“เป็นไปได้ยังไง!?” ผู้ชมต่างเฝ้ารอดูสีหน้าอันวิตกกังวลและกลัวปีศาจของฟางฉีนั้นต่างตะลึงงัน
เจ้าของไม่กลัวสัตว์ประหลาดที่กลัวเลย เขากลับทำให้สัตว์ประหลาดล้มลงกับพื้นและเดินจากไปอย่างสงบ
“ตอนดูเจ้าของจัดการกับสัตว์ประหลาดทำไมมันจัดการได้ง่ายดายขนาดนั้น?” ตงชิงลี่ถาม
“เจ้าของร้านแข่งแกร่งมาก!” เฟงหัวและยูซินเอ่ยชมด้วยความอิจฉา
“…” ซูเทียนจิ
“สัตว์ประหลาดตัวนี้อ่อนแอ!” ซูเทียนจิตะโกน “ถ้าพวกเจ้าระวังตัวดีและมีอาวุธติดตัวยังไงก็สามารถกำจัดมันได้”
แต่ .. มันดูน่ากลัว เธอคิดในใจว่าแน่นอนถ้าเป็นเธอเล่นเองคงไม่กล้าพูดแบบนี้แน่
ผู้เล่นหมายคนมักถูกจับตัวโดยไม่ทันได้ระวัง แม้แต่นักรบหรือผู้ปลูกฝังเองก็สามารถที่จะพลาดได้ เพราะร่างกายของตัวละครหลักนั้นมีการตอบสนองช้า
ที่สำคัญสัตว์ประหลาดตัวนี้เคลื่อนไหวโดยการคลาน มันจะคลานเร็วขึ้นอีกเท่าเมื่อพลังชีวิตของมันใกล้จะหมดลง ซึ่งเป็นการทดสอบความระมัดระวังและการตัดสินใจของผู้เล่น
แม้ว่าฟางฉีจะรู้วิธีการจัดการกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ แต่เขาเองเลือกที่จะหลีกเหลี่ยงพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ยกเว้นตัวแรก
“ดูเหมือนว่าเขาจะเกร็ง” เพื่อกู้ชื่อเสียงคืนมาซูเทียนจิเลยแอบสบประมาทฟางฉีเล็กๆ “ถ้าเป็นข้า ข้าก็จะกำจัดพวกมันด้วยไม้เท้าเหมือนกัน”
“เจ้าของร้านเล่นเหมือนคนขี้กลัว” นาหลันหมิงสื่อเองก็แอบว่าเขาเล็กน้อย เขากล่าวว่าหากนาหลันหมิงสื่อไม่เล่นเขาก็จะไม่ทำการถ่ายทอดสด เธอจึงถูกบังคับให้เล่นเธอรู้สึกกลัวมากนี่จึงเป็นเหตุผลให้เธอโกรธเคือง
“เขาจะมีปัญหาเมื่อสัตว์ประหลาดรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก” ซงฉิงเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นฟางฉียังคงวิ่งผ่านเหล่าสัตว์ประหลาดไปอย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันฟางฉียังคงออกอากาศอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้าง แต่คนอื่นสามารถได้ยินเสียงเขาผ่านหน้าจอยักษ์ “ตอนนี้ข้าจะแสดงการวิ่งแบบปาร์กัวร์ให้ดู”
(ผู้แปล : Parkour ปาร์กัวร์หรือเรียกอีกชื่อว่า Free running)
“ปาร์อะไรนะ?” ทุกคนทำหน้างง
ฟางฉียังคงวิ่งไปอย่างต่อเนื่องพลางหยิบกุญแจขึ้นมาและปลดล็อคประตูเหล็กหน้าอาคารอพาร์ตเมนต์ราวกับเขากำลังกล่าวคำอำลาเหล่าสัตว์ปนะหลาดที่วิ่งไล่ล่า เขาปิดประตู ปัง!
ผู้ชมทั้งหมดนิ่งอึ้ง!
ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้เงียบแถมไม่มีแสงสว่างเลยโชคดีที่เป็นเวลากลางวันมันจึงไม่ได้มืดสนิท ฟางฉีเดินขึ้นไปยังชั้นสองและเดินเข้าไปในห้องทางด้านขวามือเพื่อรับไฟฉาย เมื่อได้รับไฟฉายเขาฉายกวาดไปรอบๆ เสียงในเกมชวนขนลุกดังขึ้น จากนั้นแมนเนควินที่นอนอยู่บพื้นก็โผล่ขึ้นมาทันที!
