บทที่ 221 – หอกและหีบสมบัติ (1)
ยูเรลกำลังยืนรออยู่ที่ชายขอบของพื้นที่พร้อมกับกลุ่มแฟรี่ถ้ำ ในทันทีที่ทีมปฏิบัติการโผล่ออกมา พวกเขาก็ได้ขอให้แฟรี่ท้องฟ้าทำการชำระล้างทันที
แต่ว่าผลของการชำระล้างกลับไม่ได้เกิดขึ้น ตามที่แฟรี่ท้องฟ้าบอกมันไม่ใช่เพราะว่ากิ่งต้นไม้โลกมันไร้ประสิทธิภาพ แต่นั่นเพราะพวกเขาไม่ได้ติดคำสาปต่างหาก
แฟรี่ท้องฟ้าได้สับสนกันขึ้นมา แต่ซอลจีฮูก็พอจะเดาได้ว่าทำไม เขาก็ไม่มั่นใจนัก แต่ว่าโรเซร่าอาจจะเป็นคนจัดการ
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ยูเรลสงสัยเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่พวกเขาจะออกมาได้โดยไร้บาดแผลเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับผลจากคำสาปอีกด้วย
ซอลจีฮูได้จัดเตรียมก๋วยเตี๋ยวสี่ชามเอาไว้ให้กับแฟรี่ท้องฟ้าที่จ้องมองมาที่เขาด้วยตาเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะค่อยๆอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านใน
“โรเซร่า ลา กราเซีย…”
ยูเรลได้ตั้งใจฟังซอลจีฮูพูด แต่ว่าเธอมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่สงสัย
“หากว่าเราเข้าไป เธอจะทำกับเราเป็นแขกเหมือนกันไหม?”
ซอลจีฮูได้บอกว่าเขาไม่มั่นใจเรื่องนี้
การที่ทีมปฏิบัติการสามารถไปเจอกับโรเซร่าได้นั่นมันก็เพราะโฟลนตั้งแต่แรกแล้ว หากว่าพวกเขาไม่ได้มีจี้หรือมีโฟลนไปด้วยกับพวกเขา ถ้างั้นพวกเขาก็จะต้องเจอกับการแจ้งเตือนขั้นที่ 2 ของจารึกที่ถูกเปิดใช้งาน และทำให้ทีมปฏิบัติการจมลงไปในวิกฤติที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิมอีก
แต่ว่าหากพวกเขาตื่นขึ้นมาได้ด้วยตัวเองเหมือนกับเทเรซ่าก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ถ้างั้นเราจะจำกัดไม่ให้คนของเราเข้าไปเหมือนเดิม”
หลังจากหัวเราะแห้งๆออกมา ยูเรลก็ถามขึ้น
“ฉันได้ฟังเรื่องราวที่น่าสนใจแล้วสิ แล้วนี่นายจะกลับไปเลยไหม?”
