ตอนที่ 229

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 229 – เจ้าหญิงจิ้งจอก และเจ้าชายกระต่าย (3)

นั่นไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุด

รูปลักษณ์ของคิมฮันนาห์ในนิมิตก็ต่างไปจากมนุษย์มาก

มีเขาแพะอยู่บนหัวของเธอ และปีกค้างคาวงอกออกมาจากแผ่นหลัง บวกกับเครื่องแต่งการที่เปิดเผยจนน่าทึ่ง และแทบจะไม่ได้ปิดส่วนไหนของร่างกายเอาไว้เลย…

คิมฮันนาห์ในนิมิตดูไม่ได้ต่างไปจากซัคคิวบัสเลยสักนิด

ซอลจีฮูรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที

คิมฮันนาห์คงจะพ่ายแพ้ปรสิต และถูกความบริสุทธิ์อันโสมมล้างสมองเหมือนอย่างที่คู่มั่นของมาแชล จิโอเนียโดน

นี่มันเป็นไปได้แน่ๆ

คิมฮันนาห์ได้บอกไว้เองว่าเธอมีศัตรูอยู่มากมาย

เธอได้ทำงานได้อย่างอิสระภายใต้โล่ที่มีชื่อว่าซินยอง แต่ว่าเมื่อโล่นั่นได้ทอดทิ้งตัวเธอไป

คนที่ถูกซินยองข่มเหงและกล้ำกลืนฝืนทนเก็บความโกรธไว้จะไม่มีทางพลาดโอกาสนี้

และคิมฮันนาห์ที่ไม่มีจุดยืนก็จะถูกไล่ล่าไปเรื่อยๆจนกระทั่งในที่สุดแล้ว…

ในตอนนั้นเองการสังเกตทั่วไปของเขาก็ทำงาน และเปิดหน้าต่างสถานะของคิมฮันนาห์ขึ้นมา

[หน้าต่างสถานะของคิมฮันนาห์]

[1.ข้อมูลทั่วไป]
วันที่ถูกอัญเชิญ: 03/21/2014
ตราประทับ: เงิน
เพศ/อายุ: เพศหญิง/28
ส่วนสูง/น้ำหนัก: 169.8 ซม./56.5 กก.
สภาพร่างกาย: ดี
คลาส: จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ระดับ 5
สัญชาติ: สาธารณะรัฐเกาหลี (พื้นที่ที่ 1)
สังกัด: ซินยอง
ฉายา: โฆษกจอมเจ้าเล่ห์, ยัยจอมพยาบาท, จิ้งจอกสาว, นักต้มตุ๋น, ลำดับสอง

[2.คุณลักษณะ]
1.อารมณ์
-เลือดเย็น (ใช้เหตุผลและไม่เห็นอกเห็นใจ)
-มีวินัยในตัวเอง (มีข้อจำกัดที่เหมาะสมกับตัวเองอย่างชัดเจน)

2.ความเชี่ยวชาญ
-สัมผัสอารมณ์ (ไวต่อการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของผู้อื่น)
-ฉลาดหลักแหลม (มีสมองอันชาญฉลาดรวมไปถึงพรสวรรค์โดยรวมที่ดีเยี่ยม)
-ฝีปาก (มีพรสวรรค์ในการพูด)
-ปรับตัว (สามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็ว)
-เปลี่ยนใบหน้า (มีทักษะในการเปลี่ยนแปลงสีหน้าไปตามสถานการณ์)

3.ระดับความนึกคิด
เลือดเหล็ก (ไม่หลั่งเลือดและน้ำตา) / ปีศาจ / ท้อแท้ (ทั้งหัวใจและจิตวิญญาณแตกสลาย)

ความตกใจในคุณลักษณะของเธอมีอยู่ครู่เดียวเท่านั้น ซอลจีฮูได้เม้มปากขึ้นในทันทีที่เห็นระดับความนึกคิดของเธอ

อารมณ์ของเธอเป็นเลือดเย็นกับมีวินัยในตัวเอง แต่ว่าในอย่างที่สามของความนึกคิดของเธอคือท้อแท้ที่ซึ่งแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

[ยังไงก็ตามก็มีอยู่หลายกรณีที่ ‘ความนึกคิด’ กับ ‘อารมณ์’ ไม่ตรงกัน]

