บทที่ 438 ปกป้องคนผิด
บทที่ 438 ปกป้องคนผิด
เมื่อเห็นว่าหลี่หรงมั่นใจว่าสามารถจัดการเองได้ อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ทักท้วงอีกต่อไปแล้วออกไปส่งถวนถวนที่โรงเรียนอนุบาล
เวลาแปดโมงเช้า บรรยากาศหน้าประตูโรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงกำลังครึกครื้น
“ทางนี้ค่ะ! อวี้ฮ่าวหราน! ถวนถวน!”
สวีรุ่ยเห็นทั้งคู่แต่ไกล เธอเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“สวัสดีค่ะ ครูสวี!”
เจ้าตัวน้อยไม่ได้เจอหน้าเธอมาหลายวัน จึงโผเข้าหาอย่างร่าเริง
สวีรุ่ยอุ้มเด็กน้อยขึ้น
“นี่ ถวนถวนหนักขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?”
“ค่ะ! ปิดเทอมพ่อพาหนูไปกินของอร่อยเยอะแยะเลย”
ถวนถวนพยักหน้าหงึกหงัก อวี้ฮ่าวหรานก้าวตามเข้ามาหา
“พ่อคุณสบายดีไหมครับ?”
ช่วงนี้เขายุ่งกับเรื่องต่าง ๆ จึงไม่ได้สนใจเรื่องของสวีเซียงจวินมากนัก
“ค่ะ พ่อบอกว่าสบายมากค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร อยากมาขอบคุณหลายครั้งแล้วค่ะ”
ผมหางม้าของสวีรุ่ยทำให้เธอดูมีชีวิตชีวามากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้เธอคงมีความสุขดี
“ดีแล้วครับ ถ้าต่อไปมีปัญหาอะไรก็มาหาผมได้นะ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า ยังจำคืนวันนั้นที่บ้านของเธอได้เลือนราง
เทียบกับความหดหู่และเจ็บปวดของเธอในตอนนั้น เขาอยากเห็นสวีรุ่ยแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า
“ฉันก็ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
สวีรุ่ยพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณเขา และดูเหมือนเธอจะนึกบางอย่างขึ้นได้
“วันนี้โรงเรียนเปิดเทอม ส่วนใหญ่จะเป็นการเตรียมความพร้อม คุณมารับถวนถวนเร็วกว่าปกติได้นะคะ พรุ่งนี้จะมีงานประชุมผู้ปกครอง ถ้ามีเวลา แวะมาเข้าร่วมก็ดีนะคะ”
“ครับ ผมรู้แล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานยินดีทำทุกอย่างที่เป็นผลดีกับถวนถวน
หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมกับสวีรุ่ย หลังจากจ่ายค่าเทอมเรียบร้อยแล้ว เทอมใหม่ก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เวลาล่วงเลยมาถึงเก้าโมงครึ่ง
อวี้ฮ่าวหรานไม่รั้งอยู่นาน เขาขับรถตรงไปยังบริษัท
ชายหนุ่มมีธุระต้องทำในสองวันนี้ จึงพาถวนถวนมาส่งที่บริษัทและให้หลิวว่านฉิงช่วยดูแลให้
เรื่องที่ต้องจัดการไม่ได้สำคัญนัก และแล้วอวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงบริษัทตอนสิบโมงเช้า
หากแต่เมื่อเดินเข้ามา กลับได้ยินเสียงแว่วเข้าหู
“บอกมา! คุณทำงานที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว? แค่งานพื้นฐานยังทำไม่ได้อีกเหรอ? เป็นคนไร้ประโยชน์อะไรขนาดนี้?”
“ค่ะ…ฉันขอโทษ ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดี พอดีฉันไม่ได้เรียนเรื่องนี้มาตอนมหาลัยค่ะ”
“เฮอะ? ตั้งใจทำงานให้ดี? ฉันได้ยินจนหูแทบตันแล้ว แล้วเธอทำได้ไหม?”
“ฉัน…”
“อย่ามาทำตัวน่าสงสาร แล้วทำเหมือนฉันกำลังรังแกเธอ ถ้าเธอทำงานเสร็จไม่ทันวันนี้ เธอต้องทำงานล่วงเวลา! แล้วคราวหลังก็ทำเสร็จให้ทันด้วย!”
เสียงก่นด่าจากหัวหน้าแผนกทำให้อวี้ฮ่าวหรานนิ่วหน้า ด้วยเสียงที่พร่ำขอโทษคือเสียงของหลิวว่านฉิง!
เขาเดินไปปรากฏตัวหน้าประตูแผนกอย่างเงียบเชียบทั้งหน้ามุ่ย ๆ มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน
คำต่อว่ายิ่งดังชัดเจน
“อย่าคิดว่าตัวเองมีคนหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้นะยะ ยังไงเธอก็เป็นลูกน้องฉัน! ฉันจะบอกให้นะ ต่อให้ย้ายฉัน เธอก็ไปอยู่แผนกอื่นไม่ได้ถ้าไม่มีปัญญาทำงาน!”
