้องเสร็จแล้ว เฉินเย่หันกลับมา แล้วพูดกับหวังเต้าคุน “เรื่องวันนี้ นายพอใจไหม!”
หวังเต้าคุนรู้สึกตกใจอย่างมาก
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงมีฝีมือขนาดนี้
แม้แต่คนของจินหลิงก็ยังต้องก้มหัวให้เขา
เขาเหม่อไปพักใหญ่ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบตอบ “พอใจ! พอใจ!”
เย่เฉินพูดขึ้น “แค้นฉันชำระให้นายแล้ว ร้านอาหาร ฉันก็เอากลับมาให้นายได้แล้ว ค่าเสียหาย ฉันก็ให้นายแล้วสองล้านหยวน ต่อไป นายต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
หวังเต้าคุนรีบพูดขึ้น “เย่เฉิน ต่อไปฉันยอมทำเพื่อนายได้ทุกอย่าง เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ! ไม่ว่านายจะให้ฉันไปทำอะไร ฉันจะไม่อิดออดสักคำ”
เย่เฉินพยักหน้า พูดขึ้น “นายพักผ่อนรักษาตัวเองก่อน หายแล้วก็ตั้งใจดูแลกิจการร้านอาหาร ถ้ามีอะไรต้องการให้นายทำ ถึงเวลานั้นฉันค่อยบอกนาย”
หวังเต้าคุนรีบพูดตอบ “ฉันจะรอคำสั่งจากนาย”
เย่เฉินพูดต่อ “อ๋อ ใช่แล้ว เรื่องวันนี้ ห้ามเอาไปพูดกับใครทั้งนั้น ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าฉันเป็นใคร เข้าใจมั้ย?”
หวังเต้าคุนรีบพยักหน้า “เข้าใจ นายไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้ผมตายผมก็จะไม่พูดออกไป”
เย่เฉินตอบรับ “ฉันจะจัดคนสองคนมาช่วยดูแลนาย นายรักษาตัวเองให้ดี ฉันไปละ”
…….
ที่บ้าน เย่เฉินไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับเซียวชูหรันภรรยาของเขาฟัง
เขาไม่อยากให้ภรรยาของเขารับรู้เรื่องราวมากเกินไป เพราะสำหรับเธอแล้ว ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งปลอดภัยต่อตัวเธอเองมากเท่านั้น
วันที่ 2 ขณะที่เขาซื้อของอยู่ ทันได้นั้นก็ได้รับสายหนึ่งที่โทรเข้ามา เมื่อหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าคือซ่งหวั่นถิงทายาทแห่งตระกูลซ่งเป็นคนที่โทรเข้ามา
ในใจของเย่เฉินรู้สึกสงสัย ซ่งหวั่นถิงติดต่อเขามาด้วยเรื่องอะไรกัน?
เมื่อกดรับสาย เสียงของซ่งหวั่นถิงก็พูดขึ้น “คุณชายเย่ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่โทรมารบกวน หวังว่าคุณจะให้อภัย”
เย่เฉินนึกขึ้นได้และตอบกลับ “ขวดพอร์ซเลนอวี้หูที่ผมทำการซ่อมแซมให้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ซ่งหวั่นถิงรับตอบกลับ “เรื่องนั้นไม่ใช่ค่ะ ที่โทรมาหาคุณชายเย่วันนี้ เพราะมีเรื่องอื่นค่ะ”
เย่เฉินมีเสียงอือในลำคอ แล้วพูดขึ้น “ว่ามา”
ซ่งหวั่นถิงตอบ “คืออย่างนี้ค่ะ ไม่นานมานี้ฉันถูกใจของชิ้นหนึ่งแต่ไม่สามารถเอามาได้ คุณชายเย่คร่ำหวอดอยู่ในวงการของเก่าของโบราณ ไม่ทราบว่าพอจะรบกวนคุณชายเย่ให้ช่วยดูให้หน่อยได้หรือไม่ คุณชายพอจะสนใจหรือไม่?”
ที่จริงแล้วเย่เฉินไม่ได้รู้สึกชื่นชมของเก่าของโบราณขนาดนั้น แต่ตอนนี้เขายังขาดของสำคัญอย่างเรกิอยู่ และถามต่อไปว่า “คุณสามารถบอกผมได้ไหม ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร?”
ซ่งหวั่นถิงตอบ “เป็นหยกโบราณชิ้นหนึ่ง คนขายบอกว่า เมื่อนำมาประดับแล้วจะมีสรรพคุณช่วยสงบจิตใจ เรียกโชคดีขจัดโชคร้ายได้”
สมองของเย่เฉินก็นึกขึ้นได้
ในตำราเก้าเสวียนเทียนที่เขาบังเอิญได้มา เหมือนจะบันทึกเกี่ยวกับของศักดิ์สิทธิ์ไว้
ของศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมเรกิไว้ มักส่งผลดีต่อมนุษย์ เขาอยากรู้จริง ๆ ว่า ในโลกนี้จะสามารถหาของศักดิ์สิทธิ์แบบนั้นได้จริงหรือไม่ จึงตอบคำรับปาก “ได้ ผมจะพาคุณไป”
ซ่งหวั่นถิงตอบ “ขอบคุณท่านมากคุณชายเย่ งั้นพรุ่งนี้ 8 โมงเช้าฉันจะไปรับคุณ”
“ได้”
หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว เย่เฉินก็ครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
พวกคนรวยที่นับถือของที่สามารถบังคับลมฝน ทำให้จิตใจสงบ เรียกโชคดีขจัดโชคร้ายได้ ต่อไปเขาน่าจะเข้าไปคลุกคลีกับคนพวกนี้ ลองดูว่าจะมีโอกาสที่ดีหรือไม่
เช้าวันต่อมา
ซ่งหวั่นถิงขับรถมารับเย่เฉินตรงเวลา
เย่เฉินขึ้นรถ ซ่งหวั่นถิงขับรถออกไปและพูดขึ้น “คุณชายเย่ วันนี้เราไปซื้อหยกโบราณชิ้นนั้น ยังมีคนมาประมูลอีกหลาย บรรยากาศน่าจะตื่นเต้นน่าดู”
เย่เฉินพยักหน้า และพูดขึ้นมาเรียบ ๆ “คนจะน้อยจะเยอะก็ไม่เป็นไร อยู่ที่ว่าเป็นของอย่างไร หากเป็นของดี คนเยอะก็ไม่กลัว ผมเชื่อในความสามารถของคุณซ่ง ถ้าหากอยากได้ของสิ่งนั้นมาครอง คนอื่นก็ไม่อาจขัดขวางคุณได้”
ซ่งหวั่นถิงยิ้มขึ้นมาอ่อน ๆ “คุณชายเย่ก็ชมกันเกินไป ว่ากันว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า คนในเมืองจินหลิงที่เก่งกว่าฉันไม่รู้ว่ามีอีกเยอะเท่าไหร่”
เย่เฉินแกล้งทำเป็นถาม “เป็นไปได้หรือ? ตระกูลซ่งไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในจินหลิงหรือ?”
ซ่งหวั่นถิงหัวเราะและพูดขึ้น “นั่นมันแค่ภายนอก อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงหรอก ยกตัวอย่างผู้บริหารคนใหม่ของตี้เหากรุ๊ป แค่ตี้เหากรุ๊ปก็นำตระกูลซ่งของเราทั้งตระกูลไปไกลแล้ว ความสามารถของคนคนนี้สิถึงจะเรียกว่าเก่งแบบหาตัวจับยาก”
พูดไปซ่งหวั่นถิงก็ถอนหายใจไป “จริงแล้วฉันอยากจะรู้จักคนคนนั้นจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาลึกลับเกินไป ไม่สามารถหาช่องทางได้เลย”