บทที่ 393 ฉันคือโรส…!
บทที่ 393 ฉันคือโรส…!
เมืองแห่งความโศกเศร้ากลายเป็นเมืองที่มีการเดินทางที่ยุ่งเหยิงระดับหนึ่งเลยสำหรับเหล่าผู้เล่นในเขตฮัวเซีย ไม่ว่าจะเป็นเพราะระบบการหลอมอาวุธที่โดดเด่นที่สามารถเพิ่มความสามารถของอาวุธให้ขึ้นสู่ระดับสูงสุดได้ หรือจะเป็นโพชั่นหายากที่มีเฉพาะถิ่นซึ่งเมื่อใครดื่มไปแล้วมันจะช่วยเพิ่มค่าสถานะได้ ใช่แล้ว พวกมันคือของขึ้นชื่อของเมืองแห่งความโศกเศร้านี้
นอกจากนี้แล้ว เมืองแห่งความโศกเศร้ายังถือเป็นเมืองหลักของผู้เล่นที่มีระดับ 2 แถมยังมีวิหารแห่งแสงเลเวล 2 ถูกติดตั้งไว้ ซึ่งเป็นแห่งเดียวในเขตฮัวเซีย ด้วยระดับ 2 นี้มันจะทำให้ใครก็ตามที่กลับมาเกิดใหม่ในเมืองแห่งความโศกเศร้า จะเสียค่าประสบการณ์เพียง 10% เท่านั้น สิ่งนี้ถือเป็นอะไรที่น่าอิจฉามาก ๆ
ส่วนเรื่องการที่เมืองแห่งความโศกเศร้านี้จะดึงดูดนักลงทุนได้ขนาดไหนนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย นั่นก็เพราะตอนนี้มีแบรนด์สินค้าชั้นนำมากมาย รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายการต่างก็เข้ามาขอขึ้นป้ายสินค้าของตนไว้ตามอาคารต่าง ๆ ภายในเมืองแห่งนี้จนเต็มไปหมด ซึ่งมันถือเป็นเรื่องที่ดีกับเฉียนโตวโตวเป็นอย่างมากยามที่เธอได้เห็นโฆษณาจากแบรนด์ชั้นนำอยู่ทั่วทุกที่ในเมืองเช่นนี้
ไม่เพียงเท่านี้ เหล่ากิลด์หลัก ๆ ขนาดใหญ่ในฟากใต้ของฮัวเซียต่างก็มาตั้งรกรากอยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้ากันด้วย ไหนจะการที่มีงานประมูลสินค้าคุณภาพสูงถูกจัดขึ้นถูกจัดขึ้นที่ร้านค้ามหาสมบัติประจำเมืองทุก ๆ สามวันอีก
ดังนั้นแล้วตอนนี้เมืองแห่งความโศกเศร้าในตอนนี้ได้กลายเป็นที่นิยมของผู้เล่นมากกว่าเมืองเทียนหลงและเกือบจะเทียบเท่าเมืองจักรวรรดิไปแล้ว! การที่ผู้คนมากมายต้องมาแออัดกันอยู่จนแทบจะเดินไม่ได้นั้นเป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่าเมืองกำลังเจริญรุ่งเรือง
ตอนนั้นเอง ภายในปราสาทประจำเมืองแห่งความโศกเศร้านั้นกำลังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีเสียงพูดคุยดังจอแจออกมาให้ได้ยินเรื่อย ๆ หากแต่ว่าเรื่องที่คุยนั้นไม่น่าอภิรมณ์สักเท่าไหร่ มันหนักไปทางข้อพิพาทเสียมากกว่า
“ท่านรองหัวหน้าลีฟ การโดนหว่านล้อมเช่นนี้คุณมั่นใจขนาดไหนกันเชียว? ถ้าหากพวกเราพลาด เมืองแห่งความโศกเศร้าก็จะถูกพวกทัพแห่งความมืดยึดคืนกลับไปเลยนะ! เช่นนั้นแล้วเงินที่พวกเราลงทุนกับที่นี่ไปก็เท่ากับสูญเปล่าเลยไม่ใช่หรือไง!?”