[ยกตัวอย่างเช่นหากว่านายมีความนึกคิดที่ดี แต่อารมณ์ของนายกลับไม่ดีล่ะ? ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ความนึกคิดของนายก็จะค่อยๆเสื่อมถอยแย่ลงไป จนในที่สุดก็กลายเป็นตรงกันกับอารมณ์ของนาย]

คิมฮันนาห์กำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวังไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอย่างที่หน้าต่างสถานะบอกกับเขาจริงๆ

ยังมีอีกอย่างหนึ่งก็คือปีศาจ

แล้วถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะ? หากว่าในสักวันหนึ่งมีปรสิตมาล่อลวงเธอล่ะ? คิมฮันนาห์จะห้ามไม่ให้ตัวเองหวั่นไหวได้งั้นหรอ?

‘ฉันจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น’

เพื่อตัวเขาและคิมฮันนาห์แล้ว มันจะต้องไม่เกิดขึ้น ชะตากรรมของคิมฮันนาห์จะต้องถูกเปลี่ยนแปลง

แต่ยังไงล่ะ?

เขารู้คำตอบอยู่แล้ว เขาจะมอบที่อยู่ให้กับเธอ

หรือก็คือต่อให้คิมฮันนาห์จะออกมาจากซินยองแล้ว เธอจะต้องมีที่อยู่รองรับสำหรับความทะเยอทะยานของเธอ

ก่อนที่เขาจะพูดออกมา ซอลจีฮูก็ได้ดื่มเหล้าในแก้วลงไป

ก่อนที่จะวางแก้วลง…

“ฉันมีเรื่องที่ลืมบอกเธอไป”

…เขาได้พูดออกมา

“ฉันเลื่อนระดับแล้ว”

“…”

“แต้มคุณูปการของฉันได้รับการยินยอม และระดับของฉันก็เลื่อนมาเป็นระดับ 5 ในตอนนี้ฉันกลายมาเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูงเหมือนเธอแล้วล่ะ”

เสียงสะอื้นได้ค่อยๆหยุดลงไป

“ชื่อคลาสของฉันคือผู้ใช้หอกแห่งเนเมซิส ฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดว่ายังไง แต่ว่าฉันค่อนข้างชอบชื่อนี้เลยล่ะ”

ซอลจีฮูได้พูดออกมาให้ดังขึ้นโดยที่ยังคงให้ความสนใจกับหน้าต่างสถานะของเธออยู่

“เพราะว่าเนเมซิสคือเทพธิดาแห่งการแก้แค้น เธอยังจำที่เธอพูดกับฉันในเขตพื้นที่เป็นกลางได้ไหม?”

คิมฮันนาห์ได้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

“เพราะฉะนั้นหากว่านายต้องการให้ใครทำอะไรให้นาย-“

“นายก็ควรจะทำให้พวกเขาก่อน นี่คือธรรมบัญญัติ… มัทธิว 7:12”

คิมฮันนาห์ได้พูดปิดท้ายประโยคออกมาเหมือนกับต้องมนต์

“ใช่แล้วล่ะ กฏทองคำ”

ซอลจีฮูได้ยิ้มบางออกมา

“นี่คือวิธีที่ฉันใช้ชีวิตในพาราไดซ์ ตาต่อตา ฟันต่อฉัน… แล้วเธอล่ะ?”

คิมฮันนาห์ไม่ได้ตอบกลับมา เธอแค่จ้องมาที่เขาด้วยดวงตาที่เปียกชื้น สีหน้าของเธอเรียบเฉยเหมือนกับกำลังถามว่า ‘จู่ๆนายมาพูดเรื่องอะไรเนี้ย แล้วนายต้องการจะพูดอะไรกันแน่?’

ซอลจีฮูได้ตัดสินใจเข้าเรื่องทันที

“ฉันกำลังคิดว่าจะไปจากฮารามาร์ค”

คิมฮันนาห์ได้หรี่ตาลง

“ฉันกำลังจะสร้างองค์กร”

“…อะไรนะ?”

ใบหน้าของเธอได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอสงสัยว่าเธอได้ยินผิดไป

“องค์กร?”

“ใช่แล้วล่ะ องค์กร”

ซอลจีฮูไม่ได้ชะงักและพูดต่อไป

“เราได้คุยกันในทีมเรียบร้อยแล้ว พวกเรากำลังจะไปที่อีวาเพื่อสร้างองค์กรที่นั่น”

ริมฝีปากของคิมฮันนาห์ได้อ้าออกเล็กน้อย เธอดูจะพูดไม่ออกแล้ว ใบหน้าของเธอเหมือนกับว่า ‘นายเป็นบ้าอะไรของนายเนี้ย?’

