แย่แล้ว! หากวิเคราะห์จากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าสามีของนางคงกำลังหึงหวงนางอยู่เสียแล้ว!

ซูหวานหว่านรีบลุกออกจากตัวของซุนฉางอานทันที ชายหนุ่มเองก็ส่งเสียงไอออกมาด้วยความเคอะเขิน และพูดออกมาว่า “ข้ากับคุณชายเป่ยฉวนเป็นชายด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีอะไรหรอก”

“เฮอะ!” ฉีเฉิงเฟิงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ พร้อมกับพาตัวซุนรุยเดินไปหยุดข้าง ๆ ซุนฉางอาน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “พาน้องชายของเจ้ากลับไปได้แล้ว”

อาการหึงหวงของฉีเฉิงเฟิงนั้นช่างรุนแรงเสียจริง ๆ ทำให้ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ยังให้คุณชายซุนไปไหนไม่ได้หรอก คุณชายได้สัญญากับข้าเอาไว้ว่าเขาจะอยู่ทานอาหารที่ร้านของเราก่อน!”

“ว่าอย่างไรนะ? เจ้าช่วยน้องชายของเขาเอาไว้ อีกทั้งเขายังต้องอยู่ที่นี่ต่อไม่อาจไปไหนได้งั้นหรือ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ซูหวานหว่านขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายและอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้ารู้จักการใช้ความมีชื่อเสียงให้เกิดประโยชน์หรือไม่? คุณชายซุนผู้นี้ถือว่ามีชื่อเสียงและโด่งดังไปทั่วเมืองนี้! หากทุกคนรู้ว่าเขามากินข้าวที่ร้านของเรา ก็เป็นเหมือนการแนะนำว่าร้านของเราอร่อย และไม่ต้องออกเงินจ้างคนเชิญชวนผู้อื่นอีกด้วย”

สิ่งที่หญิงสาวกล่าวมาล้วนมีเหตุผล แต่…ฉีเฉิงเฟิงมองไปที่ศีรษะของซูหวานหว่าน เขาจึงหยิบหมวกไม้ไผ่ขึ้นมาสวมใส่ให้อีกฝ่าย และก็ปล่อยให้นางพูดคุยกับซุนฉางอานต่อไป

ซุนฉางอานรู้สึกทำตัวไม่ถูก จึงแสร้งส่งเสียงไอออกมาอีกครั้ง “คุณชายเป่ยฉวน สิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่ข้าได้ยินหมดทุกอย่าง ท่านช่วยน้องชายของข้าเอาไว้ ไม่เป็นปัญหาเลยที่ข้าจะช่วยท่านเป็นการตอบแทน และข้าคิดว่าวิธีการของท่านนั้นดีมาก ข้าจะใช้ชื่อเสียงของข้าช่วยท่านในเรื่องนี้เอง”

“ยอดเยี่ยมไปเลย!” เขาเห็นด้วยกับความคิดของนางแล้ว! เช่นนั้นแล้วเราควรจะวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อ ซูหวานหว่านยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ และเอ่ยเรียกผู้ดูแลร้านออกมา “ไปติดป้ายที่หน้าประตูร้านว่า คุณชายซุนได้มากินอาหารที่ร้านของเรา และชื่นชมว่าอาหารร้านของเราอร่อยมาก!”

“รับทราบขอรับ!” ผู้ดูแลร้านดีใจเป็นอย่างมาก และรีบทำตามคำสั่งทันที ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ภายในร้านของนางก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เสียงดังครึกครื้นดังไปถึงห้องส่วนตัว

ซุนฉางอานเกิดรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นภายในใจ และเอ่ยขอให้เด็กภายในร้านนำพู่กัน หมึก และกระดาษมาให้เขา จากนั้นก็ลงมือเขียนอักษรเป็นพันคำ เนื้อหาภายในล้วนแต่เป็นคมสำหรับรสชาติอาหารอันน่าอัศจรรย์ เมื่อเขียนเสร็จก็เก็บพู่กันไป “คุณชายเป่ยฉวน นำสิ่งนี้ไปติดเอาไว้ที่หน้าร้าน ข้ารับรองว่ามันจะต้องดีกว่าใบประกาศที่ท่านนำไปติดก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน”

ซูหวานหว่านพยักหน้า นางก้มมองกระดาษภายในมือก่อนจะยื่นมันกับผู้ดูแลร้านอย่างระมัดระวังพร้อมทั้งบอกว่า “นำสิ่งนี่ไปแขวนเอาไว้ในห้องโถง”

“แขวนไว้ข้างนอกจะไม่ดีกว่าหรือ?” ซุนฉางอานเอ่ยถาม

ซูหวานหว่านเอ่ยความคิดเห็นของตนออกมา “ที่ข้าติดเอาไว้ข้างในก็เพื่อที่คนมากินจะได้มองเห็นมัน ทำให้พวกเขาเชื่อมากยิ่งขึ้นและนำไปบอกต่อ บอกให้คนอื่นลองมากินอาหารที่ร้านของข้า หลังจากที่พวกเขาได้ยินอย่างนั้นมีหรือว่าจะไม่มาลองด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นด้วยชื่อเสียงของท่าน บทความนี้จะต้องถูกขโมยไปตอนกลางคืนหากแขวนเอาไว้นอกร้าน ข้ามั่นใจได้”

