ตอนที่ 222

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 222 – หอกและหีบสมบัติ (2)

ซอลจีฮูรู้สึกได้ว่ามาเรียที่อยู่ในอ้อมกอดเขากำลังตัวสั่นอยู่ โชฮงได้เข้ามาเตะก้นเธอทันที

“เฮ้ นี่เธอกำลังทำอะไร? รีบตัดสินใจเร็วเข้า”

“หากว่าเธอยังมีจิตสำนึกก็ตกลงซะ”

ฮิวโก้ก็ได้แทรกเข้ามาโดยที่เขาก็รู้ว่ามาเรียคงจะรู้สึกยังไง

“นะ…”

“นะ?”

“แน่นอน… ตกลง…”

ถึงแม้ว่าเธอจะกัดฟันพูดออกมา แต่เธอก็ตอบตกลง

เพราะแบบนี้โฟลนจึงได้รับส่วนแบ่งของสมบัติไป เนื่องจากว่าเธอมีสิทธิโดยชอบธรรมอยู่แล้ว นี่จึงเป็นวิธีที่ใสสะอาดที่จะกลบความขัดแย้งใดๆ

ซอลจีฮูได้หัวเราะขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาจะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มแบบนี้

เทเรซ่าได้แอบขยิบตาให้เขา ในขณะที่มาเรียได้ร้องออกมา เธอคงจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเพราะตาเธอแดงขึ้นมาแล้ว

ซอลจีฮูได้หัวเราะออกมาพร้อมกับเข้ามาปลอบมาเรียที่กำลังเศร้า

“กลายมาเป็นแบบนี้ซะได้นะ… แต่ว่าผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ก่อนนะ”

“ก็นะ… ฉันพยายามเต็มที่แล้ว แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันรู้สึกผิดที่จะรับส่วนแบ่งไป”

คาซุกิได้ตอบกลับมานิ่งๆ จากนั้นก็หันไปมองซอลจีฮู

“ตอนนี้นายก็ได้เงินทุนมาแล้ว นายจะย้ายไปที่อีวาเลยใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“แล้วนายก็จะตั้งองค์กรในอีวา”

“ก็อาจจะ”

“นายมีทีมพันธรมติรในตอนที่กำลังพัฒนาองค์กรไหม?”

“หืม…? ทีมพันธมิตร?”

ซอลจีฮูได้ถามออกมาอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆคาซุกิถึงได้ถามเขาแบบนี้

“ถามทำไมหรอครับ?”

คาซุกิได้หัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่มีเหตุผลหรอก”

“?”

“มันก็แค่ว่าจากมุมมองของทีมแล้ว ฉันคิดว่าการร่วมงานกับหัวหน้าที่มีความยุติธรรมในการจัดการกับเรื่องส่วนตัวมันไม่ใช่เรื่องแย่อะไร”

จากนั้นเขาก็หันหน้าไป และเริ่มเก็บของที่เอาออกมา ในตอนนั้นเองน้ำเสียงที่เคล้าไปด้วยน้ำตาของมาเรียก็ดังออกมา

“โอ้ จริงสิ นี่พี่ชายยังไม่ได้เปิดหีบสมบัติเลยนี่?”

“หีบสมบัติ?”

“อื้อๆ หอกเป้นของพี่ชาย แต่ว่าพี่ชายยังไม่ได้เปิดหีบสมบัติเลยนี่”

ซอลจีฮูได้ร้องอ๋อออกมา เขามัวแต่สนใจกับจัดการเรื่องส่วนแบ่งจนลืมเรื่องหอกกับหีบสมบัติไปเลย

“ยังไม่มีใครเปิดหีบสมบัติเลยหรอ?”