“ใช่แล้วรองหัวหน้าลีฟ! นี่พวกคุณเตรียมการรับมือกับสงครามระลอกนี้จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย!”
“แล้วหัวหน้าโรสยังไม่มาอีกเหรอ?”
“ถ้าเกิดการป้องกันล้มเหลว ใครจะรับผิดชอบพวกเราล่ะ?”
“ในเมื่อพวกเราอุดหนุนกิลด์มิดซัมเมอร์มากมาย แบบนี้พวกนายจะรับผิดชอบหรือเปล่าถ้าเกิดเมืองแห่งความโศกเศร้าถูกยึดคืนน่ะ?”
หัวเรือใหญ่ของแต่ละแบรนด์หรูต่างล้อมรอบอยู่ที่ตัวปราสาทประจำเมือง พวกเขาเหล่านี้กำลังปิดกั้นให้รองหัวหน้ากิลด์อย่างลีฟไม่สามารถออกไปไหนได้
สถานะของคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ พวกเขาต่างเป็นตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับท็อป 500 ของโลกกันทั้งหมด รวมถึงบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเขตฮัวเซียด้วย ป้ายโฆษณาต่าง ๆ ภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าคือสิ่งที่พวกเขาลงทุน เพราะสถานะของเมืองแห่งความโศกเศร้าที่มีต่อผู้เล่นนั้นมันถือว่ายิ่งใหญ่มาก ๆ
แม้จะเป็นเพียงการลงทุนในโลกของเกม แต่การร่วมมือกับเมืองแห่งความโศกเศร้าก็ให้ผลดีกว่าการลงทุนโฆษณาในที่อื่น ๆ อยู่หลายเท่าเลยทีเดียว
ยังไงเสียตอนนี้โลกใบที่สองใบนี้ก็กำลังเปรียบเสมือนชีวิตที่สองคนทุกคนจริง ๆ แทบจะไม่มีใครดูหรือติดตามโฆษณาในโลกจริง ๆ กันแล้ว รวมไปถึงนอกจากที่นี่พวกเขาก็ไม่มีที่อื่นหรือโอกาสที่จะสามารถประกาศโฆษณาได้เลย มีเพียงเมืองแห่งความโศกเศร้าที่เป็นเมืองหลักของผู้เล่นเมืองแรกในโลกของเกมเท่านั้น ที่เดียวที่สามารถให้พวกเขาโฆษณาสินค้าได้
ตั้งแต่ที่เฉียนโตวโตวเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้ามาลงทุนได้ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่คนเหล่านี้จะหลั่งไหลเข้ามาโดยไม่สนใจว่าราคาค่าบริการจะสูงขนาดไหน พวกเขาไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิมพรรค์นี้หรอก เพื่อให้ตนเองสามารถเพิ่มยอดขายได้ โอกาสนี้เสมือนวินาทีทอง การแข่งขันระหว่างตัวแทนที่มาจับจองพื้นโฆษณาเป็นเรื่องที่พวกเขาเองรู้กัน แต่ถ้าไม่สู้เพื่อให้ได้มา เขากลัวว่ามันจะไม่มีโอกาสอีกมากกว่า
เฉียนโตวโตวสนใจแค่ว่า เธอเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ ส่วนเรื่องการบริหารจัดการ เธอยกให้เป็นหน้าที่ของมิดซัมเมอร์กิลด์ ยังไงเสียตอนนี้กิลด์มิดซัมเมอร์ก็เป็นเจ้าเมืองของเมืองแห่งความโศกเศร้าไปแล้ว
และเมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มันก็ทำให้ลีฟปวดหัวเป็นอย่างมาก เหล่าตัวแทนที่กำลังยืนขวางทางเขาอยู่นี้ ไม่มีใครเลยที่มีมูลค่าทรัพย์สินด้อยกว่ามิดซัมเมอร์กรุ๊ป
หลังจากที่พวกเขาเหล่านี้ได้รู้ข่าวเรื่องที่ทัพแห่งความมืดเตรียมจะโต้กลับหมายจะเอาเมืองแห่งความโศกเศร้าคืน มันก็ทำให้พวกเขาเกิดอาการกลัวว่าการลงทุนในเมืองนี้จะกลายเป็นศูนย์ หากการป้องกันเมืองแห่งความโศกเศร้าไม่เป็นที่สำเร็จไปด้วยดี
“ท่านหัวหน้า! ท่านหัวหน้ามาแล้ว!”