ถ้อยคำสรรเสริญของซูหวานหว่านทำให้ซุนฉางอานเขินจนหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาเอ่ยถ่อมตัวสองสามคำ ไม่นานเด็กภายในร้านก็ยกอาหารเข้ามา ซุนฉางอานอยากเอ่ยเชิญให้ซูหวานหว่านอยู่กินข้าวกับเขาด้วย แต่เห็นว่าอีกฝ่ายต้องรีบออกไปจัดการธุระที่หน้าร้าน จึงได้แต่ปล่อยนางไป

“ท่านพี่ ท่านชอบคุณชายเป่ยฉวนหรือไม่?” ซุนรุยกระซิบข้างหูของผู้เป็นพี่ชาย

“ข้าจะชอบผู้ชายได้อย่างไร?” ซุนชางอานพูดขึ้นมาพร้อมกับนึกถึงเจียเหวินด้วยความรังเกียจ ชายหนุ่มจับไปที่หัวซุนรุย “เมื่อครู่เจ้าตั้งใจทำอย่างงั้นเหรอ?”

“ข้าจะบอกอะไรให้ฟังนะ อย่าได้คิดอะไรไปทั่ว พี่ชายของเจ้าจะต้องแต่งงานสู่ขอภรรยาเข้าบ้าน!”

“แต่ว่าคุณชายเป่ยฉวนนั้น…”

“คุณชายซุน! ขนมดอกกุ้ยฮวาสูตรพิเศษจากร้านของเรามาแล้ว!” จู่ ๆ เด็กภายในร้านก็เปิดประตูห้องอาหารเข้ามาขัดจังหวะคำพูดของซุนรุยก่อน

ภายในใจของซุนรุยเป็นกังวลมาก เมื่อวานนี้ตอนที่ซูหวานหว่านกอดเขาเอาไว้ เขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มของหน้าอกของอีกฝ่าย ทำให้รู้ว่าซูหวานหว่านนั้นเป็นผู้หญิง! แต่ว่าพี่ชายของเขาไม่รู้! ซุนรุยต้องการที่จะพูดต่อแต่ถูกซุนฉางอานดุด้วยสายตา “เจ้ารีบกินเถอะ! เมื่อเจ้ากลับถึงบ้าน แน่นอนว่าเจ้าจะต้องถูกท่านพ่อลงโทษจนเจ้าไม่ได้กินดีอยู่ดีแน่ ๆ”

“ขอรับ” ซุนรุยเก็บคำของตนเอาอย่างไม่เต็มใจ และเริ่มลงมือกินอาหารทันที

ณ เวลานี้ ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงได้เดินมายังอีกห้องหนึ่ง และคุณชายถังก็กำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ด้านใน เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาเขาก็หยิบเหรียญเงินออกมาทันที และมอบมันให้กับซูหวานหว่าน “เงินในถุงผ้านี้มีประมาณห้าพันตำลึง ข้าอยากให้พวกเจ้าสองคนไปที่ตลาดพนันหินหยาบ [1] เพื่อไปซื้อหินกลับมาให้ข้า”

“ตกลง” ซูหวานหว่านก็ตอบรับพร้อมกับหยิบถุงเงินขึ้นมา และถามว่าตลาดค้าหินแห่งนั้นอยู่ที่ใดก่อนจะขอตัวออกไป

ตลาดพนันหินหยาบเป็นการซื้อหินที่ส่งมาจากที่เมืองอื่น ๆ มันมีราคาและความเสี่ยงสูงแต่ว่าผู้คนก็ชื่นชอบที่จะซื้อมัน

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงได้เอ่ยขอยืมรถม้าของคุณชายถัง พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เดินทางมาถึงที่ตลาดริมแม่น้ำกลางเมือง เมื่อเดินเข้าไปในตลาดก็เห็นหินหลากหลายชนิด ดวงตาของซูหวานหว่านจดจ้องไปยังหินบนแผงเดิมพันทันที

“ทุกท่านเชิญทางนี้! ครอบครัวของข้ากำลังขัดสนเป็นอย่างมาก ข้าไปยืมเงินเพื่อที่จะไปพนันเอาหินพวกนี้มาจากหลิวซี แต่ใครจะไปคิดว่าข้าจะไม่ได้รับเงินคืนกลับมา! แม่ของข้าก็ป่วยหนัก ดังนั้นตอนนี้หินทุกชิ้นของร้านข้าจึงขายมันในราคาที่ถูก! พวกท่านไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบ! ถ้าท่านต้องการซื้อจะต้องได้รับโชคไปแน่นอน!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะลองเดินเข้าไปดูแผงลอยเล็ก ๆ นั่น พ่อค้ายังคงส่งเสียงตะโกนร้องเรียกลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หากแต่ไม่มีใครสนใจร้านของเขาเลย หญิงสาวมองดูหินสีดำที่วางเอาไว้บนแผง แล้วเดินเข้าไปถาม “อันนี้ขายอย่างไร?”

