บทที่ 439 ห้องพักสวัสดิการ
บทที่ 439 ห้องพักสวัสดิการ
“บางทีคราวก่อนผมคงบอกไม่ชัดเจน ต่อไปคุณไม่ต้องทำงานอื่นนอกจากสอนถวนถวน อย่างอื่นคุณไม่ต้องทำหรอกครับ”
อวี้ฮ่าวหรานมองหญิงสาวที่ยังเผยท่าทีงุนงงต่อหน้าเขา เขาอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้
“ต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็โทรมาหาผมได้ทันทีนะครับ”
พวกเขาพูดคุยกัน
หลิวว่านฉิงลังเลใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้ารับช้า ๆ
“ขอบคุณค่ะ…ขอบคุณนะคะ”
เธอกล่าวขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้าตนเองจากก้นบึ้งของหัวใจ ในชีวิตเธอไม่มีใครเคยใส่ใจดูแลเธอขนาดนี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ต่อไปอย่าทนโดนต่อว่าแบบนี้อีกนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาบอกผมได้ตลอดเลยนะครับ”
บทสนทนาระหว่างทั้งสองทำให้ทุกคนในแผนกรู้ว่าหลิวว่านฉิงมีคนหนุนหลังที่มีอำนาจเพียงไหน
หลังจากเขาก้าวออกไป เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ดีเลย… ในที่สุดนังแม่มดนั่นก็ถูกกำจัดไปได้สักที ครั้งก่อนฉันโดนด่าแทบตายแหนะ!”
“ฉันจะไม่ต้องเห็นหน้ายัยแม่มดนั่นแล้ว สบายใจจริง ๆ!”
“หลิวว่านฉิวคนนี้ใหญ่จริง ท่านประธานถึงกับมาปกป้องด้วยตัวเองเลย…”
“…”
เสียงพูดคุยยังคงลอยเข้าหูอวี้ฮ่าวหรานให้ได้ยินราง ๆ
ส่วนใหญ่แอบดีใจที่หญิงวัยกลายคนถูกไล่ออกไปได้เสียที หล่อนคงต่อว่าพนักงานในแผนกจนเป็นปกติ
จากนั้นชายหนุ่มก็กลับเข้าห้องทำงานตนเอง หลังจากเรื่องวุ่นวายได้จบลงแล้ว
หวังจุนรีบจัดการเรื่องก่อนเข้ามาหาเขา
“ประธานอวี้ ผมดำเนินการไล่เธอออกเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวจะให้แผนกบุคคลรีบหาหัวหน้าแผนกคนใหม่ คุณมีอะไรต้องการเพิ่มเติมไหมครับ?”
“ไม่ล่ะ ดีแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับเมื่อได้ยิน เขาครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น
“จริง ๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ผมไม่ต้องการให้เกิดการต่อว่าแบบนี้อีก ช่วยหาคนที่มีคุณสมบัติตามนี้ด้วย”
เขารู้ดีว่าคนที่มักต่อว่าลูกน้องไม่ใช่คนทำงานแย่ หากแต่ไม่มีทางจะเป็นคนดีอย่างแน่นอน
มันเป็นผลจากการบกพร่องในการบริหารดูแล
“ได้ครับ ต่อไปผมจะใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มาก”
หวังจุนรับคำเมื่อได้ฟัง
“ประธานอวี้ มีเรื่องอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ?”
“ไม่ล่ะ นายทำดีแล้ว รายงานสถานการณ์ของบริษัทช่วงนี้ให้ฉันฟังที”
อวี้ฮ่าวหรานกล่าวชมอีกฝ่าย
หวังจุนคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาเอ่ยรายงานอย่างคล่องแคล่ว
“ช่วงนี้บริษัทเราควบรวมบริษัทอสังหาฯ เจ้าเล็กหลายแห่งเอาไว้ครับ กำลังอยู่ในขั้นเตรียมการตั้งบริษัทสาขา แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อครับ”
“ชื่อ…”
เมื่อได้ยินว่ากำลังควบรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ อวี้ฮ่าวหรานนึกชื่อขึ้นในใจ
“ตั้งชื่อว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังแล้วกัน จริง ๆ จะชื่ออะไรก็ได้”
เขาตั้งชื่อบริษัทให้
“ได้ครับ รับทราบ เดี๋ยวผมจะดำเนินการจดทะเบียนในชื่อนี้ครับ”
หวังจุนพยักหน้า ในที่สุดเรื่องนี้ก็แก้ไขได้เสียที
เขายกอีกเรื่องขึ้นมารายงาน
“นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างที่ถูกระงับไปเพราะข้อกล่าวหาได้กลับมาเดินหน้าต่อแล้วครับ แต่ว่า…”
“มีอะไร?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักคำพูด อวี้ฮ่าวหรานก็อดนิ่วหน้าถามขึ้นไม่ได้
“เพราะมีคนเสียชีวิตที่นั่นเลยกลายเป็นข่าวใหญ่ ผมเกรงว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ยอดขายคงจะไม่สูงนักครับ”
“ที่โครงการก่อสร้าง เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หลายคนก็สอบถามกันมาว่าพวกเขาจะซื้อบ้านได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเราอาจขาดทุนได้ครับ”
อวี้ฮ่าวหรานสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อได้ฟัง กัวหย่งซินคนนี้รนหาที่ตายเสียแล้ว!