หลังจากมองเขานิ่งๆอยู่สักพัก…

“ฮ่าฮ่า”

เธอได้เริ่มหัวเราะออกมา

“…ฮ่าฮ่าฮ่า”

หลังจากหัวเราะอยู่สักพัก เธอก็สูดหายใจยาว

“งั้นนายกำลังบอกให้ฉันเข้าองค์กรของนายงั้นหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

“ขอล่ะนะจีฮู”

น้ำเสียงของคิมฮันนาห์ได้กลายเป็นอ่อนโยนลง

“จีฮูตัวน้อยของเรารู้ไหมว่าการสร้างองค์กรขึ้นจริงๆแล้วนี่มันหมายความว่ายังไง?”

“…”

“นายรู้ไหมว่าในพาราไดซ์มีกี่กลุ่มที่นายจะเรียกว่าองค์กรได้น่ะ?”

ซอลจีฮูได้ส่ายหัวออกมานิ่งๆ คิมฮันนาห์ก็ได้พูดขึ้นอย่างอ่อนล้า

“ที่ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการมีไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ ตัวเลขชัดๆคือแปดสิบสององค์กร ถึงแม้ว่าพาราไดซ์จะเปิดให้ชาวโลกมานานแล้ว แต่ว่าตัวเลขยังไปไม่ถึงสามหลักเลย”

น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่เป็นมิตรเลย แต่ว่าซอลจีฮูก็ยังฟังเงียบๆ อย่างแรกเขาเข้าใจว่านี่คือคำแนะนำ และอย่างที่สองน้ำเสียงของเธอมันดูเหมือนกับการสะอื้นมากกว่าอะไรทั้งนั้น

“เราต้องคำนวณอะไรเพิ่มอีกไหมล่ะ? ในสกีเฮราซาร์ดมีองค์กรอยู่ยี่สิบแปดองค์กร ถ้างั้นนั่นหมายความว่าในแต่ล่ะเมืองมีองค์กรอยู่เพียงแค่เก้าองค์กรเท่านั้น”

เธอได้หยุดพักหายใจก่อนจะทำสีหน้าขึงขังออกมา

“องค์กร… นายคิดว่าแค่อยากจะสร้างก็สร้างมันได้งั้นหรอ? นายรู้ถึงข้อกำหนดขั้นต่ำในการสร้างองค์กรไหม? นายได้รู้ถึงการประเมินพื้นฐานบ้างไหมล่ะ?”

“ฉันยังไม่รู้อะไรแน่ชัดเลย ฉันไม่ได้ศึกษาลงลึกไปในเรื่องนี้”

ซอลจีฮูได้ตอบกลับมาอย่างสงบ

“เพราะงั้นฉันถึงได้ดึงตัวเธอเข้าทีมไง”

คิมฮันนาห์ได้ยกมือขึ้นลูบหน้าทันที

“ฟู่ววว”

หลังจากถอนหายใจยาวและค่อยๆลดมือลงแล้ว เธอก็ได้แสดงสีหน้ายอมแพ้ราวกับจะบอกว่าเธอยอมแพ้แล้ว

“…ก็ได้ ถ้างั้นช่างเรื่องพวกนี้ไปแล้วกัน”

จากนั้นเธอก็พูดต่ออย่างอ่อนแรง

“แล้วนายมีเงินแล้วงั้นหรอ?”

“ใช่”

ซอลจีฮูได้ตอบรับอย่างหนักแน่น

“ฉันมีแล้ว”

“อย่างน้อยที่สุดฉันคิดว่านายจะต้องเงินซื้อที่ดิน การก่อสร้าง และการบำรุง.. หืม?”

คิมฮันนาห์ได้ชะงักไปราวกับเธอคิดว่าเขาไม่มีเงินในส่วนนั้น

“เมื่อเร็วๆนี้ฉันพึ่งจะได้เงินมาจำนวนหนึ่งจากการสำรวจน่ะ”

คิมฮันนาห์ได้เยาะเย้ยออกมา

“โอ้ งั้นหรอ? นายได้เหรียญทองมาบ้างงั้นสิ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

“ฮ่าห์ ก็ได้ งั้นบอกฉันมาสิ ได้มากี่สิบเหรียญล่ะ? หรือว่ายี่สิบ? อย่างมากสุดก็ไม่น่าเกินสี่สิบเหรียญล่ะนะ”

“เป้นแท่งทองคำประมาณ 600 กรัม”

ในทันทีที่เขาพูดออกมา

“ถ้าแปลงเป็นเหรียญทอง… ถ้างั้นก็ประมาณ 86 เหรียญทองล่ะมั้งนะ?”

