“ลองดูก่อน!” องค์หญิงจีหยูรู้สึกว่ามันก็แค่เกมเกมหนึ่งไม่ได้น่าสนใจเท่าไรนัก แต่เมื่อได้เห็นชื่อเกม จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ
แม้แต่สาวกจากหลิงหยวนก็ยังไม่กล้าเล่นหรอ? เธอจ้องมองที่ซงฉิงเฟิง, นาหลันหมิงสื่อและคนอื่นๆ ด้วยความอยากรู้
องค์ชายสองรู้สึกลังเลใจเมื่อได้ยินคำตอบจากจีหยู “ตกลง เราจะยืนดูมันก่อนละกัน”
ด้วยความร้อนวิชายิ่งซงซวน, หลิวหยุนและสาวกคนอื่นๆ จากซียี่ได้เปิดใช้งานเกมและเข้าเกมอย่างรวดเร็ว สาวกจากสำนักเฉิงจิ้งก็ไม่แพ้กัน เซียวเลงยูและองชายค์ก็เปิดใช้งานเข้าเกมตามไปติดๆ
เป็นการแข่งขันที่ช่างเงียบงัย พวกเขาต้องใช้โอกาสนี้เพื่อไถ่ถอนความพ่ายแพ้ที่ผ่านมา
“คนขี้ขลาดจะกลายเป็นนักรบได้อย่างไรกัน” จี้หยางเข้าเกมด้วยความรวดเร็ว ในตอนต้นเกมนั้นง่ายเดี๋ยวรู้เรื่อง
ตัวละครชายตัวหลักมีชื่อว่าเจมส์ เขาได้รับจดหมายจากแมรี่ภรรยาของเขาผู้เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน ในจดหมายได้เขียนไว้ว่าเธอกำลังรอเขาอยู่ในสถานที่พิเศษซึ่งอยู่ในเมืองไซเลนต์ฮิลล์ ด้วยความสงสัยที่ติดอยู่ในใจ เจมส์กระตือรือร้นที่จะไปยังไซเลนต์ฮิลล์
ในขณะที่จี้หยางทำการควบคุมตัวละครชาย เขาจำเนื้อหาของจดหมายได้บางส่วนแต่ไม่คิดเลยว่าเมืองนี้จะเงียบสงบและเต็มไปด้วยหมอกหนาเช่นนี้
จี้หยางพูดไม่ออก
ก่อนหน้านี้ที่ยืนมองซูเทียนจิเล่น เขาเองไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่หลังจากได้ลองเล่นเกมด้วยตัวเองเขากลับรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
“มันก็ปกติดีนี่ ..” เซียวเลงยูเอ่ยขึ้น แต่เมื่อเล่นไปสักพักบรรยากาศรอบๆ เริ่มเปลี่ยนไป
เธอจำได้ว่าก่อนเปิดใช้งานเจ้าตัวเล็กเจียงเสี่ยวหยูได้บอกคุณสมบัติต่างๆ ของเกมให้เธอฟัง ตัวอย่างเช่น ระบบจะทำการตัดการสื่อสารภายนอกเมื่อผู้เข้าสู่พล็อตเรื่องของเกม
เธอรู้สึกไม่สบายใจที่ตอนนี้ตัวเองกำลังยืนอยู่ในความเงียบ สงบ ..
องค์หญิงพร้อมด้วยองค์ชายสองที่ยืนดูอยู่ข้างหลัง พวกเขาเริ่มมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไป “หืม? คนธรรมดาๆ จะต้องตามหาใครสักคนอย่างงั้นหรือ?”
ในโลกแห่งความเป็นจริงพวกเขาจะส่งกองทหารไปทำการค้นหา แต่ .. คนธรรมดาแบบนี้เข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน!?
เขาจะเดินทางกลับได้ยังไง?
จากภาพจำของความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นในสนามรบเหล่าสาวกทั้งสองสำนักจึงต้องบังคับตัวเองไม่ให้กลัว หากพวกเขาเลิกเล่นไปตอนเริ่มเกม มันจะต้องเป็นที่น่าขายหน้าต่อสำนักหลิงหยวนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามท่องไว้มันก็แค่เกม! มันคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้หรอก ด้วยความคิดนี้จี้หยางและคนอื่นๆ จึงบังคับใจให้เล่นเกมต่อไป
เมื่อผ่านสุสานในที่สุดพวกเขาก็เริ่มพบความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในไซเลนต์ฮิลล์ เดินต่อไปเข้าไปในเมืองไม่มีความเสียหายอะไรเลย นอกเสียงจากความเงียบงัน ความเงียบและบรรยากาศชวนขนลุก ..
หลิวหยุนมีความต้องการอยากมากที่จะออกจากเกมในตอนนี้!
เธอไม่เคยกลัวเลยในทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับอสูร เธอพบว่าหากเปรียบเทียบกับบรรยากาศตอนนี้ บอกได้เลยว่าอสูรนั้นน่ารักมาก!
