พูดจบนางก็เหลือบดูหลังบ้านของสกุลหลิวแล้วหันกายจากไป
ชิวเยี่ยไป๋ดูถึงตอนนี้ก็หลุบตาลงฉายแววเย็นเยียบวูบหนึ่ง ไม่ไปเอายาแล้ว หันกายเข้าไปห้องติดกัน
ตอนกลับถึงห้องตนเองพอดี อาซ้อหลิวกำลังนำชามยาเปล่าออกจากห้อง
“พ่อหนุ่มไป๋” อาซ้อหลิวเห็นนางก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง “น้องเจ้ากินยาแล้ว อีกสักพักเหงื่อออกก็จะดีขึ้นบ้าง”
ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้ายิ้มน้อยๆ “ขอบคุณอาซ้อ แต่สักครู่คงต้องขออำลาไปตามหาท่านอาของเราแล้ว”
อาซ้อหลิวงงงัน “อะไรนะ”
……
รถม้าคันน้อยแล่นโคลงเคลงบนทางสายน้อยของชนบท จุดหมายคือคลองขุดใหญ่ที่สายน้ำเชี่ยวกราก คนเยาว์วัยที่ขับรถแลดูท้องฟ้า และเห็นหมู่บ้านข้างหน้าผู้คนมากขึ้น เขาจึงเลิกม่านรถถามเบาๆ ว่า “เมียรัก เจ้ายังไหวไหม”
เสียงไอต่ำๆ ดังจากหลังม่านรถ “แค่ก แค่ก แค่ก…ยังไหว”
คนขับรถเยาว์วัยผงกศีรษะ แล้วสะบัดแส้มุ่งสู่หมู่บ้านนั้น
พวกเขายังไม่ทันเข้าใกล้ก็เห็นทหารในชุดรัดกุมกำลังปิดประกาศไปทั่ว ขณะเดียวกันก็ปิดปากทางออกของหมู่บ้าน ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหามของบ้าง ขับรถม้าส่งปลาบ้าง กำลังรอการตรวจผ่านด่าน
พวกทหารดูเหมือนจะเป็นหมวดเล็กๆ มีผู้ใหญ่บ้านอยู่ด้วย ตรวจค้นข้าวของชาวประมงอย่างหยาบคาย แถมยังฉกฉวยของดีไปด้วย
พวกชาวประมงเห็นแล้วก็ได้แต่โมโหในใจแต่ไม่กล้าปริปาก
จนกระทั่งถึงรถของผู้เยาว์คนนี้ ทหารนายหนึ่งส่ายอาดๆ ยกทวนยาวในมือขวางไว้ “เฮ้ย เจ้า ลงมา!”
ผู้เยาว์รีบกระโดดจากรถ กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “นายท่าน”
“ใครอยู่ในรถ” ทหารคนนั้นเหลือบมองใบหน้าเหลืองคล้ำของเขาอย่างตื่นตัว “ดูแล้วเจ้าเหมือนไม่ใช่คนท้องถิ่น!”
หมู่บ้านที่มีคนต่างถิ่นน้อยมาก พอทหารคนนั้นพูดเช่นนี้ คนทั้งหมดก็พากันมองมา
ผู้เยาว์ตอบอย่างนอบน้อมว่า “เรียนนายท่าน ข้าน้อยมิใช่คนท้องถิ่นจริง เป็นคนถิ่นอื่นที่มาหาของแห้ง แต่เมียข้าเกิดแพ้ดินน้ำจนไม่สบาย กำลังจะไปหาท่านหมอในเมืองขอรับ”
ทหารคนนั้นเลิกคิ้ว มองดูรถม้าด้วยแววตาสงสัย “หาของแห้ง?”
หลังรถม้าบรรทุกกระสอบป่านขนาดใหญ่สองใบ แต่ละกระสอบเพียงพอต่อการบรรจุคนหนึ่งคน
เขาพลันใช้ทวนในมือทิ่มใส่กระสอบป่านแล้วงัดขึ้นอย่างแรง
แควก! กระสอบป่านถูกเขากรีดขาดในพริบตา ปลาแห้งสารพัดชนิดร่วงหล่นลงมากลิ้งเต็มพื้น
ทหารคนนั้นแทงกระสอบป่านเสียหายไปหนึ่งใบไม่พบอะไรเลย จึงทิ่มเข้าใส่กระสอบอีกใบ ในนั้นก็มีปลาแห้งหล่นลงกับพื้นคลุกฝุ่นจนเปื้อนไปหมด
“นายท่าน ท่านทำอะไรเนี่ย” ผู้เยาว์ตะลึงและมองดูสินค้าข้าวของของตนอย่างลนลาน ท่าทางเหมือนจะยับยั้งไว้แต่ไม่กล้า
ทหารแค่นหัวร่อคราหนึ่ง กล่าวอย่างยโสว่า “เปล่าทำอะไรนี่ ใต้เท้านายอำเภอและท่านแม่ทัพจรยุทธ์มีคำสั่ง หลายวันมานี้มีมหาโจรลอบเข้ามาตงอั้นของเรา ว่ากันว่าคืนวานพวกมันเคยปรากฏตัวแถวนี้ จึงต้องผ่านการตรวจค้นจึงจะออกจากหมู่บ้านได้ ใครที่ตรวจไม่ผ่านห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