…ใบหน้าคิมฮันนาห์ได้แข็งทื่อไป เธอได้ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมแสดงสีหน้าที่อธิบายออกมาไม่ถูก แต่มันชัดเจนมากว่าเธอไม่เชื่อเขา

ซอลจีฮูได้ยกกระเป๋าที่เอามาด้วยโดยไม่พูดอะไร และวางมันเอาไว้ตรงหน้าคิมฮันนาห์ เสียงตึง! ได้ดังออกมา

เมื่อซอลจีฮูหยักหน้า คิมฮันนาห์ก็ได้เปิดกระเป๋าขึ้นด้วยความสงสัย

เมื่อแสงสีทองเจิดจ้ากระทบกับใบหน้าของเธอ ความมึนเมาก็ได้หายไปในทันที

ซอลจีฮูได้หยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาคาบก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันเอามาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังถูกเก็บเอาไว้ที่วิหารในฮารามาร์คอยู่”

คิมฮันนาห์ได้รีบปิดกระเป๋าลงไป หลังจากเหล่มองรอบตัวแล้ว เธอก็กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น

“นะ นาย…”

“นอกจากแท่งทองคำ 600 กรัมแล้ว ก็ยังมีไข่ทองคำอีก 70 กรัม…”

ยิ่งซอลจีฮูพูดออกมา ดวงตาคิมฮันนาห์ก็ได้เบิกกว้างยิ่งขึ้น

“นะ นี่คือของที่ได้จากการปฏิบัติการงั้นหรอ?”

“ไม่หรอก นี่คือหลังจากหารเก้าแล้ว”

คิมฮันนาห์ได้อ้าปากค้างออกมา

“นี่มันเป็นแค่ส่วนแบ่งของฉันเท่านั้น”

หลังจากประเมินจำนวนเงินทั้งหมดแล้ว คิมฮันนาห์ก็ได้แต่อ้าปากค้างจริงๆ

“นี่… นายกำลังบอกว่าฉันต้องเชื่องั้นหรอ?”

“ทำไมฉันจะต้องโกหกด้วยล่ะในเมื่อเธอก็ไปเช็คในคลังที่ฮารามาร์คได้ตลอดเวลา?”

คิมฮันนาห์ได้แต่ต้องยอมรับในเมื่อเขาไม่ได้พูดผิดไปเลย

หลังจากพ่นควันออกมา ซอลจีฮูก็พูดอีกครั้งอย่างสงบ

“ก็อย่างที่ฉันบอกไป มีอยู่หลายอย่างที่ฉันยังไม่รู้ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำมันไปโดยไม่คิดอะไรหรอกนะ อย่างน้อยที่สุดฉันก็รู้ถึงปัจจัยสำคัญที่สุดในการก่อตั้งองค์กรแหละนะ”

จากสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า คิมฮันนาห์ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

กลับกันเธอดูจะงุนงงมากๆ ยังไงแล้วเธอก็คงจะคิดว่าเขาพูดเล่น แต่จริงๆมันกลับไม่ใช่แบบนั้น

หลังจากได้ยืนยันแล้วว่าซอลจีฮูเอาจริง คิมฮันนาห์ก็ได้แต่ต้องเริ่มคิดใหม่เช่นกัน

เมื่อเขาสูบบุหรี่จนใกล้หมดแล้ว คิมฮันนาห์ก็หยุดมองสลับไปมาระหว่างซอลจีฮูกับกระเป๋า หลังจากที่สะบัดหัวแล้ว เธอก็มองตรงไปที่เขา

ถึงจะแค่เล็กน้อย แต่ว่าสายตาเธอก็กระจ่างชัดขึ้นมาแล้ว

“นี่… มีหนึ่งเรื่องที่ฉันอยากจะถาม”

ซอลจีฮูได้คีบบุหรี่และเอียงหัวออกมา

“ทำไมถึงไปอีวาล่ะ? อยู่ที่ฮารามาร์คมันจะไม่ง่ายกว่าหรอกหรอ?”