“คุณชาย หากท่านถูกใจของในร้านของข้าถือว่าพวกเราได้มีโชคชะตาต่อกันแล้ว ที่จริงหินเหล่านี้ขายในราคาสิบตำลึง แต่ข้าให้ท่านในราคาหนึ่งตำลึง!” พ่อค้าคนนั้นพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

“งั้นข้าซื้อ” หลังจากที่ซูหวานหว่านพูดจบ นางก็เตรียมที่จะหยิบเงินออกมา

แต่แล้วก็มีผู้หวังดีเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณชาย อย่าไปฟังสิ่งที่มันพูด ท่านจะซื้อของมันไปเพื่ออะไร? เขาเป็นคนโกหกปลิ้นปล้อน! แม่ของเขาก็สบายดีอยู่ที่บ้าน! แถมบ้านของเขาก็ยังอยู่ในเมืองนี้อีกด้วย!”

“ใช่แล้ว! ของที่เขาเอามาขายในตลาดนี้มีแต่ขยะ! นั่นมันเป็นเพียงแค่เศษหินหรืออิฐ! มันไม่คุ้มค่ากับเงินสักเหรียญเลยด้วยซ้ำ!”

“…”

คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ซูหวานหว่านยังคงยื่นเงินไปให้อีกฝ่าย การกระทำนั้นต่างทำให้ทุกคนส่ายหัว และทันใดนั้นก็มีเสียงชายคนหนึ่งที่พูดด้วยถ้อยคำเสียดสีดูถูก “ทุกคนอย่าพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเขาเลย เขาเป็นคนบ้านนอก อีกทั้งยังเป็นคนงี่เง่าและหน้าโง่! เคยเห็นหินแบบนี้ในตลาดหินที่ไหนมีบ้าง? เขากำลังถูกหลอกแล้ว!”

วาจาของเขาช่างไม่น่าฟังเสียจริง!

ซูหวานหว่านเงยหน้าก็พบว่าเจ้าของเสียงคือเจียเหวินที่กำลังจ้องมองมาที่นางด้วยสายตาอาฆาต เมื่อนางได้รับเงินทอนก็รีบเก็บเงินใส่ถุงเอาไว้ทันที แล้วนางก็ได้ยินเจียเหวินพูดขึ้นมาอีกว่า “ถ้าไม่โง่จนเกินไป แน่นอนว่าจะต้องเข้าใจในคำพูดของคนอื่น และจะต้องไม่อยากซื้อหินหัก ๆ นั่นไปแน่! เจ้านี่โง่หรือว่าฉลาดกันแน่ ฮ่า ๆ”

โง่อย่างงั้นเหรอ! ซูหวานหว่านก็แสยะยิ้มออกมา และนำเงินออกมาซื้อหินเพิ่มอีกชิ้น!

ซูหวานหว่านเตรียมเงินและถอดหมวกออกพร้อมกับจ้องมองไปที่เจียเหวินอย่างยั่วยุ เมื่อเห็นใบหน้าของซูหวานหว่าน เจียเหวินก็โกรธจนตัวสั่นทันที “คุณชาย ข้าอยากที่จะให้โอกาสเจ้า เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”

“เดิมพันอะไร?” ซูหวานหว่านไม่กลัวอยู่แล้ว!

“ถ้าหากว่าหินที่เจ้าซื้อไปเป็นของดี ข้าจะให้เงินเจ้าจำนวนหนึ่งร้อยตำลึง ถ้าหินนี้ไม่ใช่… เจ้าจะต้องลงนามสัญญาเป็นสุนัขคอยรับใช้ข้า!” เจียเหวินพูดพลางมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างยั่วยุด้วยความมั่นใจ ตามประสบการณ์และวิสัยทัศน์ในการที่เขาเล่นหินมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าเขามั่นใจว่าหินนั้นเป็นแค่เศษหินที่ไร้ค่าและไม่มีมูลค่าอย่างแน่นอน!

พวกชาวบ้านที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกกังวลแทนซูหวานหว่าน พวกเขากำลังจะพูดเกลี้ยกล่อมออกมา แต่แล้วพวกเขาก็พลันได้ยินนางพูดออกมาว่า “ตกลง ข้าขอเดิมพันด้วย!”

————————————————————————————————

[1] การพนันหินหยาบ เป็นการพนันชนิดหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมของคนรวยในสมัยก่อน การพนันนี้อาจจะทำให้บางคนกลายเป็นคนรวยทันทีภายในคืนเดียวและก็ทำให้คนจนได้ในทันที ทำให้หลายคนกลายเป็นมหาเศรษฐี นอกจากนี้ก็ยังทำให้เศรษฐีกลายเป็นยาจกได้อีกด้วย คือเสี่ยงโชคอย่างหนึ่งว่าตัวเองจะพนันเจอหินที่มีมูลค่าหรือไม่