พริบตานั้นผู้เยาว์ลนลาน รีบก้าวเข้าไปล้วงเหรียญอีแปะพวงหนึ่งจากเอว ยัดใส่มือทหารคนนั้น หัวร่อเบาๆ อย่างประจบว่า “นายท่านทำบุญทำทานเถอะนะ พวกเราก็ได้ยินมาว่าเข้าเมืองได้แต่ห้ามออกจากเมือง ถึงได้คิดจะพาเมียข้าไปหาท่านหมอในเมืองอย่างไรเล่า ท่านดูสิ พวกเราล้วนเป็นคนซื่อที่มากันเป็นครอบครัว จะเหมือนมหาโจรได้อย่างไร”
ทหารคนนั้นรับเงินไว้ ยัดใส่เอวอย่างพอใจ มองดูรถม้าอีกครั้งน้ำเสียงอ่อนลง “เหอะๆ ข้าไม่ได้จะหาเรื่องเจ้าหรอก รีบไปเปิดม่านรถออกให้พวกข้าค้นดูหน่อย ถ้าไม่มีปัญหาก็จะปล่อยพวกเจ้าไป”
ทหารคนนั้นคิดว่าตนเองใจกว้างพอแล้ว แต่ผู้เยาว์หน้าเหลืองคล้ำที่อยู่เบื้องหน้ากลับลังเล เห็นทหารถลึงตาใส่ตนจึงร้องขออย่างจนใจว่า “นายท่าน บอกตามตรง เมียข้ามิใช่ป่วยเป็นครั้งแรก เมื่อก่อนท่านหมอก็บอกไว้แล้วว่าโรคนี้ห้ามโดนลม ถ้าท่านไม่เชื่อข้าจะเปิดม่านให้ท่านดู”
ทหารคนนั้นชักรำคาญกล่าวว่า “ไม่ได้ ไม่ต้องพูดมาก ข้างหลังยังมีคนเข้าแถวอีกเยอะนะ”
ผู้เยาว์รีบยิ้มเอาใจและผงกศีรษะ รีบอ้อมไปอีกฝั่งของรถม้า และเลิกม่านขึ้นเผยให้เห็นสภาพภายใน
ในรถม้านอกจากสตรีในชุดผ้าหยาบคนหนึ่งนั่งอิงในรถแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นเลยและยิ่งไม่มีใครอีกด้วย
แต่หลังสายตาของทหารจับจ้องบนร่างของสตรีแล้วพลันชะงัก จ้องมองสตรีในรถเขม็ง
ผู้เยาว์เห็นท่าทางของทหารดวงตาก็ฉายแววเย็นเยียบวูบหนึ่ง และกำลังจะปล่อยม่านลง “นายท่าน ท่านก็เห็นแล้ว พวกเราไปได้หรือยัง…”
“รอเดี๋ยวก่อน เรียกเมียเจ้าลงมา!” ทหารพลันตวาด “การตรวจรถจะลวกๆ เช่นนี้มิได้ บนรถใต้รถและคนต้องตรวจหมด ใครจะไปรู้ว่าคนบนรถเป็นเมียเจ้าจริงหรือไม่ และจะมีเบาะแสของมหาโจรหรือไม่ ยังต้องค้นตัวด้วย!”
คำพูดทหารหลุดจากปาก ใบหน้าของผู้เยาว์มีแววโทสะ แม้แต่พวกชาวบ้านที่ต่อแถวหลังเขาก็พากันฮือฮา
คำพูดนี้ใครๆ ก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะลวนลามสตรีบนรถ
ผู้เยาว์เพิ่งคิดจะพูด พลันเหลือบเห็นหัวหน้าหมวดก็สังเกตถึงการเคลื่อนไหวทางด้านนี้และกำลังเดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น” หัวหน้าหมวดเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน แล้วหยุดยืนมองกลุ่มคนที่หน้ารถ พลันเอ่ยถามอย่างรำคาญใจ
ทหารคนนั้นเห็นเจ้านายก็มีสีหน้าอีหลักอีเหลื่อ เขาเพียงแค่เกิดตัณหาขึ้นวูบหนึ่ง จึงได้ทำเช่นนี้ และรู้อยู่แก่ใจว่าสภาพเช่นนี้มาทำงานที่ไม่มีอะไรเข้าพกเข้าห่อได้ หัวหน้าหมวดรำคาญที่สุดก็คือลูกน้องแส่หาเรื่องให้อีก
ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่สตรีในรถทันที พลางหัวร่อแห้งๆ “ไม่มีอะไรก็แค่เรียกสตรีตัวน้อยลงมาค้นดูเท่านั้น”
ว่าแล้วก็ถลึงตาใส่ผู้เยาว์อย่างดุดัน “ไอ้นี่บังอาจขัดคำสั่ง”
หัวหน้าหมวดฟังแล้วก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงเตะใส่ทหารคนนั้นอย่างรำคาญ “อย่าหาเรื่องให้ข้า…”
ยังไม่ทันขาดคำ สายตาของเขาบังเอิญเหลือบมองในรถเข้าก็ตะลึง
สตรีในรถหน้าขาวผ่องอ้อนแอ้น ปากคอคิ้วคางงดงาม สองแก้มแดงเรื่อด้วยพิษไข้ แต่ยิ่งขับให้เห็นความงดงามปานลูกท้อ ยามนี้เนื่องจากไอติดต่อกัน ส่อให้เห็นความอ่อนแอ ดวงตากลมโตคู่หนึ่งคล้ายคลอด้วยน้ำตา ดูแล้วสะท้านจิตใจ
ผู้เยาว์มองดูสีหน้าท่าทางของหัวหน้าหมวดแวบหนึ่ง แล้วหันไปดูเมียของตน กัดริมฝีปากเงียบๆ