แม้เหมยซูจะอยู่ไม่ใกล้นัก และอีกฝ่ายเผยเพียงใบหน้าซีกเดียว แต่เขาส่อแววผิดหวังทันที มิใช่
ชิวเยี่ยไป๋!
พริบตานั้นเขาก็หมดความสนใจ โบกมือกล่าวกับหัวหน้าหมวดที่ยืนรอรับใช้ข้างๆ ว่า “พอแล้ว ให้คนไปค้นต่อ เจ้ากับผู้ใหญ่บ้านพาข้าไปดูในหมู่บ้าน”
หัวหน้าหมวดผงกศีรษะทันที แล้วจูงบังเหียนม้าเอง พาคณะของเหมยซูเดินตามทางเข้าหมู่บ้าน
ขณะเฉียดผ่านรถม้าคันนั้น เหมยซูกวาดตาแลดูสามีภรรยาพ่อค้าต่างถิ่นคู่นั้น ดวงตาฉายแววสงสัยวูบหนึ่ง แต่มิได้ลังเล ยังคงเข้าสู่หมู่บ้านไป
ผู้เยาว์เห็นเหมยซูกับขบวนคนและม้าเข้าหมู่บ้าน ก็เลิกเก็บปลาแห้งเพียงจัดแจงเก็บของแห้งที่ใส่กระสอบแล้วอย่างลวกๆ พาดไว้บนรถม้าหันศีรษะกล่าวกับพวกชาวบ้านที่รายล้อมอยู่กล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสทุกท่านเมียข้าป่วยหนัก วันนี้ข้าต้องรีบพานางเข้าเมืองไปรักษา ไม่มีกะจิตกะใจจะเก็บของพวกนี้แล้ว ยกให้พวกท่านแล้วกัน”
บรรดาชาวประมงงงงัน แต่เห็นเขาสีหน้าร้อนรุ่มจึงพากันพยักหน้า ยังมีคนรีบโบกมือไล่ “ไป ไป ตัวซวย!”
ผู้เยาว์รีบยิ้มให้พลางผงกศีรษะ แล้วปีนขึ้นรถรั้งบังเหียน ขับรถม้าวิ่งเหยาะจากไปอย่างรวดเร็ว
บรรดาทหารกินฝุ่นจนสำลัก เห็นรถม้าเข้าเมืองเร็วขึ้นทุกทีจึงขมวดคิ้วด่าว่า “ถุย จะรีบไปเกิดใหม่หรือไร!”
…
เหมยซูเข้าสู่หมู่บ้าน กำลังรับฟังรายงานจากผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าหมวด ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนถึงขณะนี้ พลันได้ยินว่ามีบ้านหนึ่งเก็บบุรุษตกน้ำขึ้นมา เขาพลันหยุดลงแลดูผู้ใหญ่บ้าน “คนล่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเห็นคุณชายใหญ่จู่ๆ ก็ถามเช่นนี้ แม้สีหน้าจะนุ่มนวล แต่ดวงตาวาววับจนผู้คนมิกล้าสบตา
เขารีบกล่าวว่า “น่าจะยังอยู่สกุลหลิว ยายเฒ่าที่มารายงานต่อข้าน้อย บอกว่าป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้”
เขานึกอยากเห็น แต่นึกดูอีกทีในเมื่อป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้ คงไม่หนีหายไปไหน จึงสั่งให้ปิดปากทางหมู่บ้านก่อน
แววตาเหมยซูแหลมคมกว่าเดิม กล่าวทันทีว่า “พาข้าไป”
ภายใต้การนำทางของผู้ใหญ่บ้าน คนและม้าขบวนใหญ่ก็มุ่งไปทางสกุลหลิว แค่เพียงถึงปากประตู ก็เห็นยายเฒ่าเปียกโชกทุลักทุเลใบหน้าเปื้อนเลือดยืนกุมศีรษะอยู่หน้าประตู และตะโกนด่าใส่สกุลหลิว “เจ้าว่าที่พวกเจ้าช่วยไว้เป็นไอ้สารเลวตัวไหน ข้าก็แค่อยากดูว่าพวกมันเป็นไอ้มหาโจรหรือไม่ ถึงกับถีบข้าลงจากตลิ่ง ไอ้หลิวต้า ข้าจะบอกให้ พี่น้องคู่นั้นในบ้านเจ้าคือมหาโจรแน่นอน ไม่ใช่คนดี ข้าบอกผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว พวกเจ้าระวังให้ดี!”
อาซ้อหลิวก็ยืนที่ปากประตู ชี้ด่าว่า “ยายแก่เฮงซวย ซี้ซั้วพูดอะไร ก็เพราะเจ้าซี้ซั้วพูดนี่แหละ ถึงทำเอาคนอื่นสงบไม่ได้ ต้องไปทั้งๆ ที่ป่วยอยู่!”
ป่วยอยู่…
เหมยซูได้ยินคำนี้พลันเหมือนมีแสงวาบขึ้นในสมอง นึกถึงสามีภรรยาที่ปากทางหมู่บ้านคู่นั้น
เขาพลันเข้าใจ ทำไมจึงรู้สึกว่าสตรีบนรถม้าคุ้นตา
เขาตวาดทันที “รีบออกจากหมู่บ้าน พวกเจ้ารีบจัดม้าทันที ไปสกัดผัวเมียคู่นั้นไว้ แล้วข้าจะตามไป!”
หัวหน้าหมวดกับพวกงงงัน แต่เจิ้งหยางประสานมือคารวะแล้วขับม้านำคนไล่ตามไปทันที!