ขณะนั้นเองลีฟที่กำลังจมอยู่กับปัญหาก็ได้เห็นโรสวิ่งตรงมาทางปราสาทประจำเมืองราวกับเป็นนางฟ้าที่ตกจากสรวงสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์
ก่อนหน้านี้ลีฟไม่เคยหวั่นไหวกับอะไรเช่นนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องจริงที่เขาให้ความเคารพนับถือโรสมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่าเธอคนนี้เป็นนางฟ้ามาโปรดจริง ๆ
ลีฟเป็นชายวัยกลางคน เขาเป็นผู้นำเหล่ากองทหารในโลกแห่งเกมมาหลายปี เพราะงั้นหากให้เขาไปคุมกองทหารในเกมดังเดิมเขาก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เพราะตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด การต้องมาจัดการเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจเช่นนี้ มันถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย
“ท่านหัวหน้าโรสมาแล้ว!”
“ท่านหัวหน้าโรส!”
กลุ่มของตัวแทนรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากเดิมแล้วหันไปมองหลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาทันที อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้กระโจนเข้าไปขวางทางเธอแต่อย่างใด เพราะออร่าที่ดูสง่างามและอำนาจอันทรงพลังของหลิวเฉียงเหว่ย นอกจากนี้พวกเขายังพากันเงียบไปตาม ๆ กันด้วย
ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีมูลค่าทรัพย์สินที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามิดซัมเมอร์กรุ๊ป แต่ความทรงอำนาจของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปในโลกของเกมก็มากกว่าพวกเขาอยู่ดี!
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิวเฉียงเหว่ยมองไปยังกลุ่มคนที่ก่อนหน้านี้ตะโกนโหวกเหวกโวยวายกันอยู่ด้วยความสงสัย
“ท่านหัวหน้าโรส…”
เหล่าตัวแทนไม่รอช้าที่จะหันไปบอกเล่าถึงจุดประสงค์ของพวกเขาด้วยฝีปากที่เก่งกาจ แน่นอนว่าน้ำเสียงของพวกเขานั้นฟังดูลื่นหูกว่าแต่ก่อนเยอะ เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็พึ่งพากิลด์มิดซัมเมอร์เพื่อหาเงิน หากพวกเขามีเรื่องกับหัวหน้ากิลด์อย่างเธอละก็…การอยู่ในโลกแห่งเกมของพวกเขามันคงจะเป็นอะไรที่ลำบากใจไม่น้อยเลย
ลีฟใช้โอกาสนั้นปลีกตัวออกมาจากฝูงชนทันที เพราะเขายังมีงานที่สำคัญอย่างการนำคนของกิลด์มิดซัมเมอร์ไปคุ้มกันเมืองอยู่ เขาจึงไม่อยากจะเอาเวลามาเสียอยู่ที่นี่มากนัก การที่ก่อนหน้านี้เขาต้องเผชิญหน้ากับตัวแทน ก็เพราะกลุ่มตัวแทนไม่ยอมเปิดทางให้เขาออกไป
“เมืองแห่งความโศกเศร้าจะไม่แตกพ่ายแน่นอน ได้โปรดไว้วางใจ” หลิวเฉียงเหว่ยหันไปพูดกับทุกคนหลังจากรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว น้ำเสียงของเธอยังคงราบเรียบดังเดิม