“มันเปิดไม่ได้”

มาแชล จิโอเนียได้แทรกขึ้นมา

“พวกเราหารูกุญแจไม่เจอเลย แม้ว่าเขาจะใช้แรงเปิดแล้วมันก็ไม่ขยับสักนิด หีบนี้ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาให้รับแรงกระแทกเป็นอย่างดี”

[ฮึ่ม ก็แน่นอนสิ]

โฟลนได้ส่งเสียงออกมาราวกับว่าเธอได้ฟังอยู่ตลอดเวลา

[นี่คือเทคนิคลับของครอบครัวฉันเชียวนะ มันจะไปเปิดง่ายๆได้ยังไงกัน?]

โฟลนดูจะรู้วิธีเปิดหีบอยู่ เพราะงั้นซอลจีฮูจึงตัดสินใจที่จะไปดูหอกกับหีบ

การประกาศของซอลจีฮูน่าจะทำให้โชฮงกับฮิวโก้ประทับใจมากจนพวกเขาได้นำของมาให้ด้วยความเคารพ สิ่งแรกที่ดึงความสนใจของเขาแน่นอนว่าต้องเป็นของที่ถูกผ้ายาวห่อเอาไว้อยู่

“แกะผ้าออกมาดูสิ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญการประเมินค่าของอาวุธหรอก แต่ว่าแค่ดูมันก็น่าจะล้ำค่ามากๆแล้ว แค่มองดูก็น่าจะบอกได้”

คำพูดของมาแชล จิโอเนียได้กระตุ้นความคาดหวังของซอลจีฮูมากขึ้นไปอีก

‘หอก หอก…’

เพราะหอกเล่มนี้คือเป้าหมายหลักของปฏิบัติการนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับมัน

ตึก ตึก! หัวใจของเขาได้เต้นแรงขึ้นมา

ซอลจีฮูได้พยายามเต็มที่ที่จะใจเย็นลง และค่อยๆแกะผ้าออกมา

เขาได้สูดหายใจลึก จากนั้นในทันทีที่เขาแกะผ้าออกมาหอกก็เผยออกมาให้เห็น

และซอลจีฮู…

“…”

…ได้มองลงไปบนหอกโดยไม่รู้ตัว

“…อ่า!”

ต่อมาเสียงอุทานด้วยความตกตะลึงก็ดังขึ้น

‘งดงาม…’

นี่คือประทับใจแรกที่เขามีต่อ ‘หอกพิสุทธิ์’ ในแรกเห็น นั่นก็คืองดงาม เขารู้ว่ามันไม่ควรจะเอามาเป็นคำอธิบายในตัวอาวุธ แต่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหอกเล่มนี้มันงดงามจนน่าหลงใหลมากจริงๆ มันมากจนถึงขนาดเขาหลงผิดคิดไปว่ามันคือหญิงสาวที่งดงามอีกด้วย

หลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปแล้ว ซอลจีฮูก็ค่อยๆมองสำรวจดูหอก

อย่างแรกหอกเล่มนี้ยาวมาก หอกหอกได้เปล่งประกายความน่าหลงใหลและสะท้อนแสงจันทร์ และตัวหอกก็ยาวมากถึง 2 เมตร 40 เซนติเมตร

ตัวหอกยาวกว่าซอลจีฮูมาก

หอกเล่มนี้มีโทนสีที่ขาวใส หากจะพูดว่ามันแทบจะโปร่งใสไปแล้วก็ไม่ได้เกินเลยไปเลยสักนิด มันแทบจะดูเหมือนกับสร้างขึ้นจากน้ำแข็งแกะสลักจริงๆ

นอกเหนือไปจากนั้นยังมีอีกสององค์ประกอบที่ดึงดูดความสนใจของเขา

อย่างแรกก็คือใบหอกมีความยาวของมันเองถึง 50 ซม. ส่วนล่างของโครงใบมีดจะเริ่มมีความหนาและความคมมากยิ่งขึ้น และยังมีใบมีดรูปจันทร์เสี้ยวติดอยู่ด้านข้างของใบมีด ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ดูเหมือนกับง้าวกรีดนภาของขุนพลลิโป้ในยุคสามก๊ก