“ใช่ครับ ผมก็คิดไว้ว่าแบบนั้น”
“ก็รู้สึกแย่อยู่นะที่เราต้องกล่างลากัน”
ยูเรลยังได้เสริมขึ้นพร้อมกับเหล่ตาออกมา
“ก๋วยเตี๋ยวนั่นน่ะ”
“เป็นการเจอกันที่สนุกมากครับ ผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ”
หลังจากเผยความในใจของเธอออกมาแล้ว ยูเรลก็ยื่นมือออกมา และซอลจีฮูก็ได้จับมือเธออย่างไม่ลังเล
หลังจากจับมือกันแล้ว ในที่สุดทีมปฏิบัติการก็ได้เตรียมตัวเดือนทางกลับมา
‘ว่าไปแล้วก็นะ’
เขาได้สร้างความสัมพันธ์กับสหพันธรัฐไว้แล้ว
ซอลจีฮูได้ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจโดยคิดว่าแม้ว่าปฏิบัติการจะไม่ได้ราบรื่นไปหมด แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาก็มากมายอย่างแน่นอน
ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง เขาก็ได้หันกลับไปมองที่เจดีย์แห่งความฝัน
ป่า…
“…”
…ยังคงเปล่งประกายแสงสีทองและสีน้ำเงิน
เหมือนอย่างเคยในตอนนี้ปฏิบัติการยังไม่ได้จบลงจริงๆ
ดีแลนด์ได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่าแค่ทำตามเป้าหมายสำเร็จไม่ได้หมายความว่าปฏิบัติการจบลงไปแล้ว มันจะจบลงจริงๆก็ต่อเมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัยเท่านั้น
ดังนั้นก่อนเริ่มการเดินทาง ซอลจีฮูจึงเร่งเร้าทุกๆคนไม่ให้ลดความระวังลงจนกว่าพวกเขาจะไปถึงฮารามาร์ค
ความเร็วในการเดินทางกลับของพวกเขาได้ช้าลงไปมากเพราะมรดกมากมายที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋า แต่ไม่ว่าจะยังไงกระเป๋าเวทมนต์ก็ได้ช่วยลดน้ำหนักลงไปจนเหลืออย่างน้อยหนึ่งในสิบ หรือหนึ่งในยี่สิบ เพราะงั้นการขนกลับไปจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมกานัก
ทีมปฏิบัติการได้เดินฮัมเพลงกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งพวกเขาได้ออกมาจากเขตชายแดนพวกเขาถึงได้หยุดลง
พระอาทิตย์ยังไม่ได้ตกดิน มันยังคงเร็วเกินไปที่จะตั้งแคมป์ แต่ว่าพวกเขาก็มีเหตุผลในการหยุดเดินทางอยู่
ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรการคำนวณก็เป็นสิ่งที่จำเป็น การคำนวณจะต้องไม่มีความผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแบ่งของรางวัล
ในที่สุดแล้วซอลจีฮูก็พูดในคำที่ทุกๆคนรอคอยออกมา
“วันนี้พวกเราจะตั้งแคมป์กันที่นี่”
“ให้ตายสิ นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ต้องใช้มานาในระหว่างการเดินทาง”
ฟีโซราได้บ่นออกมาพร้อมกับวางกระเป๋าลง
ซอลจีฮูได้หัวเราะขึ้นมา
“ถ้าเราพาคนแบกของมาด้วยก็คงจะง่ายขึ้นล่ะเนอะ”
“อืมม… ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วนะว่าทำไมเราถึงไม่พามาด้วย”
เมื่อมองไปที่กระเป๋า ฟีโซราได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะเริ่มยืดร่างกาย เธอทำสีหน้าจริงจังเหมือนกับนักกีฬาที่กำลังจะเริ่มแข่งนัดสำคัญ
…เธออยากจะรีบสรุปผลรางวัลโดยรวมของปฏิบัติการนี้ และยืนยันถึงรางวัลส่วนของเธอ
และเพราะงั้นทีมปฏิบัติการจึงรีบตั้งแคมป์ และเริ่มทำงานบัญชีกัน
พวกเขาต้องใช้เวลานานพอควรไปกับการจัดการทรัพย์สินเหล่านี้ แต่ว่าโชคดีที่โรเซร่าได้จัดแยกสมบัติไว้ให้ และทุกๆคนก็ทำงานอย่างเต็มใจ การคำนวณรายรับจึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
อย่างแรกคือเหรียญทอง- ไม่สิ ไข่ทองคำ คาซุกิได้ชั่งน้ำหนักของพวกมัน และพบว่าไข่ทองคำแต่ล่ะใบต่างก็มีน้ำหนักประมาณ 70 กรัม
เมื่อคำนึงถึงน้ำหนักโดยเฉลี่ยของเหรียญทองในพาราไดซ์ที่มีน้ำหนักประมาณ 1 ออนซ์แล้ว ไข่ทองคำแต่ล่ะฟองจึงมีค่าอยู่ที่ 2.5 เหรียญทอง
ไข่ทองคำมีอยู่ทั้งหมด 800 ใบ หรือในแง่ของเหรียญทองก็คือ 2,000 เหรียญ
เนื่องจากว่าสมาชิกทีมมีทั้งหมดแปดคน แต่ล่ะคนจึงจะได้รับทองคำมูลค่าเท่ากับ 250 เหรียญทอง และหากตีค่าเป็นเงินสด แต่ล่ะคนก็จะได้รับเงินอยู่ที่ 126 พันล้าน 250 ล้านวอน
แน่นอนว่าต้องคำนึงไว้ด้วยว่าราคาตลาดระหว่างพาราไดซ์กับโลกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ว่าความจริงที่ว่ามันเป็นจำนวนเงินที่มากมหาศาลเกินจินตนาการก็ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการคำนวณรายรับนี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในเจ็ดส่วนของทรัพย์สมบัติทั้งหมดเท่านั้น
ทั้งทีมได้ข้ามการกินอาหารเย็น และดำเนินการคำนวณรายรับต่อโดยไม่มีใครบ่นออกมาแม้แต่คนเดียว
การคัดแยกอัญมณีคืองานที่ยากขึ้นมาหน่อย แต่ว่าด้วยสายตาที่เฉียบคมของคาซุกิกับมาแชล จิโอเนีย ทำให้งานได้เป็นไปอย่างราบรื่นจนจบลง
ในเวลาเดียวกัน ซอลจีฮูก็ได้เปิดกล่องเล็กๆเพื่อตรวจดูของข้างใน กล่องมีน้ำหนักเบากว่าที่คาดไว้ และภายในก็มีของที่ถูกผ้าฝ้ายนุ่มๆห่อเอาไว้
ยกตัวอย่างเช่นกล่องสุดท้ายที่เขาเปิดขึ้นมีคริสตัลถูกแกะสลักเป็นรูปนก แค่มองดูมันก็งดงามมากๆอยู่แล้ว แต่นี่ยังมีแสงจากๆส่องออกมาจากผิวของมันทำให้มันดูพิเศษมากอีกด้วย
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังพลิกดูไปมา โฟลนก็พูดขึ้น
[เป็นเครื่องเซ่นล่ะ]
“เครื่องเซ่นงั้นหรอ?”
[ใช่แล้วล่ะ มันมีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ ถึงจะไม่มาก แต่ก็น่าจะเป็นเครื่องเซ่นระดับสูงได้เลย]
“ว้าว ไม่ใช่ว่าเครื่องเซ่นระดับสูงมันหาได้ยากมากหรอกหรอ?”
[นายพูดอะไรอยู่กัน!? เครื่องเซ่นที่จะนำไปถวายให้เทพควรจะอยู่ในระดับสูงสุด หรืออย่างน้อยก็อยู่ในระดับบนสิ]
ไม่ว่าจะแบบไหนซอลจีฮูก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ถึงมันจะไม่พอทำให้ซอยูฮุยกลับมาเป็นปกติ แต่ว่ามันก็ต้องช่วยเธอได้แน่
“เฮ้ ซอล! อย่าเอาแต่นั่งเล่นสิ มาช่วยฉันตรงนี้หน่อย!”