โครงการนี้เป็นการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกของอวี้ฮ่าวหราน หากขาดทุนอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในกลุ่มบริษัทได้
“เอาเถอะ ก่อสร้างตามแผนเดิมที่วางไว้ ในเมื่อโครงการอยู่ใกล้บริษัทขนาดนี้ ฉันว่าเก็บเอาไว้เป็นห้องพักสวัสดิการของบริษัทแล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานตรองดูก่อนเอ่ยขึ้น
“หืม? ห้องพักสวัสดิการเหรอครับ?”
หวังจุนแทบไม่เชื่อหูตนเอง เขาเผยท่าทีงุนงงเล็กน้อย
“ประธานอวี้ หมายความว่ายังไงนะครับ?”
“ฉันหมายถึงต่อไปพนักงานที่ทำงานให้บริษัทเรามานานจะได้อยู่ห้องพักที่นั่นฟรี ขอแค่ทำงานกับบริษัทเราไปนาน ๆ สักวันหนึ่งห้องพักก็จะกลายเป็นของเขา”
“นี่…เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ…”
หวังจุนตกอยู่ในอาการเหลือเชื่อ
อาคารที่บริษัทกำลังก่อสร้างอยู่มีพื้นที่ห้องอย่างน้อยร้อยยี่สิบตารางเมตร
ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งอยู่ใกล้ตัวเมือง มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เรียกได้ว่าสะดวกสบายและเป็นทำเลทอง
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้คิดแต่เพียงเท่านั้น
“ถ้าเป็นปกติเราจะโอนให้เป็นทรัพย์สินของพนักงานหลังจากเกษียณอายุ ถือว่าเป็นของขวัญและรางวัล”
หวังจุนถึงกับพูดไม่ออก สวัสดิการดีเช่นนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเมืองฮ่วยอัน แม้กระทั่งทั้งประเทศยังหาได้ยาก
“นี่…เราให้สวัสดิการมากเกินไปหรือเปล่าครับ?”
แม้แต่เขาเองยังเริ่มลังเลใจ
ถึงอย่างไรราคาห้องตามท้องตลาดก็อยู่ที่สองถึงสามล้าน คิดเป็นเงินเดือนของคนส่วนใหญ่เจ็ดแปดปีเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก จัดการอย่างนี้ไปแล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจเด็ดขาดหลังครุ่นคิด
สำหรับเงินที่สูญไป เครือฮ่าวหรานที่มีรายได้สูงขึ้นอยู่ตลอด ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องการขาดทุน
“ได้ครับ… ผมจะจัดการแจ้งข่าวให้เสร็จสิ้นภายในพรุ่งนี้”
หวังจุนรู้ว่าเจ้านายของตนเป็นคนหนักแน่น เขาไม่คิดจะทักท้วงมากนัก
เพียงแค่รู้สึกเหลือเชื่อในใจเท่านั้น
“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว นายออกไปได้”
หลังคุยงานจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ออกปากไล่อีกฝ่ายก่อน
เขาอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง
“ต้องขยายกิจการให้เร็วที่สุดให้ได้”
อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจขณะยันมือไว้กับหน้าต่าง สายตาทอดมองออกไป
หลังได้รู้เรื่องสำนักโลกเร้นลับ เขายิ่งปรารถนาจะเสริมความแข็งแกร่งของตนเอง
แม้ตอนนี้จะสกัดกั้นสำนักเมฆาเขียวไว้ได้ หากแต่ต่อไปจะเป็นอย่างไร? หากพวกมันร่วมมือกับกองกำลังที่เป็นพันธมิตรกัน
ยากที่จะรับรองว่าจะไม่มีผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุดหรือผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกว่านั้น
หากเป็นเช่นนั้น หนทางเดียวคือต้องรีบหาซื้อโบราณวัตถุเพื่อเสริมพลังให้ตนเอง มีเพียงสิ่งเหล่านั้นที่จะเร่งฟื้นฟูกำลังของเขาภายในระยะเวลาอันสั้น
……
ในเวลาเดียวกัน
ณ สนามบินเมืองฮ่วยอัน คนสองคนค่อย ๆ ก้าวเดินออกมา
คนหนึ่งร่างสูงผอม หุ่นบางราวเชือกป่าน
“นี่ หลูชิงหยวน เป็นถึงผู้นำองค์กรอสรพิษ ทำไมถึงต้องมาลงมือเองด้วย? ฉันเองก็เหมือนกัน”
เสียงแหบทุ้มของชายวัยกลางคนซึ่งชวนขนลุกดังขึ้น
คนที่อยู่ข้างกายเขาคือหลูชิงหยวน ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีผู้เก่งกาจ
เขาคนนี้เป็นผู้นำองค์กรอสรพิษ!