อย่างที่สองก้คือที่ด้ามหอกมีการเซาะเป็นร่องทรงกลมเอาไว้เจ็ดรู หากว่าฝังอัญมณีที่เขาเก็บเอาไว้ในกระเป๋าลงไปมันก็คงจะดูดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

‘นี่คือมันคือหอก…’

หอกพิสุทธิ์ที่ว่ากันว่าเทพธิดาแห่งความบริสุทธิ์- แคสทิตัส ได้มอบมันให้กับตระกูลรอชเชอร์

มันดึงความสนใจของซอลจีฮูได้อย่างหมดจด

เขาได้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปอีกครั้ง และมองสำรวจดูหอก

“ทำไมหัวหน้าไม่ลองแกว่งมันดูล่ะ?”

มาแชล จิโอเนียได้แนะนำออกมาอย่างเหมาะเจาะ และซอลจีฮูก็ได้จับหอกเอาไว้ในทันทีด้วยสีหน้าเหมือนต้องมนต์

“!”

ซอลจีฮูได้ผงะไป ในทันทีที่เขาจับหอก พลังงานความเย็นได้แทรกซึมเข้ามาในร่าง และเจาะลึกไปจนถึงกระดูกเขา

แม้ว่าความเย็นจะหายไปในทันที แต่ว่ามันก็เพียงพอที่จะทำให้สติของเขากลับมาตื่นตัวขึ้นมา

ในไม่ช้าเขาก็ตั้งสติได้ และยกหอกขึ้นมา แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง

‘นะ หนัก?’

น้ำหนักของหอกที่เขารู้สึกมันเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ไม่สิ-

‘หอกไม่ได้หนัก’

วูบบบ วูบบบ! เขาได้กลายเป็นมั่นใจขึ้นมาเมื่อได้ใช้พลังมานา และฝืนเหวี่ยงหอกออกไปสองสามครั้ง

แทนที่จะเรียกว่าหนัก มันเป็นหอกตัวที่ต่อต้านเขาต่างหาก ใช่แล้ว หอกพิสุทธิ์กำลังต่อต้านเขา

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเหวี่ยงหอก หรือแทงหอกออกไป ใบหอกก็จะเบี่ยงออกไปจากเป้าหมายที่เขาเล็งไป สำหรับตอนนี้แล้วหอกเล่มนี้ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นอาวุธได้เลย

นอกจากความสวยงามแล้ว ตัวหอกก็ไม่ได้ดูจะมีพลังพิเศษอะไรอีก

เขาได้เปิดใช้งานนพเนตรเพื่อให้มั่นใจ แต่ว่าแม้กระทั่ง ‘การสังเกตทั่วไป’ ก็ยังไม่มีให้เห็น

ซอลจีฮูได้หรี่ตาลง

ดวงดาราแห่งราคะ ซอยูฮุย

และดวงดาราแห่งความเกลียดคร้าน ทาเซียน่า ซินเซีย

นี่คือครั้งที่สามที่เขามองไม่เห็นหน้าตาสถานะด้วยสีเขียว

เขาเดาได้แล้ว ทั้งสามครั้งต่างก็มีจุดๆหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือการมีพลังของเทพ

เพราะแบบนี้ซอลจีฮูจึงมั่นใจว่าหอกนี้มีพลังแห่งเทพอย่างแน่นอน แต่ว่าเขาก็ยังมั่นใจว่าสำหรับในตอนนี้หอกนี้ไร้ประโยชน์

‘ฉันต้องทำพิธีกรรมอะไรก่อนเพื่อยืนยันตัวตนก่อนไหมนะ…?’

เขาต้องทำยังไงถึงจะดึงพลังดั้งเดิมของหอกออกมาได้?