โชฮงที่กำลังนั่งนับเหรียญเงินได้ตะโกนออกมา และกวักมือเรียกเขา ซอลจีฮูได้รีบเดินเข้าไป
ขณะพวกเขากำลังยุ่งไปกับการจัดของเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พระอาทิตย์ได้ตกดิน และดวงจันทร์ก็ขึ้นจ้า จากนั้นกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นรุ่งอรุณที่แสงตกกระทบมาบนใบหญ้า
ในที่สุดพวกเขาก็คำนวณรายรับได้เสร็จแล้ว
“…ตลอดเวลาที่อยู่ในพาราไดซ์ ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีวันที่ฉันได้มานับคำนวณเหรียญทองแบบนี้”
คาซุกิได้ลุกขึ้นมาเช็ดเหงื่อ จากนั้นเขาก็ส่งกระดาษไปให้กับซอลจีฮู
“นี่คือสรุปผลรับรวมสุดท้ายแล้ว ลองดูสิ”
ซอลจีฮูได้รีบรับกระดาษมา ภายในนั้นมีหมวดหมูและตัวเลขจำนวนมากถูกเขียนเอาไว้อย่างเรียบร้อย
1.แท่งทองคำ 18 อัน (600 กรัมต่อชิ้น รวมทั้งหมด 10.8 กก. ตีเป็นมูลค่าประมาณ 386 เหรียญทอง)
2.ไข่ทองคำ 800 ใบ (70 กรัมต่อใบ รวมทั้งหมด 56 กก. ตีเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 เหรียญทอง)
3.ก้อนเงิน 1,200 ก้อน (800 กรัมต่ออัน รวมทั้งหมด 960 กก. ตีเป็นมูลค่าประมาณ 31 เหรียญทอง)
4.เหรียญทอง 56,000 เหรียญ (31 กรัมต่อเหรียญ รวมทั้งหมด 1,736 กก. ตีเป็นมูลค่าประมาณ 56 เหรียญทอง)
5.อัญมณี 5,400 ก้อน (ทับทิม, ไพลิน, มรกต, โอปอล, อเมทิสต์, มุก, บุษราคัม,เพอริดอท มีอย่างล่ะ 675 ต่อชนิด)
6.เครื่องเซ่น 20 อัน
7.อื่นๆ
น้ำหนักเฉลี่ยเหรียญทอง: 28 กรัม
น้ำหนักเฉลี่ยเหรียญเงิน: 31 กรัม
“โอ้วว…”
ยิ่งอ่านไปซอลจีฮูก็ยิ่งฉีกยิ้มออกมา ในท้ายที่สุดเสียงหัวเราะก็หลุดมาจากปากของเขา
“แล้วสรุปแล้วเป็นกี่เหรียญทองล่ะ”
เทเรซ่าได้แทรกตัวเข้ามาระหว่างชายทั้งสองคน และถามขึ้น
“ฉันไม่รู้”
คาซุกิได้ตอบกลับไปนิ่งๆ
“นับตั้งแต่รายการที่ห้าลงไป สมองของฉันกำลังจะระเบิดจากการคำนวณมูลค่าของมันแล้ว นี่มันคือขีดจำกัดของฉัน”
“ก็คงงั้นแหละนะ”
เทเรซ่าได้ยอมรับออกมา และมองไปที่ซอลจีฮูที่กำลังหัวเราะด้วยความยินดี
“แล้วเมื่อไหร่เราจะแบ่งเจ้าพวกนี้กันล่ะ?”
ซอลจีฮูได้ยิ้มกว้างและมองสมาชิกรอบๆ
“ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ?”
เสียงเชียร์ได้ดังลั่นออกมา การคำนวณรายรับได้จบลงไปแล้ว และเวลาการแบ่งรางวัลที่พวกเขารอคอยก็มาถึงแล้ว ทุกๆคนต่างก็ปลดปล่อยความตื่นเต้นที่เก็บเอาไว้ระหว่างการเดินทางออกมา
“วู้วววววว~!”
โชฮงได้ลุกขึ้นมาเต้นรำ และตีมือกับฮิวโก้
“ว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฟีโซราก็ยังปรบมือแสดงความยินดีออกมาอย่างบ้าคลั่ง เทเรซ่าก็ยังเริ่มทำตามเธอโดยบอกว่าการเต้นนี่มันน่าสนใจ
เมื่อเห็นหญิงสาวทั้งสองคนเป็นแบบนี้ ซอลจีฮูก็หัวเราะออกมา
นี่มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนุกจริงๆ
ในเวลาเดียวกันคาซุกิก็ได้เฝ้ามองดูทั้งทีมฉลองกันอยู่ห่างๆ
“…นายมั่นใจนะว่าแบบนี้มันดีแล้วน่ะ?”
เขาได้พูดขึ้นมาหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซอลจีฮูที่กำลังหัวเราะจนร้องไห้ได้ชะงักไป
“เรื่องอะไรหรอครับ?”