“ท่านหัวหน้าโรสครับ นี่ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อมั่นในพลังของมิดซัมเมอร์กิลด์หรอกนะครับ นอกจากนี้การที่ระบบประกาศให้สงครามครั้งนี้เป็นภารกิจ แน่นอนว่าต้องมีผู้เล่นมากมายจากทั่วทั้งเขตมาช่วยป้องกันเมืองแน่ ๆ ”
“ใช่แล้ว สิ่งที่พวกเรากังวลน่ะ คือจำนวนบอสเลเวลสูงหลายตัวที่อยู่ฝั่งโน้นต่างหาก บอสพวกนั้นเอาจำนวนคนเข้าว่าไม่ได้แน่ ๆ ยิ่งพวกมันไม่ได้มีเป้าหมายที่ผู้เล่นแล้ว มันอาจจะวิ่งชนเมืองตรง ๆ เลยก็ยังได้”
“ใช่เลย นี่ก็เหลือแค่ชั่วโมงเดียวแล้วก่อนที่การล้อมกรอบจะเริ่ม หาก NPC ยังไม่ส่งบอสระดับสูงของทางฝั่งเราไปช่วยป้องกัน ยังไงลำพังแค่พวกผู้เล่นก็ไม่สามารถกันการโจมตีของบอสได้นานแน่ ๆ”
ตัวแทนเหล่านี้ก็เป็นผู้เล่นด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นแล้วมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเข้าใจถึงความน่ากลัวของการป้องกันเมืองเช่นนี้ แล้วถ้าอีกฝ่ายมีบอสระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย ต่อให้มีผู้เล่นเป็นล้านคน พวกเขาก็สามารถถูกฆ่าได้ในเสี้ยววินาที
“อย่างที่ฉันบอกไปนั่นแหละว่าเมืองแห่งความโศกเศร้าจะชนะ เพราะงั้นก็ช่วยเชื่อกันด้วยค่ะ นั่นเพราะ…ฉันคือโรส หัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์!”
หลิวเฉียงเหว่ยพูดย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอแสดงความหนักแน่นภายในความราบเรียบ ทว่าเนื้อความที่พูดนั้นทำเอาผู้ที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านกันอยู่ในทรวงอกกันทั้งสิ้น
ใช่แล้ว หากพูดถึงโรสแล้วล่ะก็ ความประทับใจแรกที่ตราตรึงอยู่ในจิตของเหล่าผู้เล่นเขตฮัวเซียก็คือ เธอเป็นหญิงสาวที่สวยเป็นอันดับ 1 ในอันดับเทพธิดาประจำเขต อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคนไหนเลยที่จะนึกถึงตัวตนอีกอย่างหนึ่งของเธอที่ทรงพลังสุด ๆ นั่นคือ เธอเป็นหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์!
ในเขตฮัวเซียนี้มีผู้เล่นอยู่ราว ๆ พันล้านคน ทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นที่น่ากลัวมาก ๆ ในสายตาเขตอื่น และผู้ที่คุมบังเหียนอยู่เหนือคนเหล่านี้ มีเพียงแปดคนเท่านั้น ด้วยชื่อของผู้ยิ่งใหญ่ที่แม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็การันตีได้ว่า พวกเขาทั้งแปดสามารถสั่นสะเทือนฮัวเซียทั้งเขตได้
ในอันดับกิลด์ มิดซัมเมอร์ถือเป็นอันดับ 2 ที่มีอำนาจสูงสุดในฟากใต้ เธอเป็นรองเพียงไดนัสตี้กิลด์ที่เป็นใหญ่ที่สุดในฮัวเซียเท่านั้น!