คนที่ท่าทีก้าวร้าวและด่ากราดคือหญิงวัยกลางคนในชุดทำงานทางการ ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางหนา
“ขอโทษค่ะ… ฉันขอโทษค่ะ…”
หลิวว่านฉิงถูกตำหนิจนตาแดง ขณะที่พนักงานคนอื่นทำได้แต่มองและปิดปากเงียบ
ให้บรรยากาศเหมือนกำลังชมการแสดงเด็ดอยู่!
“ไม่ต้องมาขอโทษฉัน! ฉันไม่อยากฟัง! เธอเป็นตัวถ่วงของทุกคน ควรขอโทษคนทั้งแผนกต่างหาก!”
แววเหยียดหยามแฝงในน้ำเสียงหยิ่งยโส
“ฉัน…”
คำขอโทษของหลิวว่านฉิงติดขัด เวลานี้หยาดน้ำคลอหน่วยบริเวณขอบตา และเธอก็พูดอะไรไม่ออกอีก
อวี้ฮ่าวหรานไม่อาจทนไหวได้อีกต่อไป!
“พอได้แล้ว!”
เขาโพล่งขึ้นอย่างขุ่นเคืองใจ
“ประธานอวี้? มาที่นี่ทำไมคะ?”
หญิงวัยกลางคนตกใจเมื่อเห็นเขา ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของตนรุนแรงเกินไป เธอจึงรีบกล่าวแก้ตัว
“ประธานอวี้ เมื่อกี้ฉันแค่หงุดหงิดไปหน่อยน่ะค่ะ เธอเป็นตัวถ่วงของแผนกเรามาก คุณก็เห็นอยู่ว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาผลงานของแผนกเราถดถอยลงนะคะ”
เธออธิบายพลางยื่นเอกสารให้ อวี้ฮ่าวหรานจึงรับมาเปิดอ่าน
เมื่อเธอเห็นเช่นนี้จึงว่าสำทับ “เธอเรียนมาน้อย แถมยังขี้เกียจกลับไปตั้งใจเรียน แผนกเรามีแต่พนักงานชั่วคราว ฉันเองทนเห็นบริษัทเสียผลประโยชน์ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่ใช่…ไม่ใช่นะคะ ฉันพยายามอย่างหนักแล้ว…แต่ว่า…”
“เฮอะ! เธอพยายามแล้วเหรอ? แปลว่าคนทั้งแผนกตาบอดงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานวางเอกสารลง มองหน้าหญิงวัยกลางคนตรงหน้า
เธอเหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าแผนก เป็นคนมีเหตุผล ซื่อสัตย์ และยุติธรรม
หากแต่อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่พอใจเรื่องนี้!
เขาดึงตัวหลิวว่านฉิงมาอยู่ข้างกาย มองหน้าฝ่ายตรงข้ามสายตาเฉยชา
หญิงวัยกลางคนรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ฉันแค่…”
“คุณไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้คือวันทำงานวันสุดท้ายของคุณ”
ว่าจบเขาก็ต่อสายโทรศัพท์ หวังจุนรีบมาหาเขาภายในไม่ถึงสองนาที
“วันนี้คุณถูกไล่ออกด้วยสองเหตุผล”
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองทุกคนในแผนก โดยไม่แยแสสีหน้าซีดเผือดของหญิงวัยกลางคน
“ข้อแรกคือผมไม่ต้องการให้เกิดการข่มเหงรังแกกันในบริษัท ถึงยังไงทุกคนก็ออกมาทำงานหาเงินกัน”
สิ้นประโยคแรก อวี้ฮ่าวหรานหันมามองหลิวว่านฉิงซึ่งตาแดงก่ำอยู่ข้างเขา ก่อนถอนหายใจแผ่วเบา
“ข้อสองคือเพราะผมไม่พอใจ! แค่นั้นแหละ!”
เขาส่งสัญญาณให้หวังจุนพาตัวอีกฝ่ายไป
“ท่านประธาน! ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ฉันทำเงินให้บริษัทตั้งมาก!”
เมื่อเห็นเธอรีบเอ่ยขอร้อง คงมีงานดี ๆ แบบนี้อยู่ไม่มาก
“คุณทำเงินได้มากก็จริง แต่ผมเองก็ให้สวัสดิการกับเงินเดือนคุณ แล้วนี่ก็เป็นบริษัทของผม ผมจะไล่ใครออกก็ได้!”
อวี้ฮ่าวหรานว่าเสียงเรียบ ท่าทีเฉยเมยของเขาเผยออกมาโดยไม่รู้ตัว!
“อีกอย่าง ผมจะพูดให้ชัดเจนตอนนี้! ต่อไปหลิวว่านฉิงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ เธอแค่มาเรียนรู้งานที่นี่เท่านั้น!”
ทันทีที่คำพูดเขาหลุดออกมา ทุกคนในแผนกจึงได้รับรู้ว่าท่านประธานซึ่งมักใจเย็นอยู่เสมอ ตอนนี้กลับโกรธขึ้นมาเสียแล้ว!
“อวี้ฮ่าวหราน…ทำแบบนี้…ไม่ดีหรอกนะคะ”
หลิวว่านฉิงท้วงขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ เวลาถวนถวนมาที่นี่ คุณก็ช่วยผมดูแลเธอแล้วกันครับ”
อวี้ฮ่าวหรานว่าอย่างไม่ใส่ใจ ในสายตาของเขา ถวนถวนสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด!