“ว้าว! เจียงเสี่ยวหยูที่เพิ่งเดินลงมาข้างล่างอ้าปากค้าง” เธอแปลกใจมากที่คาเฟ่ของเราตอนนี้ชั่งกว่างขวาง “นี่คาเฟ่ของเราจริงๆ หรอ!?”
เธอวิ่งออกไปหน้าร้าน “หืม? ข้างหน้าไม่เห็นใหม่ ..”
“ทำไมเธอมายืนอยู่หน้าประตูละ?” นาหลันฮงวูที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถามเมื่อเห็นเจียงเสี่ยวหยูยืนเก้ๆ กังๆ
ฟางฉีทำหน้านิ่ง “ก็แค่ขยายร้าน ทำไมต้องทำท่าประหลาดใจกันแบบนั้น!”
“เจ้าพูดถูก!” นาหลันฮงวูมองไปที่ประตู “อ่อที่ยืนอยู่ตรงนี้เพราะอึ้งสินะ”
เขาเปิดประตูเดินเข้าไปในร้าน
“…”
ดวงตาของเขาเบิกโพง “ใหญ่มาก”
ซูเทียนจิทำหน้าประหลาดใจ “นี่ผู้อยู่เบื้องหลังเขากำลังจะเปลี่ยนร้านให้เป็นรัฐหรอ?”
“จากนี้ไปเราไม่สามารถเรียกที่นี่ว่าร้านค้าเล็กๆ ได้อีก” ตงชิงลี่พูดอย่างตื่นเต้น “ที่นี่เปลี่ยนแปลงเป็นร้านที่ยิ่งใหญ่โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งคืน! มีคอมพิวเตอร์มากมาย นี่ท่านผู้อยู่เบื้องหลังทำให้ท่านหรอ?”
“หืม? เบาะนี่นุ่มกว่าขนสัตว์ปีศาจอีก” จางวันยูนั่งเล่นอยู่บนโซฟา “มันเด้งมาก”
“จริงหรอ? ขอฉันลองบ้าง”
เจียงเสี่ยวหยูหันมา “ฉันลองด้วย!”
ฟางฉีทำหน้าเซง “พวกท่านจะเล่นมั้ย?”
“รีบหรอ? มันไม่ต้องต่อแถวแล้วนี่” ซูเทียนจิเอนหลังบนโซฟา “พวกเธอเตรียมบะหมี่ให้ข้าด้วย!”
“รับทราบค่ะท่านอาจารย์!” เฟงหัวและยูซินเดินไปเตรียมบะหมี่อย่างสนุกสนาน
ฟางฉียืนนิ่ง ..
“เอาละ กินบะหมี่กันเถอะ!” พวกเขาไม่สามารถเล่นเกมไปกินไปได้ในเวลาเดียวกัน นาหลันฮงวูจึงเลือกนอนพักบนโซฟาที่นุ่มสบาย “นี่เมื่อไรเจ้า่จะปล่อยละครกระบี่เทพสังหารตอนที่เจ็ดและแปดสักที?”
“จะทำการเพิ่มตอนเฉพาะวันพฤหัสเท่านั้น” ฟางฉีที่นอนเล่นอยู่บนโซฟาตะโกน “เสี่ยวหยูข้าขอบะหมี่ด้วยคน!”
เจียงเสี่ยวหยูทำหน้ามุ่ยน้ำตาคลอ ฮือออ .. ฉันทำได้แค่เตรียมบะหมี่ แต่ไม่สามารถลิ้มรสมันได้เลย
…
ฟางฉีที่รับบะหมี่มาจากเสี่ยวหยู เขาเปิดฝาระบายความร้อนพลางดูรายการภารกิจในหน้าอินเทอร์เฟซของระบบ
คนอื่นรอบข้างต่างนั่งหัวเราะและพูดคุยในขณะที่กินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย
ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งจับกลุ่มกัน ลูกค้าใหญ่ก็เริ่มทยอยเข้ามาในคาเฟ่ ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ เดินเข้ามาประจวบกับที่เขาเห็นฟางฉีเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดานดำ
“ท่าน! กำลังเขียนอะไรอยู่น่ะ?” หลังจากชื่นชมบรรยากาศใหม่รอบๆ ร้านแล้ว ซงฉิงเฟิงและเพื่อนๆ ก็เดินเข้าไปหาเจ้าของร้าน “เอาดี? นี่รายการใหม่อีกแล้วหรอ?”