เมื่อครั้งที่มิดซัมเมอร์สามารถเอาชนะแอนติควิตี้ในสงครามระหว่างกิลด์ได้นั้น พวกเธอได้ขึ้นไปเป็นอันดับ 1 แล้วพักใหญ่ ๆ ก่อนจะโดนทวงอันดับคืนจากไดนัสตี้ในภายหลัง
การที่สามารถครอบครองอำนาจในฟากใต้ได้นั้น มีความหมายเป็นอย่างมาก นั่นเพราะมันไม่เพียงแต่เป็นกลุ่มที่รวมกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ของเขตฮัวเซียเอาไว้ หรือมีดินแดนที่กว้างใหญ่เป็นอาณาเขตเท่านั้น แต่มันยังมีสถานะและอิทธิพลเทียบเท่าได้กับกิลด์ไดนัสตี้อีกด้วย
ผู้ครอบครองกิลด์ไดนัสตี้คือ คราวน์ปรินซ์ ถ้าหากจะบอกว่าคราวน์ปรินซ์คือบุคคลพลังมากที่สุดในเขตฮัวเซีย ที่มีผู้เล่นถึงพันล้านคน เช่นนั้น โรส ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ก็คงจะเป็นผู้ที่มีพลังมากเป็นอันดับ 2 เหนือผู้เล่นพันล้านคนนั้นแน่ ๆ!
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอนั้นพิเศษขนาดไหน! แล้วยิ่งการที่เธอได้รับสถานะนี้ทั้งที่เป็นผู้เล่นหญิง มันก็ยิ่งทำให้เธอดูเก่งกาจมากขึ้นไปอีก!
ไม่มีใครที่จะตระหนักได้ถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเธอได้เลย จนกระทั่งหลิวเฉียงเหว่ยต้องเป็นฝ่ายย้ำเตือนด้วยตนเอง!
ใช่แล้ว! เพราะฉันคือโรส! ผู้มีอิทธิพลมากเป็นอันดับ 2 ของเขตฮัวเซียยังไงล่ะ!
“เอ่อ…ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับที่พวกเราแสดงกิริยาหยาบคายออกไป ถ้ายังไงพวกเราจะกลับไปก่อนแล้วจะรอฟังข่าวดีจากท่านหัวหน้าโรสนะครับ”
“ขอให้ชัยชนะสถิตย์อยู่กับมิดซัมเมอร์กิลด์!”
กลุ่มของตัวแทนเริ่มทะยอยออกกันไปทีละคนสองคน พวกเขาล้วนแต่กลัวหลิวเฉียงเหว่ยและไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านี้
“พี่เฉียงเหว่ย เอาซะอยู่หมัดเลยนะ!”
รอจนกระทั่งทุกคนออกไปแล้ว ซือเยี่ยจิ๋งก็ออกจากโหมดอำพรางตัวและปรากฏตัวข้าง ๆ หลิวเฉียงเหว่ยพร้อมกับพูดอย่างชื่นชม
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีในวันนี้ มันเพราะเซียวเฟิงทั้งนั้น” หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้า นี่ไม่ใช่การพูดด้วยความไม่พอใจแต่อย่างใด แต่เป็นการพูดด้วยความรู้สึกที่ชัดเจน
กิลด์มิดซัมเมอร์นั้นไม่ได้มีรากฐานที่ลึกล้ำเฉกเช่นไดนัสตี้ เหตุผลสำคัญที่พวกเธอสามารถเติบใหญ่และครอบครองฟากใต้ได้ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นั้น มันเกี่ยวข้องกับคนเพียงคนเดียวทั้งสิ้น!
ไม่ว่าการที่จะได้กลายมาเป็นกิลด์ขนาดใหญ่เช่นตอนนี้ หรือมีกำลังสนับสนุนมากมาย ได้รับการช่วยเหลือจากร้านค้ามหาสมบัติ รวมไปถึงได้เมืองแห่งความโศกเศร้า ทุกอย่างเป็นฝีมือของเซียวเฟิงทั้งหมด!
