บทที่ 442 ซื้อกิจการด้วยความโกรธ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 442 ซื้อกิจการด้วยความโกรธ

บทที่ 442 ซื้อกิจการด้วยความโกรธ

เมื่อนายน้อยจางได้ยินคำพูดของสวีรุ่ย เขาก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้

“ฮ่า ๆ ไม่อยากถูกไล่ออกเหรอ? ถ้าอย่างงั้นไปเที่ยวกับฉันที่ไนต์คลับตี้ห่าวสักหนึ่งคืนสิ”

เขาเลียริมฝีปากขณะส่งสายตาโลมเลียอีกฝ่าย

สวีรุ่ยตกใจกับคำพูดอีกฝ่ายจนถอยหลังไปสองก้าว เธอรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าก้าวเข้าไปในสถานที่บันเทิงอโคจรแบบนั้น

ก่อนหน้านั้นอวี้ฮ่าวหรานมองทั้งสองคนตรงหน้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ราวกับพวกเขาเป็นตัวตลก

จนตอนนี้สายตาของเขายังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม

“นายน้อยจางเหรอ? พอใจหรือยัง?”

บอกได้คำเดียวว่าน้ำเสียงของเขาน่ากลัวมาก!

นายน้อยจางรู้สึกเหมือนตกลงไปในธารน้ำแข็ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้

คำพูดของอีกฝ่ายเฉียบขาดอย่างมาก!

“ฉันสร้างปัญหาพอหรือยังน่ะเหรอ? ฮ่า ๆ ฉันบอกแล้วไงว่าจะไล่ลูกแกออก แล้วฉันก็จะให้คนมาสั่งสอนแกให้จำไปจนวันตาย! แกจะได้รู้ว่าถ้าทำให้ฉันไม่พอใจ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง!

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอีกฝ่าย ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้ว แม้ว่าการย้ายโรงเรียนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่ถวนถวนก็มีเพื่อนมากมายอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่สามารถย้ายโรงเรียนได้ตามต้องการ

เมื่อคิดอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา

“หวังจุน ตอนนี้ผมอยากให้คุณระดมทุนแล้วทำทุกวิถีทางเพื่อซื้อโรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงมาเป็นของเราให้ได้!”

ทันทีที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา ปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกับสัมผัสได้ถึงความโกรธเคืองของท่านประธาน ก่อนตอบรับโดยไม่ถามต่อ

หลังจากวางสาย อวี้ฮ่าวหรานยังคงโทรหาใครบางคนอีกครั้ง

“พ่อฉันไม่ได้อยู่ที่บริษัทค่ะ คุณมีอะไรให้ช่วยเหรอ?”

เขาต่อสายตรงไปที่บริษัทชิวเฮิง และคนที่รับสายก็คือเฉิงชิวอวี้

“ตอนนี้ผมอยากให้คุณร่วมมือกับเครือฮ่าวหรานซื้อโรงเรียนแอปเปิ้ลแดงให้เร็วที่สุด!”

“หือ?”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

“โอเค! ไม่มีปัญหา ฉันจะประสานงานเดี๋ยวนี้แหละ”

ไม่นานเขาก็วางสาย

อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้ามองนายน้อยจางผู้หยิ่งยโสด้วยสายตาเย็นชา

“แกอยากเล่นกับฉันเหรอ? ได้! ฉันจะยอมลดตัวไปเป็นเพื่อนเล่นกับแก!”

คำพูดอันหนักแน่นของเขาทำให้อีกฝ่ายตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว!

นายน้อยจางนึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายแล้วอดหัวเราะเยาะไม่ได้

“บ้าไปแล้ว! ฮ่า ๆ แกคิดว่าโรงเรียนอนุบาลเป็นแผงขายของริมถนนเหรอ? อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อได้ตามใจสินะ?”

“ที่นี่คือโรงเรียนอนุบาลอันดับต้น ๆ ของประเทศ อย่างน้อยก็มีมูลค่าหลายสิบล้าน แกคิดว่าตัวแกเป็นใครกัน?”

ผู้อำนวยการพูดเยาะเย้ย ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าน่าเห็นใจอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับคิดว่าอีกฝ่ายไม่สมควรได้รับความเห็นใจสักนิด

“หึ! ยังไงซะแกก็ไม่มีเงินพอหรอก เว้นแต่ว่าแกจะขายหุ้นทั้งหมด เอายังไงดีล่ะ?”

นายน้อยจางพูดอย่างมีชัย วันนี้เขาจะต้องดูอีกฝ่ายต่อสู้ดิ้นรนจนสิ้นเนื้อประดาตัวให้ได้

“ฉันให้เวลาแกหนึ่งชั่วโมงพอไหม? ถ้าถึงตอนนั้นแล้วยังไม่มีข่าวคราวอะไรก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายที่ไล่ลูกแกออกล่ะ!”

หลังจากเขาพูดอย่างนั้น ผู้อำนวยการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็อดแสยะยิ้มไม่ได้

“นายน้อยจางเป็นคนตลกจริง ๆ การซื้อหุ้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ต่อให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้ว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักสองสามชั่วโมงกว่าจะเสร็จเรียบร้อย”

พูดจบ ทั้งสองคนก็มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม

“หึ โง่จริง ๆ พวกนายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันกำลังจะทำอะไร!”

อวี้ฮ่าวหรานแค่นเสียงอย่างเย็นชา…

แน่นอนว่าชายหนุ่มต้องได้โรงเรียนแห่งนี้ไว้ในกำมือ เพราะเขาสั่งการแล้วว่าให้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา

หวังจุนเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร

“ฉันจะคอยดูก็แล้วกัน การคุยโวแล้วทำไม่ได้มีค่าตอบแทนที่สูงมาก ดังนั้นถ้าฉันไล่ลูกแกออกจากโรงเรียนต่อหน้าคนมากมาย กลัวว่าลูกแกจะสู้หน้าใครไม่ได้ตลอดชีวิตเลยน่ะสิ”

นายน้อยจางเยาะเย้ย เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำตามที่คุยโวไว้ได้

เข้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะอยากเห็นฉากที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ พอพูดจบ ทั้งสองฝ่ายจึงนั่งลง

“อวี้ฮ่าวหราน คุณ…คุณทำได้จริง ๆ เหรอคะ?”

สวีรุ่ยถามเสียงแผ่วด้วยความกระวนกระวาย

ถ้าเป็นไปได้เธอไม่อยากลาออกจากอาชีพนี้เลยจริง ๆ เพราะหลังจากทุ่มเทแรงกายและแรงใจมาตลอดสองสามปี เธอก็ตกหลุมรักงานนี้เข้าอย่างจัง

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้มีท่าทีกังวลเลย ดวงตาของเขายังคงฉายแววเย็นชาเล็กน้อย

“ต่อให้มันยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็ต้องทำ เพราะถ้าล้มเหลว พวกเขาตายแน่นอน”

เขาไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่น้อย และนั่นคือเหตุผลที่บริษัทของชายหนุ่มเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ในสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย การลงโทษตามกฎหมายจึงถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

แต่ถ้าไม่!

เขาก็จะใช้บทลงโทษของโลกเทวะ…คือการฆ่ายังไงล่ะ!

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดคุยกันต่อ

นายน้อยจางกระดิกเท้าสองครั้งขณะมองที่หญิงสาวตรงข้ามด้วยสายตาสมเพช

ผู้หญิงคนนี้โง่จริง ๆ เธอยังหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ อีกเหรอ

ไม่นานเวลาก็ผ่านไปสี่สิบนาที!

“ฮ่า ๆ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีแล้วสินะ? แกกำลังจะแพ้แล้ว ถึงตอนนั้นอย่าหาว่าฉันสั่งสอนเกินเหตุล่ะ”

นายน้อยจางเยาะเย้ยด้วยสีหน้าชั่วร้าย

นายน้อยจางไม่ได้นั่งรอเวลาหนึ่งชั่วโมงอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะตอนนี้เขาได้โทรให้พวกลูกน้องนับสิบคนมารอที่นอกโรงเรียนแล้ว

อีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานโทรไปขอความช่วยเหลือจากโจวเฟยหู่ก่อนหน้านี้แล้ว!

เพราะที่ฐานที่มั่นของแก๊งพยัคฆ์เวหาอยู่ใกล้ที่นี่ยังไงล่ะ!

“โอ้! สี่สิบห้านาทีแล้ว! จุ๊ ๆ น่าสงสารลูกแกจริง ๆ ฉันสัญญาว่าจะสั่งสอนแกให้เร็วและสาสมเลย”

นายน้อยจางยังคงพูดยั่วยุอีกฝ่ายไม่หยุด แต่จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น!

“เอ๊ะ?”

จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หัวใจของเขาจึงวูบไหวเล็กน้อย หลังจากรับสาย เขาก็ได้ยินเสียงคำรามมาจากปลายสายทันที!

“ไอ้ลูกชั่ว! แกกล้าท้าทายนายใหญ่ได้ยังไง! หุ้นโรงเรียนอนุบาลที่ฉันเป็นเจ้าของถูกซื้อไปหมดแล้ว!”

คนที่โทรเข้าคือพ่อของนายน้อยจางนั่นเอง…

เวลาเช้าตรู่ที่น่าเบิกบานใจของเขาพังลงแล้ว เพราะหลังจากตื่นขึ้นมาเขาก็ได้รับข้อเสนอแกมข่มขู่จากบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ขายหุ้นโรงเรียนแห่งนี้ทั้งหมด!

พวกมันบังคับให้เขาขายหุ้นทั้งหมด ไม่อย่างนั้น…

หากไม่มีหุ้นนี้ เขารู้ดีว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่ในสังคมชั้นสูงของเมืองฮ่วยอันอีกต่อไป!

แถมศัตรูที่จ้องจะเล่นงานก็สามารถลงมือได้ง่ายขึ้น! ศัตรูของเขามีมากเหลือเกิน…

กลัวว่าวันนี้เขาจะถูกตามแก้แค้นจนหมดน่ะสิ!

เมื่อถามหาเหตุผล เขาก็ได้คำตอบเพียงว่าลูกชายเขาทำให้ท่านประธาน ลูกพี่ และเพื่อนขุ่นเคืองใจ!

“รีบกลับมาเดี๋ยวนี้! ฉันจะถลกหนังแกออกมาแน่!”

เขาตวาดคนปลายสาย ขณะที่ในใจนึกเสียใจที่ให้กำเนิดลูกชายคนนี้!

นายน้อยจางตกใจเสียงคำรามของผู้เป็นพ่อจนทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

“พ…พ่อเป็นอะไรไปครับ?”

“กล้าดียังไงเรียกฉันว่าพ่อ? ถ้าคืนนี้ฉันถูกพวกศัตรูตามแก้แค้น รู้ไว้ด้วยว่าไอ้สารเลวอย่างแกเป็นต้นเหตุ!”

“ผม? ผมไม่ได้ทำอะไรเลย…ผมอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล…”