(ผู้แปล : Mannequin คือ แมนเนควิน เป็นปีศาจมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับแมงมุม ที่ประกอบร่างขึ้นจากชิ้นส่วนซากศพของเหยื่อที่ถูกทำร้าย ลักษณะโดยรวมจะเป็นรูปร่างของผู้หญิงที่ไม่มีหัว มีเพียง “ขาล่าง” และ “ขาบน” โดยขาล่าง มีไว้เดิน และขาบนมีไว้หนีบร่างของศัตรู เป็นปีศาจที่ตัวบางแถมพรางตัวได้)
“อ่า!” เมื่อเห็นฉากนี้ปรากฏขึ้นเฟงหัวและยูซินกอดกันตัวกลอม
“นา นาหลัน ..” หลันยันตกใจเซไปหานาหลันหมิงสื่อ
เวลาเดียวกันกับที่หลันยันตกใจเซ เจียงเสี่ยวหยูก็หันไปกอดเธอเช่นกัน พวกเขากอดกันแน่น
ซูเทียนจิเองก็รู้สึกตกใจอย่างมากเหมือนกัน แต่เธอยังพอตั้งสติได้อยู่
เนื่องจากสาวกของเฉิงจิ้งยืนเกาะกันเป็นกลุ่มพวกเขาจึงไม่ได้ออกท่าทีมากเท่าไร .. แต่แน่นอนพวกเขาก็กลัวไม่แพ้พวกเธอเลย
“เจ้า ..เจ้าของต้องกลัวบ้างสิ” หลิวหยุนเอ่ยเสียงสั่น ผู้ชมจำนวนหลายคนเริ่มมีอาการขนลุก
“ข้า ..ก็ว่างั้น” ยิ่งซงซวนตอบกลับด้วยเสียงสั่น
“เจ้าเด็กนั้นไม่เห็นหรือไง?” ซูเทียนจิพูด “เข้าควรจะกลัวบ้างสิ”
ตงชิงลี่และคนอื่นๆ ยังไม่เคยเห็นฉากนี้เช่นกัน พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกว่าตอนแรกแต่ก็กลัวในขณะเดียวกัน
ในความจริงฟางฉีก็ตกใจ เขารีบก้าวออกจากประตูอย่างรวดเร็ว
ปัง!
“สาระสำคัญของการเล่นแบบปาร์กัวร์คือ วิ่งและปิดประตูด้านหลัง!” ฟางฉีอธิบายขณะที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
หน้าของซูเทียนจิมุ่ย
เธอบังคับตัวเองให้ไปข้างหน้าพร้อมฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดด้วยไม้เท้าอย่างบ้าคลั่ง แค่คิดก็ขนลุก
ตงชิงลี่, องค์หญิงและคนอื่นๆ กำลังตั้งใจดูด้วยความหวาดกลัว นั่นอะไร? เขากำลังเล่นด้วยวิธีไหนกันแน่!?
อย่างไรก็ตามแม้แต่ละเหตุการณ์จะดำเนินมาแต่โดยรวมฟางฉีก็ยังไม่ได้เข้าไปในไซเลนต์ฮิลล์ลึกเท่าไร เขาสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดและควบคุมสติตัวเองได้อยู่
เฮ้อ .. เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยังคงออกสำรวจต่อไป
ส่วนแรกของไซเลนต์ฮิลล์สอง สำหรับผู้เล่นใหม่ถือว่าเป็นการเดินทางที่ชวนสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไรนอกจากสำรวจสถานที่ ในความเป็นจริงมันกำหลังเปิดเผยว่าตัวละครหลักรู้สึกอย่างไร เขามีปัญหาด้านความสับสนและความกลัว แต่เขาต้องค้นหาเบาะแสกับความทรงจำพร้อมคำสองสามคำในจดหมาย
ฟางฉียังคงสำรวจในอพาร์ตเมนต์ที่เต็มไปด้วยอันตรายพร้อมบรรยากาศที่ชวนขนลุก ลึกเข้าไปฟางฉีได้พบปืนพก แต่ .. มันอาจไร้ประโยชน์สำหรับที่แห่งนี้
เขาไม่ได้พบกับสัตว์ปรนะหลาดมากมาย แต่เขาก็ยังต้องค้นหาเบาะแสต่อไป ทุกครั้งที่เขาเปิดประตูผู้คนที่ยืนชมกันจะลุ้นจนตัวสั่นด้วยความกลัวว่าจะมีบางสิ่งแปลกๆ กระโจนออกมา!
เมื่อถึงตอนนี้ฟางฉีได้สำรวจชั้นสามเสร็จแล้วเขากำลังเดินกลับไปที่ชั้นสอง จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องโดยหวนดังขึ้นจากอพาร์ตเมนต์ที่เงียบสงบ
เสียงหญิงสาวบางคนกำลังกรีดร้อง
พวกเขาเห็นสัตว์ประหลาดหัวสามเหลี่ยมยืนอยู่อีกด้านจากมุมหนึ่ง .. ข้างหลังของมันมืดมิดทำให้ดูเหมือนว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกส่งตัวมาจากนรก!
“ฉันดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ..” เฟงหัวและยูซินปิดตา “ฉันไม่อยากดูแล้ว”
แม้แต่ฟางฉีเองก็รู้สึกว่าโคนผมของเขาตั้งขึ้น เมื่อได้เห็นมัน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ขยับเขยื้อน มันยืนอยู่ตรงนั้นและจ้องมองมายังทิศที่เขายืนดู .. มันช่างน่าขนลุกอะไรเช่นนี้
ฟางฉีเดินหันเข้าไปในห้องที่พื้นเต็มไปด้วยเลือด พบโซฟาข้างๆ ทีวีที่เปิดอยู่มองไปยังโซฟาเขาพบศพถูกคว้านท้องทิ้งไว้!
แม้ว่าใบหน้าจะไม่ชัดเจน แต่เมื่อมองดูพบว่ามีบางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง
“ทำไมผมของผู้ชายคนนี้ถึงเป็นสีทอง ..”
“ผมของเขาคล้ายกับตัวละครหลัก!?”
“เป็นไปไม่ได้ ..ก็ตัวละครหลักยืนอยู่นี่ข้างๆ!”