ซอลจีฮูได้หันไปมองหีบสมบัติที่ถูกปิดเอาไว้ตามสัญชาตญาณ ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกเหมือนตัวแก้ปัญหาจะอยู่ในนั้น

ยังไงก็ตามมันก็เป็นอย่างที่มาแชล จิโอเนียได้พูดเอาไว้

“กรอดดด!”

หีบไม่ยอมเปิดออกมาเลยไม่ว่าเขาจะพยายามเปิดหีบออกมามากแค่ไหน เมื่อเขาเกือบจะยอมแพ้ไปแล้ว ซอลจีฮูก็ได้ยินเสียงหัวเราะออกมา

เมื่อเขามองลงไปที่จี้ เสียงหัวเราะก็หยุดลงทันที

[นายเห็นตราประจำตระกูลที่อยู่ตรงกลางใช่ไหม? ลองเอาจี้ไปไว้ใกล้ๆสิ]

“…เธอควรจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้นะ”

[โทษทีๆ เห็นนายพยายามเปิดหีบแล้วมันตลกดีน่ะ…]

ซอลจีฮูได้ได้คุกเข่าลงไปและเอาจี้ไปไว้ใกล้ๆกับตราประจำตระกูล

ต่อมาจู่ๆแสงลึกลับก็เปล่งออกมาจากตราประจำตระกูล

แก๊ก!

และหีบได้เปิดขึ้นมาทั้งแบบนี้

“โอ้! มันเปิดแล้ว!”

“อะไรน่ะ? มันคืออะไร?”

ทีมปฏิบัติการได้รีบมารวมกันที่หีบทันที

ไม่นานนัก…

“เอ๋? นี่มันบ้าอะไรเนี้ย…?”

มาเรียได้เดินออกมาด้วยสีหน้าผิดหวัง ของภายในหีบนั้นมีขนาดเล็กมากเพื่อเทียมกับขนาดของหีบ

ภายในนั้นมีหนังสืออยู่สองเล่ม และกล่องไม้เล็กๆ

มีตัวอักษรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนถูกเขียนเอาไว้บนหนังสือสีซีด แต่ว่าการซิงโครไนซ์ก็ได้ส่งผลในไม่ช้าทำให้ตัวอักษรค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นภาษาของโลก

ฟีโซราได้ขมวดคิ้วขึ้นมา

“จิตใจอันชอบธรรม? เทคนิคหอกจันทร์เสี้ยว? ชื่อซิงโครไนซ์อย่างกับเด็กประถมตั้งนี่มันอะไรกัน?”

[เธอพูดว่ายังไงนะ?]

โฟลนได้โกรธขึ้นมา

ซอลจีฮูได้ล่ะสายตาไปจากหนังสือ และหยิบเอากล่องไม้ขึ้นมา

แกร๊ก

เมื่อเปิดออกมา แสงสีแดงอ่อนก็ได้เล็ดลอดออกมาจากช่องว่าง สิ่งที่อยู่ภายในนั้นเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเลยสักนิด

ฮิวโก้ได้หัวเราะแห้งๆออกมา

“…นี่มันบ้าอะไรน่ะ? ไข่หรอ?”

อย่างที่ฮิวโก้พูด ภายในกล่องไม้มีไข่ทรงกลมอยู่ พูดให้ถูกมันคือไข่ใบเล็กๆที่มีพื้นผิวราบเรียบ ซึ่งดูแล้วเหมือนกับหยกสีดาวที่ปล่อยแสงสีแดงอ่อนออกมา

‘ชิ’

ซอลจีฮูได้ถอนหายใจออกมาโดยคิดไม่ออกเลยว่าไข่กับหอกพิสุทธิ์เกี่ยวข้องกันยังไง

[เทพแห่งความบริสุทธิ์ คาทิตัส ได้มอบอาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ให้กับตระกูลเรา หอกพิสุทธิ์คือที่อยู่ของจิตวิญญาณธาตุ อาร์คัส ดังนั้นตระกูลของเราจึงถูกเรียกว่าหอกแห่งจักรวรรดิ…]

[พวกเขาว่ากันว่าการถูกฟินิกซ์ผู้พิทักษ์ในตำนานคุ้มครองคือสัญลักษณ์แห่งความสุข]

นี่คือสิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์

“หอกแห่งจักรวรรดิ… ฉันจะต้องปลุกจิตวิญญาณอาคัส และได้รับการยอมรับงั้นหรอ?”