สีหน้าขององค์หญิงเริ่มเปลี่ยนไป “ฉันอยากจะเผชิญหน้ากับกลุ่มนักฆ่ามากกว่าเข้าไปที่นั่น” เธอเอ่ย
ในสถานที่ที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนช่างแปลกประหลาดอย่างมาก ผู้คนกำลังเดินเข้าไปลึกข้างในเพื่อเปิดเผยความจริงบางอย่างที่แสนน่ากลัว แค่นึกภาพสศัตรูก็ขาสั่นแล้ว
สถานการณ์และสภาพแวดล้อมเช่นนี้หยุดไม่ได้เลยที่จะจินตนาการไปต่างๆ นาๆ
ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไรจินตนาการที่สร้างขึ้นยิ่งดุเดือดมากเท่านั้น การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดนั้นยังคงวิ่งหนีได้ แต่การจินตนาการนั้นทำให้วิตกกังวลไมาหยุด
องค์ชายสองรู้สึกโชคดีที่ได้ทำจตามคำแนะนำขององค์หญิง ลองสังเกตการณ์ก่อนจะเล่นด้วยตัวเอง ..
เมื่อความกลัวของผู้เล่นเพิ่มถึงขีดจำกัด ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นสิ่งบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา! สถานการณ์ที่พวกเขาเคยเจอในชีวิตจริงและอันตรายที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับอสูร
แต่ .. นี่เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
“อ่า!”
ในตอนนี้บางคนเลือกที่จะหลบนี้หรือวิ่งออกไป แต่องค์ชายสองพร้อมองค์หญิงกำลังเห็นบางคนถูกโจมตีอยู่!
พวกเขาจินตนาการไปต่างๆ ถึงความสิ้นหวัง แต่ไม่สามารถออกจากเกมได้
จีหยูรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “อ้า!” เธอร้องรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้เธอกรีดร้องออกมา ส่งผลให้คนรอบข้างเริ่มสั่นไปตามๆ กัน
เสียงกรีดร้องของของเธอได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ในคาเฟ่ จีหยูรีบหลบข้างหลังองค์ชายสองทันที
มันน่าอาจที่สุด!
พวกเขาโอ้อวดเรื่องความกล้าหาญ แต่กลับแสดงความกลัวออกมามากกว่าคู่แข่ง!
นอกจากเสียงกรีดร้องที่น่าอายแล้ว คนอื่นๆ ที่เล่นเกมเองก็รู้สึกกำลังจะตายเพราะความกลัวปนอับอายเช่นกัน!
องค์ชายสองเงยหน้าขึ้นร้องตะโกนออกมาว่า “ท่าน! ใครกันที่เล่นเกมนี้ได้ น่ากลัวจะตาย!”
“ทำไมละ?” ฟางฉีมองหน้าพวกเขา
“ตัวละครหลักเป็นแค่คนธรรมดาและเขายังต้องเดินทางเข้าไปในสถานที่อันตรายเช่นนี้อีก” จีหยูโต้เถียง “เกมนี้ไม่มีเข้าท่าเอาซะเลย”
“มีอะไรผิดปกติ? เพราะเป็นเพียงคนธรรมดาหรอ?” ฟางฉีกล่าวต่อ “หาดพวกท่านรู้สึกกลัว ท่านก็จะไม่มีพลังในการฝึกฝน ซึ่งนั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งเป็นผลของจิตใจที่แข็งแกร่ง หากจิตใจอ่อนแอพังทลายลงร่างกายก็จะแพ้เช่นกัน เหมือนกับเราขาดความเชื่อมั่น”
คำพูดของฟางฉีกระแทกลงไปในความเครียดชองผู้คนมากมาย ส่งผลให้พวกเขาเริ่มรู้สึกตัว
ฟางฉีกล่าวงเสริม “จากความเห็นของข้า ข้าว่าพวกท่านควรเล่นเกมซักร้อยครั้ง”
หน้าของแต่ละคนกระตุก
เล่นร้อยครั้ง!? นี่เจ้าของร้านอยากให้เราตายเพราะกลัวหัวหดหรอ
“ถ้างั้นทำไมเจ้าไม่เล่นละ” เซียวเลงยูที่เพิ่งหนีรอดจากปีศาจถอดหูฟังออกแล้วจ้องหน้าฟางฉี
“ใครบอกเจ้า” ฟางฉีกลอกตา
“เจ้าของร้านจะเล่นคืนนี้” นาหลันหมิงสื่อตอบเพื่อป้องกันไม่ให้ฟางฉีตอบกลับ
“ถ่านทอดสด?” ทุกคนจ้องหน้าเขา “ท่าจะถ่ายทอดสดเกมนี้?”
“ใช่แล้ว” นาหลันหมิงสื่อรีบตอบ
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของคาเฟ่ นายกได้ยกกลุ่มเหล่าข้าราชการพลเรือนและทหารมาดูละครในยามว่าง
ส่วนด้านนี้สาวกจากสามสำนักกำลังสนทนากันอย่างดุเดือด “ดี พวกข้าจะรอดูความอัปยศของท่าน!”
ฟางฉียืนนิ่ง เขาไม่มีทีท่าที่กังวลสักนิด
“หึ! ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ร้องไห้งอแงและขอความเมตตา!”
ฟางฉีหยักไหล่และหันไปมองหน้านาหลันหมิงสื่อ “เจ้าไม่ลองบ้างหรอ?”
“…” นาหลันหมิงสื่อ