บทที่ 440 คนหยาบคาย

บทที่ 440 คนหยาบคาย

“ฮึ่ม ไอ้เด็กนั่นเล่นงานพวกพ้องฉันไปเมื่อเดือนก่อน ฉันจะทนได้ยังไง? ฉันอุตส่าห์พยายามแผ่ขยายอำนาจมาตั้งหลายปี”

ว่าจบเขาก็เงยหน้าขึ้นมองตึกสูงในตัวเมืองซึ่งอยู่ห่างออกไป สายตาเต็มเปี่ยมความเยือกเย็น

“คราวนี้ฉันจะทรมานอวี้ฮ่าวหรานให้ตายด้วยมือตัวเอง! ไม่ปล่อยให้ครอบครัวของมันหน้าไหนรอดไปได้เด็ดขาด!”

“ฮ่า ๆๆ เป็นถึงหัวหน้าองค์กรอสรพิษ แต่นายต้องลงมาจัดการเอง แต่ฉันชอบนะ ครั้งนี้ถึงเวลาที่มันจะได้ลิ้นรสยาพิษของฉันแล้ว!”

ชายร่างสูงผอมและชายวัยกลางคนซึ่งอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น

“ได้ เริ่มเตรียมการกันเถอะ ถึงเวลาพิสูจน์ให้เห็นอำนาจขององค์กรอสรพิษของฉันแล้ว!”

ทั้งคู่พูดคุยกันขณะเดินกลืนหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชน เวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่ในไม่ช้า

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันที่สองของถวนถวน การประชุมผู้ปกครองถูกจัดขึ้น แต่หลี่หรงมีงานยุ่งมากจนไม่สามารถมาเข้าร่วมได้

อวี้ฮ่าวหรานมาถึงโรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงในเวลาแปดโมงครึ่ง

“ยังเช้าอยู่เลยค่ะ กิจกรรมยังไม่เริ่มเลย”

ทันทีที่เขาเดินเข้ามาในโรงเรียนอนุบาลกับถวนถวน สวีรุ่ยก็เอ่ยทักทายมาแต่ไกล

“สวัสดีค่ะครูสวี! พ่อจ๋า หนูไปเล่นกับเพื่อนนะคะ”

เด็กหญิงกล่าวทักทาย ก่อนวิ่งผ่านคุณครูสาวไป

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ห้าม หลังเห็นลูกสาวเข้าห้องเรียนไป เขามองสวีรุ่ยซึ่งเดินเข้ามาหา

“วันนี้กิจกรรมเริ่มกี่โมงเหรอครับ?”

“ตอนเก้าโมงครึ่งค่ะ คุณมาเร็วเกินไป ตอนนี้ยังไม่มีใครอยู่ที่ห้องพักครู คุณไปนั่งพักที่นั่นก่อนไหมคะ”

ยากจะมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับชายตรงหน้า สวีรุ่ยจึงอดจะยินดีในใจไม่ได้

“ครับ ไปกัน”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ปฏิเสธ และถือโอกาสไปคุยเรื่องการเรียนของถวนถวน

ภายในห้องพักครู

ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เธอบอก ทุกคนไปเตรียมการประชุมจึงไม่มีใครอยู่ที่นี่

“เชิญนั่งลงก่อนค่ะ”

สวีรุ่ยกล่าวเชิญ พลางก้มลงหยิบแอปเปิลจากลิ้นชักวางลงบนโต๊ะ

“ทางโรงเรียนไม่มีของต้อนรับคุณเลยน่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามอง ห้องพักครูแบบนี้ชวนให้เขาย้อนนึกถึงความทรงจำในอดีต

ตอนเขายังเด็ก ทุกครั้งที่มาห้องพักครู อวี้ฮ่าวหรานมักมีท่าทีตื่นตระหนกเสมอ

เมื่อนึกขึ้นได้ในตอนนี้ว่าตนเป็นผู้อมตะ ก็ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา

“คะ? คุณคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”

เมื่อเห็นท่าทางของเขา สวีรุ่ยก็อดถามขึ้นไม่ได้

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่นึกถึงเรื่องในอดีตน่ะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานได้สติเมื่อได้ยินคำเธอ ก่อนรีบเก็บสีหน้า

“เมื่อวานถวนถวนเป็นยังไงบ้างครับ?”

เขาถามถึงเรื่องที่เป็นห่วงที่สุด

“ค่ะ ถวนถวนเป็นเด็กดีมาก ในบรรดาเด็กทั้งหมด เธอเป็นคนที่…”

“ปังปังปัง!”

เสียงเคาะประตูหนัก ๆ พลันดังขึ้นขัดประโยคของสวีรุ่ย!

“ใครคะ?”

เธอนิ่วหน้าถามขึ้น

เสียงเคาะประตูดังเสียจนเกือบคิดว่าจะพังประตูเข้ามา

“ปัง!”

ประตูถูกถีบเปิดออกในจังหวะต่อมา! เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งวัยต้นสามสิบเดินเข้ามา

“ให้ตาย! ทำไมมาอยู่ที่นี่กันสองคน? ครูคนอื่นไปไหนกันหมด? ตายไปกันหมดแล้วเหรอ?”

“คุณคะ คุณเป็นใครคะ?”