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา…

[เอ๋? รู้ด้วยหรอ?]

เสียงโฟลนได้ดังออกมา

“หมายถึงฉันรู้อะไรงั้นหรอ?”

[ก็ที่เพิ่งพูดไง เรื่องที่ต้องได้รับการยอมรับจากฟินิกซ์]

“หืม…? ฉันเพิ่งพูดไปว่าจิตวิญาณอาร์คัสนี่?”

[หืม? หมายความว่าไงกัน? ก็จิตวิญญาณอาร์คัสเป็นฟินิกซ์นี่]

‘อะไรนะ?’

ซอลจีฮูได้รีบจัดระเบียบความคิดใหม่จากคำตอบของโฟลนทันที

‘หมายความว่า… ทั้งตัวนั่นคือคนๆเดียวกัน?’

มีคำถามมากมายได้เข้ามาในหัวของเขา แต่ว่าเขาก็ได้ตัดสินใจรีบถามคำถามที่สำคัญที่สุดก่อน

“โฟลน แล้วเธอรู้วิธีปลุกฟินิกซ์อาร์คัสไหม?”

[นายต้องฝักมัน]

ซอลจีฮูได้กลายมาเป็นสับสน นี่เป็นการรับรู้ที่น่าตกตะลึก จิตวิญาณไม่ใช่นก แล้วเขาจะฝักมันได้ยังไงกัน?

[ใช้มัน]

จี้ได้สั่นออกมาโดยที่กำลังชี้ไปที่ไข่สีแดง

ซอลจีฮูได้กระพริบตาออกมา

***

เมื่อการคัดแยกรางวัลได้เสร็จสิ้นแล้ว ซอลจีฮูก็ได้แจกจ่ายรางวัลออกไปตามกฎที่ได้ตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรก โดยที่เขาได้รับส่วนของโฟลนเพิ่มขึ้นมา

เขาได้มา 4 แท่ง ไข่ทองคำ 178 ฟอง ก้อนเงิน 267 ก้อน เหรียญเงิน 12,44 เหรียญ อัญมณี 1,200 ก้อน และเครื่องเซ่น 20 ชิ้น แถมยังมีหอกพิสุทธิ์กับของภายในหีบสมบัติอีกด้วย

แม้ว่าพรรคพวกของเขาจะได้ส่วนแบ่งไปแค่ครึ่งเดียวจากที่เขาได้ แต่ว่านั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ามันเป็นจำนวนที่มหาศาลอยู่ดี

เมื่อการแจกจ่ายรางวัลที่ยากลำบากได้จบลงไปแล้ว ทีมปฏิบัติการก็ได้เริ่มกินและดื่มอย่างเต็มที่ พร้อมพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น

“ต้องอุปกรณ์เท่านั้น!”

ฮิวโก้ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

“ฉันจะไปที่สกีเฮราซาร์ดในทันทีที่กลับไปฮารามาร์ค ฉันจะไปฉาบตัวเองใหม่ด้วยอุปกรณ์ที่สมกับแรงค์เกอร์ระดับสูงที่โรงประมูล”

“เฮอะ!”

โชฮงได้แค่นเสียงออกมา

“ของเกรดสูงสุดระดับ 5 งั้นหรอ? น่าขำ”

“มันน่าขำตรงไหนกันห๊ะ!?”

“อย่างแรกเลยนะ นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะมีขายไหม แล้วก็ต่อให้มันมีนะ นายจะใช้เงินทั้งหมดที่ได้มาเลยงั้นหรอ? ทำไมนายไม่เก็บออมเอาไว้สักนิดล่ะ?”