“ขอรับ”
เหมยซูมองดูปากทางเข้าหมู่บ้านที่ไกลออกไป ดวงตาสดใสฉายแววเย็นเยียบ
เขาดูเบานางเกินไป
ถึงกับปล่อยให้เฉียดไหล่ผ่านไป…
รูปร่างเปลี่ยนได้ อากัปกริยาที่เคยชินก็เปลี่ยนได้ ผิวกายปลอมแปลงได้ ต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นวิชาปลอมแปลงโฉมขั้นพื้นฐานเท่านั้น
เนื่องจากเขาออกคำสั่งให้ตามจับบุรุษ ดังนั้นคนส่วนมากจึงมุ่งความสนใจไปที่บุรุษตัวคนเดียวหรือเดินทางเป็นกลุ่ม พอฟังว่าเป็นสามีภรรยาความสงสัยก็คลายลงตามสัญชาตญาณ
และเขาก็แค่คิดว่าคนกลอกกลิ้งเช่นชิวเยี่ยไป๋อาจปลอมตัวเป็นสตรีก็ได้ จึงดูแต่สตรีคนนั้นโดยมิได้สนใจตัวบุรุษ นี่อาจเป็นเพราะชิวเยี่ยไป๋ก็คาดคะเนว่าเขาจะคิดเช่นนี้ ยามนั้นนางหันหลังให้เขาแสร้งเผยให้เห็นท่อนแขนที่เหลืองคล้ำ ก็เพื่อให้เขาเห็นก่อนจึงสันนิษฐานผิด มิได้ดูหน้านางด้วยซ้ำ กลับมุ่งสนใจ ‘สตรี’ ที่ผิวกายขาวผ่อง
นางคิดย้อนศรและยังคงแต่งกายเป็นบุรุษเช่นเดิม ก็อาศัยจุดบอดทางความคิดของคนเช่นนี้
กลอกกลิ้งจริงหนอ!
เขาร้องเฮอะเบาๆ แต่ไม่รีบร้อนที่จะไล่ตาม ได้แต่มองดูสกุลหลิวสั่งหัวหน้าหมวดเนือยๆ “ไป ไปสกุลหลิว”
รถม้าตะบึงบนทางราวเหินบิน ผู้เยาว์ที่เป็นสารถีขับรถพลางหันไปดูคนหลังม่านรถ “เป็นอย่างไรบ้าง ไหวไหม”
‘สตรี’ ในรถแม้สีหน้าจะไม่สู้ดี แต่ยังคงยิ้มให้ “พอไหว”
สายตาของผู้เยาว์ตกอยู่ที่ร่างหลวงจีนผมยาวคนหนึ่งที่มิรู้ว่าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใด ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ดูแลโจวอวี่ให้ดี!”
แม้นางจะข้องใจมากว่าไอ้หมอนี่ดูแลคนเป็นไหม แต่รถม้าโคลงเคลงมาก โจวอวี่ยังมีไข้สูง จำเป็นต้องมีคนคอยดูแล
หยวนเจ๋อแลดูนาง ดูเหมือนจะไม่สังเกตว่าน้ำเสียงนางไม่ดี เอาแต่ตบเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นจากล้อรถตอนที่ปืนขึ้นมาจากท้องรถ พลางพยักหน้าอย่างนุ่มนวล “ประสกวางใจ”
แต่หลังจากนั้น เขาพลันเห็นจุดคราบสีแดงที่ชายเสื้อของนาง เขางงงันกล่าวอย่างสงสัยว่า “ประสกเสี่ยวไป๋ ได้รับบาดเจ็บหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋ชะงักงัน ก้มศีษะลงมองจุดคราบสีแดงเป็นดวงๆ บนชายเสื้อของตน
นางเอื้อมมือไปจับแผ่นหลังตามสัญชาตญาณ ไร้ร่องรอยบาดแผลใด หรือว่าระดูเดือนนี้จะมาก่อนเวลาแล้ว!
ชิวเยี่ยไป๋ย้ายมือไปไว้ตรงท้องน้อย สีหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง
หยวนเจ๋อรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “ประสกเสี่ยวไป๋ พวกเราหยุดพักสักหน่อย ให้อาตมาช่วยประสกพันแผลสักรอบหนึ่งก่อน บาดแผลของประสกคล้ายจะไม่เบา มีเลือดไหลอยู่ตลอด”
แม้แต่โจวอวี่ที่ร่างกายอ่อนแอก็ยังมองมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล
สีหน้าของชิวเยี่ยไป๋พิสดารมาก หางตาเขม็งแล้วพยายามตอบอย่างเป็นปกติที่สุดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ใช่บาดแผลสำคัญ แค่ถลอกเท่านั้น”
พูดจบนางก็รั้งบังเหียน ขับรถม้าตะบึงต่อไป
หยวนเจ๋อกับโจวอวี่มองดูจุดเลือดที่ชายเสื้อนางอย่างสงสัย ดูเหมือนจุดนั้นจะเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ถลอก? จะเลือดออกมากขนาดนี้หรือ
เส้นทางในชนบทมีกรวดหินมากมาย และรถม้าก็มิใช่รถดีอะไร โจวอวี่กระเด็นกระดอนจนต้องไอโขลกพลางกล่าวว่า “ใต้เท้า…ท่านจะพันแผลหน่อยไหม…แค่กๆ”
ชิวเยี่ยไป๋ที่หันหลังให้พวกเขาสั่นศีรษะ “พวกเราตบตาเหมยซูได้ไม่นานหรอก ก่อนที่กองกำลังไล่ล่าจะมาถึง ต้องไปให้ถึงหมู่บ้านซิ่งฮวารับเหล่าเจอกูก่อน จะปล่อยให้ตกอยู่ในมือเหมยซูไม่ได้ เหล่าเจอกูเป็นพยานสำคัญ เหมยซูไม่ไว้ชีวิตแน่”