“ส่วนแบ่งไง”
คาซุกิได้เม้มปากออกมา
“ปฏิบัติการนี้… ต่อให้นายอ้างสิทธิ์เอาส่วนมากไปก็จะไม่มีใครพูดอะไรเลย ใช่แล้ว พวกเขาจะไม่พูดอะไรเลยสักนิด”
เสียงโห่ร้องได้หยุดไปในทันที สายตาของทุกๆคนได้หันกลับมาจับจ้องที่ซอลจีฮูกับคาซุกิ มีอยู่บางคนที่กระทั่งมองมาด้วยความไม่พอใจ
นี่ก็เป็นธรรมดา มันไม่มีอะไรที่จะอ่อนไหวไปกว่าปัญหาเรื่องการแบ่งส่วนแบ่งอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนจบปฏิบัติการ และคนพูดคือคนนำทาง
ถึงแบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครพูดออกมาโดยไม่คิด นั่นก็เพราะว่าไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าคาซุกิพูดผิดไป
คาซุกิได้พูดต่ออย่างหนักแน่น
“แน่นอนว่านายได้กำหนดเงื่อนไขบางอย่างอย่างการเก็บเอาเครื่องเซ่นทั้งหมดไว้แล้ว แต่ว่าฉันคิดว่าส่วนแบ่งในปัจจุบันมันก็ยังไม่ยุติธรรม”
“ตะ แต่ว่าแม้กระทั่งคนแบกของก็ยังได้รับส่วนแบ่งเท่ากับคนอื่นๆนอกจากอาร์ติแฟค…!”
มาเรียได้รีบตะโกนออกมา
“หากว่าเราเป็นคนแบกของ ฉันก็จะไม่มีอะไร”
คาซุกิได้ขัดขึ้นมา
“สมาชิกทุกๆคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเองภายในทีม แต่ว่ายกเว้นซอลกับเจ้าหญิงเทเรซ่าแล้ว… การแบ่งของที่ได้จากปฏิบัติการตามข้อตกลงเดิมนี่มันไม่ได้ต่างไปจากการได้ของฟรีเลย”
เขาไม่ได้พูดผิด พูดตรงๆอย่างน้อยเทเรซ่าก็ได้หลุดออกมาจากฝันร้ายด้วยพลังใจของตัวเอง หากจะพูดว่าสมาชิกคนอื่นๆไม่ได้ทำอะไรเลยระหว่างปฏิบัติการก็ไม่ได้ผิดนัก
“ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอกนะ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเพิ่มส่วนแบ่งให้กับสมาชิกที่ทำผลงานได้สูง”
ซอลจีฮูได้ครุ่นคิดกับตัวเอง นี่มันเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
สิ่งสำคัญคือการยอมรับหรือไม่ยอมรับ ซอลจีฮูได้เปรียบเทียบถึงการรับส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นกับการทำเหมือนเดิม
และคำตอบก็ได้ออกมาในทันที ซอลจีฮูได้ยิ้มขึ้น
“คุณพอจะบอกความเห็นของคุณในฐานะคนนำทางได้ไหม?”