“ใช่แล้ว!” ฟางฉีพยักหน้า
“เพื่อเดิมเต็มความว่างเปล่าหลังจากดูละครกระบี่เทพสังหาร นี่เป็นส่วนหนึ่งในการจัดการกับจิตใจที่ไม่มั่นคง ฝึกฝนความแข็งแกร่งให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คาเฟ่ของเราได้สร้างเกมนี้ให้พวกท่านโดยเฉพาะ” ฟางฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไซเลนต์ฮิลล์?” ซูฉีซินที่เดินตามหลังมาด้วยเอ่ย “หืม .. เป็นเวลานานพอสมควรที่คาเฟ่ไม่ได้ลงเกมใหม่”
“เกมใหม่?” นาหลันฮงวูและซูเทียนจิที่เดินผ่านมาได้ยินพอดี แม้ที่นี่จะมีรายการใหม่มาอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่เห็นเกมใหม่ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว
ซูเทียนจิเองเล่นเกมเซียนกระบี่พิชิตมารผ่านไปแล้วสามครั้ง แถมเธอยังคงเล่น CS อยู่เช่นเดิมหากมีคู่แข่งที่มีความสามารถน้อยกว่าเธอ
นาหลันฮงวูเองก็ไม่แพ้เธอ เขาเล่น Diablo Act III ผ่านแล้วและกำลังรอ Act IV อยู่ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาส่วนมากไปกับการตามหาไอเทมใหม่ๆ และก็ยังคงเล่น CS กับผู้เล่นหน้าใหม่เช่นกัน
ในขณะที่พวกเขารอการเพิ่มตอนของละครกระบี่เทพสังหาร นี่ถือเป็นข่าวดีในการสร้างความบันเทิงให้ตัวเอง
…
“ไซเลนต์ฮิลล์?” พวกเขามองหน้ากัน ชื่อนี้ .. ค่อนข้างแปลก
“เพื่อจัดการกับจิตใจที่ไม่มั่นคง? และความอ่อนแอ?” นาหลันฮงวูทำหน้าครุ่นคิด “มันเป็นเกมที่ฝึกจิตใจให้แข็งแกร่งหรอ? คนหนุ่มสาวสมัยนี้ช่างทรหด”
“เป็นเรื่องที่ดีน่าคิดพิจารณา” ซูเทียนจิมองหน้าฟางฉีและเอ่ยด้วยความปนะหลาดใจ
เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ นี่เกมร้านนี้สามารถพัฒนาจิตของคนและขจัดความชั่วร้ายในใจได้ด้วยหรอเนี่ย!?
นี่เป็นคุณสมบัติของเกมที่เหมาะกับคนหนุ่มสาวมาก แต่สำหรับผู้ปลูกฝังอย่างเธอแล้ว การฝึกฝนขั้นสูงสุเที่ยากเย็นคือการเอาชนะความชั่วร้ายในขณะการเพาะปลูก
ซูเทียนจิเองก็กำลังสงสัยว่าเธอมีจุดอ่อนหรือไม่และเกมจะช่วยจัดการกับมันได้หรือเปล่า
ฟางฉีหยักไหล่และตอบกลับ “ที่นี่เราให้บริการครบวงจร”
“เกมใหม่ดีมั้ย? มันสามารถพัฒนาจิตใจให้แข็งแกร่งหรอ?” ซูฉีซินในฐานะผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากเอ่ยถาม เธอมีความแข็งแกร่ง แต่จิตใจของเธอในตอนนี้ไม่ค่อยมั่นคงสักเท่าไรเนื่องจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแถมยังชอบลองสิ่งใหม่ๆ ดังนั้น “ท่าน! ข้าขอเปิดใช้งาน ไซเลนต์ฮิลล์!”
ฟางฉีเอ่ยเตือน “อย่างไรก็ตามเกมนี้น่ะ มีการตั้งค่าบางอย่างที่พิเศษแตกต่างจากเกมอื่น ตัวอย่างเช่น ระหว่างการต่อสู้พวกท่านไม่สามารถออกจากโหมดความเป็นจริงได้และไม่สามารถลดความรู้สึกเจ็บปวดต่ำกว่าครึ่งนึง”
เขาอธิบายการตั้งค่าของเกมใหม่ ตัวอย่างเช่นใน Resident Evil หากผู้เล่นยอมแพ้การต่อต้านและใกล้ตายพวกเขาสามารถออกจากโหมดเสมือนจริงได้โดยเลือกใช้การควบคุมจากแป้นพิมพ์และใช้เมาส์แทนเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม .. เกมนี้ใหม่นี้ พวกเขาไม่สามารถออกจากความเป็นจริงได้จนกว่าตัวละครจะตาย หากเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งแล้วก็ต้องเล่นให้จบเป็นครั้งไป
นอกจากนี้ระบบจะปิดการสื่อสารจากโลกภายนอกโดยอัตโนมัติ หากผู้เล่นเข้าสู้พล็อตเรื่องหลักแล้วทางระบบจำทำการตั้งค่าตัวเลือกใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงมลภาวะทางเสียง เพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่นและไม่ให้ผู้อื่นรบกวน
“วันนี้ท่านไม่ได้เล่นเกมใหม่มช่มั้ย?” นาหลันหมิงสื่อเดินเข้ามาถาม
ฟางฉีเหลือบมองไปรอบๆ ร้าน “ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมเท่าไร ขอยืนดูก่อน”
“โอ้ งั้นฉันขอดูด้วย” นาหลันหมิงสื่อซื้อโค้กหนึ่งควรพร้อมยืนดูเช่นกัน
“เราจะเล่นมันกันมั้ย?” จางวันยูหันไปถาม
“ดูก่อนละกัน” ตงชิงลี่ตอบกลับ เธอยังคงเล่นเกมเซียนกระบี่พิชิตมารและ Diablo ติดลมอยู่
“ฉันอยากดูเกมใหม่ด้วย” เจียงเสี่ยวหยูเองเอ่ย
“ฮ่าๆ ๆ ๆ เราเล่นเกมใหม่กันมั้ยวันนี้” หลินเซียวและซูเหลียวหัวเราะ “นี่ซงฉิงเฟิง เจ้าลองเล่นและสำรวจเกมเลย!”
“ท่านอาจารย์ เล่นด้วยกันมั้ย?” เฟงหัวและยูซินเปิดใช้งานเกมเป็นที่เรียบร้อย
“นี่เจ้า เกมนี้มีตัวเลือกสำหรับผู้เล่นหลายคนมั้ย?” ซูเทียนจิถาม
“ไม่”
“พวกเจ้าเล่นไปก่อนละกัน” ซูเทียนจิพูดกับลูกศิษย์ด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“รับทราบท่านอาจารย์!”
“ฉันขอดูก่อนละกัน”