สวีรุ่ยหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น หากแต่เธอยังรักษาท่าทีสุภาพ สำหรับเธอแล้วไม่มีเรื่องกับคนประเภทนี้เป็นการดีกว่า

“ผมเป็นผู้ปกครอง! ลูกผมเข้าเรียนวันแรก ผมต้องการพูดบางอย่าง!”

ชายหนุ่มที่บุกเข้ามาสวมเสื้อคลุมหนังสีดำและกางเกงยีนส์ ทำให้ยิ่งดูไม่เป็นมิตร

เขาตวัดสายตามองสวีรุ่ยด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

“หึ รีบเรียกคนที่มีอำนาจดูแลโรงเรียนมาเดี๋ยวนี้ คนอย่างคุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องผมหรอก!”

สวีรุ่ยเผลอทำหน้าเหยเกเมื่อได้ฟังคำเขา เธอไม่เคยพบเจอคนที่ก้าวร้าวขนาดนี้มาก่อน

“คุณคะ ฉันเองก็เป็นคุณครูของที่นี่ค่ะ ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็บอกฉันมาได้เลยค่ะ”

“คุณเหรอ? ผมจะบอกให้นะ อย่างคุณน่ะไม่คู่ควรมาคุยกับผมหรอก!”

ชายหนุ่มในเสื้อคลุมหนังเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างเหยียดหยาม ก่อนเห็นอวี้ฮ่าวหรานนั่งอยู่ด้านข้าง

“คุณเป็นใคร? ผมว่าคุณน่าจะคุยกับผมได้นะ”

มองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ว่าชายคนนี้ดูโดดเด่น

“คุณคะ เขาเป็นผู้ปกครองเหมือนกันค่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้”

ด้วยเกรงว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่พอใจ เธอรีบออกหน้าปกป้องเขา

“ผู้ปกครอง?”

เขาเหลือบมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาอวดดี

“งั้นให้เขาออกไปเดี๋ยวนี้เลย! จะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มานั่งกับผมไม่ได้หรอก”

“คุณคะ! ช่วยระวังคำพูดกับการกระทำของตัวเองด้วยนะคะ!”

ทันทีที่คำพูดของเขาหลุดออกมา สวีรุ่ยก็เปลี่ยนสีหน้า เธอไม่เคยเห็นคนหยาบคายขนาดนี้มาก่อน

กลับกันแล้ว อวี้ฮ่าวหรานหันมองเขาอย่างนึกสนใจ

น่าแปลกใจจริง ๆ ที่คนพิกลแบบนี้ไม่ถูกคนอื่นกระทืบตาย

“ระวังคำพูดกับการกระทำ? คุณเป็นใคร? กล้าดียังไงมาสั่งสอนผม?”

ชายหนุ่มนิ่วหน้าและตอกกลับอย่างไม่พอใจ ท่าทางดูไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น

“มีใครเคยพูดแบบนี้กับผมบ้าง?”

เขาว่าเย้ยขณะก้าวไปเผชิญหน้ากับเธอ

“แต่จะว่าไปนะแม่สาวน้อย ผมว่าคุณเองก็สวยดีนะ สนใจมานอนกับผมสักคืนไหมล่ะ ผมจะดูแลคุณอย่างดีเลย?”

“คุณ! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้น…”

สวีรุ่ยผงะถอยด้วยความตกใจ

“นี่ ไม่อย่างนั้นทำไม? จะแจ้งตำรวจจับผมเหรอ?”

เขายังคงรุกต้อนเธอ สีหน้าเยาะเย้นถากถาง

อวี้ฮ่าวหรานลงมือในจังหวะนี้!

“อั่ก!”

เขาถีบชายหนุ่มคนนั้นออกไปไกลภายในลูกเตะเดียว! ร่างผอมกระแทกเข้ากับหน้าต่าง ลอยทะลุออกไปด้านนอก

“ฮึ่ม ทำไมคุณต้องเกรงใจกับคนหยาบคายแบบนั้นด้วยครับ?”

อวี้ฮ่าวหรานหันมองหน้าหญิงสาวด้านหลังซึ่งกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง

“ฉัน… ยังไงก็ถือเป็นงานของฉัน ถ้าฉันมีเรื่องกับเขา เดี๋ยวจะเกิดผลร้ายตามมาได้น่ะค่ะ”

แม้สวีรุ่ยจะรู้สึกยินดี หากแต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาก็อดจะเครียดไม่ได้

ความรุนแรงเป็นสิ่งต้องห้ามในโรงเรียนอนุบาล อย่างไรเสียก็เป็นสถานที่อบรมสั่งสอนเด็ก ๆ จะปล่อยชื่อเสียงให้ฉาวโฉ่ไม่ได้

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวดูแคลน

“ที่นี่เป็นโรงเรียนอนุบาลเอกชน จะรับเด็กที่มีพ่อแม่อย่างนี้เหรอครับ?”

โรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงเป็นโรงเรียนอนุบาลชั้นนำในย่านนี้ เขาจึงตัดสินใจให้ถวนถวนเข้าเรียนที่นี่

แต่ตอนนี้กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น!

“ห๊ะ! นายน้อยจาง! ทำไมมานอนกองอยู่ตรงนี้ล่ะ?”

เสียงที่ดังขึ้นนอกประตูทำให้สวีรุ่ยหน้าเสียทันที

“เสียงอาจารย์ใหญ่ค่ะ”

เธอหันไปมองชายข้างกายตนเองหน้าตาตื่น คิดว่าต้องเกิดเรื่องแย่ขึ้นแน่