พวกเธออาจจะทำให้กิลด์มิดซัมเมอร์ กลายเป็นกองกำลังที่ทรงอำนาจได้ก็จริง แต่พวกเธอไม่สามารถทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 ของเขตฮัวเซียได้แน่ ๆ ดังนั้นผู้ที่อุปถัมภ์กิลด์ที่แท้จริง ก็ไม่พ้นเซียวเฟิงอยู่ดี
นอกจากนี้ หลิวเฉียงเหว่ยยังรู้สึกด้วยว่า ถ้าหากเซียวเฟิงมีแรงจูงใจละก็…แม้แต่สถานะของกิลด์ไดนัสตี้ เขาก็สามารถสั่นคลอนได้
“ฮึ่ม…เจ้าบ้านั่น… ยังไงก็เถอะ พวกเราก็ชดใช้คืนตานั่นไปหมดแล้วนะ มะ…หมอนั่นน่ะต้องภูมิใจสิที่ได้ทั้งพี่เฉียงเหว่ย ฉัน แล้วไหนจะโตวโตวอีกไปครอบครองน่ะ…”
ซือเย่จิ๋งบ่นพึมพำเบา ๆ
“ปะ…ไปป้อมปราการกันเถอะ ไปเตรียมตัวสำหรับสงคราม… ฉันเริ่มกังวลแล้วว่าโตวโตวจะกลับมาหรือยัง”
หลิวเฉียงเหว่ยรีบเปลี่ยนประเด็น เธอพูดด้วยแก้มนวลที่แดงขึ้นสีมาเล็กน้อยเพราะใจที่เริ่มเต้นแรงอีกครั้ง
ที่ป้อมปราการนั้น ลีฟเริ่มสั่งการให้ทหารของมิดซัมเมอร์กิลด์เข้าประจำตำแหน่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่เมืองแห่งความโศกเศร้าตอนนี้ มีผู้เล่นมากมายที่มารวมตัวกันเพื่อที่จะทำภารกิจในการหยุดยั้งการโต้กลับของทัพแห่งความมืด ดังนั้นที่นี่จึงเต็มไปด้วยชื่อของผู้เล่นมากมาย รวมถึงชื่อกิลด์ที่อยู่ปะปนกันเต็มไปหมด ซึ่งแต่ละกิลด์เองก็ล้วนแต่เป็นกิลด์ขนาดใหญ่ในฟากใต้กันทั้งนั้น
และด้วยจำนวนผู้เล่นที่มากมายขนาดนี้ ทำให้ผู้เล่นบางส่วนจำเป็นต้องไปเตรียมพร้อมที่ด้านนอกเมืองแทนด้วย พวกเขาทั้งหมดดูหนาแน่นราวกับเป็นทะเลสีดำสนิทที่กำลังกลืนกินเมืองแห่งความโศกเศร้าอยู่
“หัวหน้าคะ มีคนต้องการเข้าพบค่ะ”
ทันทีที่หลิวเฉียงเหว่ยเดินทางมาถึงป้อมปราการ ลิลลี่ก็เข้ามารายงาน
“ใครกันน่ะ?” เธอกล่าวถามกลับไป
“หัวหน้ากิลด์ไออ้อนครอสค่ะ” มิดซัมเมอร์ลิลลี่ดูจะลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไออ้อนครอสเหรอ?” ได้ยินชื่อนั้นแล้วหลิวเฉียงเหว่ยก็แอบประหลาดใจเล็กน้อย
นั่นเพราะไออ้อนครอส…เป็นเจ้าแห่งกิลด์ที่อยู่ทางทิศตะวันตกนู่นเลย!
“ฮ่า ๆๆ การพบเจอนั้นดีกว่าการได้ยินแค่เสียงน่ะครับ ท่านหัวหน้าโรส แหม…สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย ขนาดเห็นแค่ครึ่งหน้า ยังทำเอาใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะขนาดนี้ ไม่เกินไปเลยจริง ๆ หากจะบอกว่าไม่มีใครสามารถงดงามเทียบเท่าท่านหัวหน้าได้”
ขณะที่สาว ๆ กำลังคุยกันอยู่ ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากทางชั้นล่างของป้อมปราการ ชายผู้นั้นยิ้มให้หลิวเฉียงเหว่ยด้วยรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เป็นประกาย