“งั้นนายกำลังจะบอกว่า…?”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ แต่ว่าผมขอปฏิเสธ”
มาเรียที่กำลังกระสับกระส่ายได้เงยหน้าขึ้นมา และคาซุกิได้มองมาที่เขาเหมือนกับถูกกระแทกอย่างแรง
“ข้อตกลงการแบ่งส่วนแบ่งได้ทำเสร็จก่อนที่เราจะเริ่มปฏิบัติการกันแล้ว การเปลี่ยนแปลงมันหลังจากที่ทุกๆอย่างจบลงไปมันเหมือนกับการทำลายคำพูดของตัวเองน่ะ”
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่เขาก็ยังมีเหตุผลที่แท้จริงอยู่อีก
เขาไม่อยากที่จะสร้างความไม่ลงรอยกัน และแสดงความโลภออกมาในเมื่อนี่เป็นแค่ ‘ส่วนหนึ่ง’ ของมรดกทั้งหมดเท่านั้น นั่นมันก็เพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่เขาอยากจะอยู่ด้วยกันอีกในอนาคต เพราะงั้นเขาก็เลยอยากจะแบ่งปันกันให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
คาซุกิได้ถามออกมา
“นายไม่รู้สึกอึดอัดหรอ? สิ่งที่นายได้ทำลงไปในปฏิบัติการนี้อย่างน้อยมันก็ 80% เลยนะ”
“ไม่เลยสักนิดครับ”
ซอลจีฮูได้ส่ายหัวออกมา หากเอาตามที่คาซุกิพูด การมอบมรดกทั้งหมดให้กับโฟลนเท่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
“หากว่าปฏิบัติการนี้มีคนอื่นๆด้วย มันก็จะเป็นอีกเรื่องหากคนๆนั้นพยายามหลีกเลี่ยงหน้าที่ของตัวเอง แต่ว่านี่มันก็เพราะสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ได้นี่นา”
หลังจากพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ซอลจีฮูก็ได้สะบัดกระดาษในมือ
“ส่วนแบ่งรางวัลจะเอาตามเดิม ผมจะไม่แสดงความเห็นอะไรเพิ่มขึ้นอีก”
“โอ้วววว-“
เสียงเชียร์เบาๆได้ดังออกมาจากคำพูดที่หนักแน่นของเขา
“…ก็ตามใจ”
คาซุกิได้มองมาที่ซอลจีฮูก่อนจะหยักไหล่ออกมา
ทันทีที่คาซุกิถอยออกไป มาเรียก็กระโจนเข้ามาหาเขา
“พี่ชายยยยยย!”
เธอได้กอดเขาแน่นและร้องออกมา
“พี่ชายโครตเท่! ฉันเชื่อในตัวพี่ชายย!”
“อ่า… ครับ”
ซอลจีฮูได้ยิ้มแห้งๆออกมา ในตอนนั้นเอง-
“รอเดี๋ยวนะ”
เทเรซ่าได้ยกมือขึ้นมา และก้าวขึ้นมาราวกับยังคุยไม่จบ
“จริงๆแล้ว ฉันคิดว่าสิ่งที่คาซุกิพูดก็ถูกอยู่นะ”
ซอลจีฮูไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่ว่าภายในใจของเขารู้สึกไม่สบายใจ เขาเพิ่งจะบอกไปว่าเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอีก แต่ว่าทำไมเธอถึงได้ยังพูดเรื่องนี้อีกล่ะ
“แล้วแบบนี้เป็นยังไงล่ะ?”
สิ่งที่เทเรซ่าพูดต่อจากนี้ก็คือเรื่องตัวตนของโฟลน และบอกว่าเธอก็ควรที่จะได้รับส่วนแบ่งเช่นกัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเอาเรื่องโฟลนมาพูด เพราะงั้นซอลจีฮูได้กลายเป็นตกตะลึงขึ้นมา
[!]
โฟลนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ว่าเธอดูจะตกใจมาก
ซอลจีฮูเป็นคนที่มีไหวพริบ เพราะงั้นเขาจึงเข้าใจในสิ่งที่เทเรซ่ากำลังแนะนำ
ไม่เพียงแค่พฤติกรรมที่ผิดปกติเท่านั้น เขายังได้พูดกับตัวเอง และโรเซร่าก็ได้พูดเช่นกัน มีอยู่หลายครั้งที่มีการพูดถึงเจ้าของมรดกที่แท้จริง
งึมงัมๆ
เสียงพึมพำวุ่นวายได้ดังขึ้นมา ในคราวนี้ซอลจีฮูไม่อาจจะปัดคำแนะนำนี้ให้ตกลงไปได้
คำแนะนำของเทเรซ่านั้นสมบูรณ์แบบ จริงๆแล้วที่ปฏิบัติการนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้นั่นก็เพราะโฟลน และจากทุกๆคนเธอก็ได้มีส่วนช่วยในปฏิบัติการนี้ให้สำเร็จมากที่สุดอีกด้วย