“ทำไมยัยคนแบบเธอถึงได้มายุ่งเรื่องการใช้เงินของฉันล่ะ?”

“เอาเถอะนะ นายก็พูดถูก”

โชฮงได้เห็นด้วยกับเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา

“แต่ว่าให้สมกับเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูง มันดูแปลกหน่อยๆนะที่คนอยู่ระดับ 4 พูดถึงของสำหรับแรงค์เกอร์ระดับสูง”

“ว่ายังไงนะ?”

ฮิวโก้ได้จ้องเธออย่างไม่พอใจ ยังไงก็ตามเขาได้รีบยิ้มออกมา และหันหน้าไปด้านข้าง ในทันทีที่เขาเห็นซอลจีฮูนั่งอยู่ เขาก็ได้กระโจนเข้าใส่ซอลจีฮูทันที

“ซอลลลล!”

“!?”

จากการที่จู่ๆถูกคนร่างยักษ์พุ่งเข้ามากอด ทำให้ซอลจีฮูสะดุ้งขึ้นทันที

“อะ อะไรหรอ?”

“ซอล! ซอลลลลลล!”

ฮิวโก้ได้แสดงความหนักแน่นออกมา

“ฉันขอโทษ~ อย่าทิ้งฉันไป~ ฮือออ~”

เขาได้กอดเอวซอลจีฮูเอาไว้ และแสร้งทำเป็นร้องไห้

“นับจากนี้ฉันจะเชื่อฟังนาย~ อย่าทิ้งฉันไป~ ฮือออ~”

จากนั้นจู่ๆเขาก็หยุดพูดและหันกลับไปมอง

เทเรซ่าได้ปิดปากหัวเราะออกมา

โชฮงได้เม้มปากจ้องมาที่ฮิวโก้เหมือนกับจะฆ่าเขาให้ได้ แก้มของเธอที่แดงขึ้นได้เริ่มสั่นออกมา

ฮิวโก้ได้ยิ้มขึ้น

“ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่านี่เป็นฝันของใคร!”

“ไอ้สารเลว-“

“หืม? อะไรกัน? ยังจะพูดอีกหรอ? เธออยากจะให้ฉันลงลึกรายละเอียดไหม?”

“กรอดดด!”

โชฮงได้กัดฟันแน่น ฮิวโก้ได้สูดหายใจ และปล่อยซอลจีฮูไป

“อย่ามาอายสิ ถ้าเธอพูดนะก็ตูมม! ฉันก็แค่-! เธอคงรู้นะ”

น่าแปลกที่โชฮงเงียบไปแม้ว่าใบหน้าของเธอจะโมโหมากก็ตาม

ขณะดูภาพนี้ซอลจีฮูก็หัวเราะออกมา ในอีกด้านหนึ่งเขารู้สึกเหมือนเจอเดจาวู เขารู้สึกเหมือนเคยเจอกับสถานการณ์นี้มาก่อน

‘ในความฝันของฉัน’

ซอลจีฮูได้มองไปที่มาเรียที่กำลังยุ่งอยู่กับการปัดลูกปัดบนลูกคิดของเธอ

ในคืนนั้นทีมปฏิบัติการได้จัดปาร์ตี้จนกระทั่งพวกเขาหลับไป

หลังจากเห็นว่ามาเรียหลับลงไปแล้ว เขาก็ได้แบ่งคนเฝ้ายามไว้สองคน ก่อนที่จะใช้กระเป๋าที่เก็บมรดกไว้เป็นเตียง

ในเช้าวันถัดมาทันทีที่เขาตื่น เขาก็แทบจะร้องกรีดออกมา

กระเป๋ายังปกติดี

แต่ว่ามาเรียคงจะตื่นก่อนเขา เพราะในตอนนี้เธอกำลังนั่งยองๆคอยจับตาดูกระเป๋าอยู่ใกล้ๆ

ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