“เธอพูดถูก แต่ว่าฉันไม่ได้ไปแค่คนเดียวหรอกนะ”

“?”

“ซันเหอกับอุมิทัตสึบาเมะก็ตกลงจะไปด้วยกัน จริงๆแล้วอุมิทัตสึบาเมะถูกยุบไปแล้วล่ะ แค่ว่าในเมื่อคุณคาซุกิกำลัง…”

“อะ อะไรนะ?”

“นี่เป็นเงื่อนไขของอาจารย์จางตั้งแต่แรกแล้ว”

ซอลจีฮูได้พูดต่อนิ่งๆ

“เพื่อจัดการเรื่องภายใน เพื่อเอาชนะเหนือองค์กรอื่น และเพื่อเตรียมเงินทุนให้เพียงพอ”

จากนั้นเขาก็หยักไหล่ออกมา

“เอาเถอะนะ… เหตุผลใหญ่ที่สุดก็คือเพราะฮารามาร์คมีซิซิเลียอยู่แล้ว ฉันไม่อยากจะสู้กับซิซิเลีย”

คิมฮันนาห์ไม่มีแรงเหลือจะให้ตกใจแล้ว แต่ว่าเขาก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง นี่มันก็เพราะว่าระดับความนึกคิดของเธอได้เปลี่ยนแปลงไปในทันทีที่เขาพูดจบ

จาก ‘ปีศาจ’ ไปเป็น ‘ตกตะลึง’

มันก็ช่วยไม่ได้ ด้วยความฉลาดของเธอ คิมฮันนาห์ก็รับรู้ถึงความทะเยอทะยานของซอลจีฮูได้ในทันทีที่เขาบอกว่าเขาไม่อยากจะสู้กับซิซิเลีย

ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังบอกกับเธอว่าเขาจะปกครองเมืองและขึ้นเป็นกษัตริย์

“แล้วเอาไงล่ะ?”

ซอลจีฮูได้ถามออกมาเป็นครั้งที่สอง

“ฉันจะให้ห้องใหญ่ๆกับเธอเลย”

“มะ ไม่”

“เธออยากจะมาอยู่กับฉันไหม?”

หากว่าเป็นคนนอกมาได้ยินก็คงจะเข้าใจผิดไปแน่ๆ

คิมฮันนาห์ไม่ได้ตอบกลับในทันที

“ระ รอเดี๋ยวนะ”

เธอได้ยกมือลูบหน้าผาก

“ให้…”

เธอได้ฝืนลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ยังแทบจะทรงตัวไม่ได้

“ให้เวลาฉันคิดหน่อยนะ…”

เธอได้เค้นคำขอออกมา

หลังจากเห็นความนึกคิดของเธอเปลี่ยนไปจาก ‘ตกตะลึง’ ไปเป็น ‘ไตร่ตรอง’ ซอลจีฮูก็ตอบตกลงทันที

“แน่นอน คิดได้เต็มที่เลย”

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน

“แต่ว่าอย่าได้คิดจะออกไปนะ อยู่ข้างๆฉันเอาไว้”

เขาได้พูดคำเหล่านี้เผื่อเอาไว้

คิมฮันนาห์ได้หัวเราะออกมาเมื่อสังเกตได้ว่าซอลจีฮูกำลังเป็นห่วงเธอ

“ฉันไม่มีที่ให้ไปแล้วนี่ไอ้สารเลว”

***

ซอลจีฮูได้เข้าไปช่วยพยุงเธอ แต่ว่าคิมฮันนาห์ก็ได้ปฏิเสธเขาโดยบอกว่าเธอเดินเองได้

เธอไม่ได้พูดอะไรตลอดทาง เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะกำลังคิดกับตัวเองอยู่ ซอลจีฮูจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปเช่นกัน

แม้ว่ามันจะดึกมากแล้ว แต่ว่าก็ไม่มีเพื่อนรวมทีมของเขาอยู่ที่โรงแรมเลยสักนิด เขาไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าพวกเขาคงยังอยู่ที่บาร์ที่ไหนสักแห่งตลอดทั้งคืนแน่ๆ

“ตอนนี้นอนก่อนเถอะ เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้”

ซอลจีฮูได้มาดูห้องของคิมฮันนาห์ก่อนที่จะกลับไปห้องของตัวเอง

เมื่อเขามาถึงห้องเขาก็ได้เจอเข้ากับไข่ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่กลางเตียง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันตามเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

‘เจ้านี่ตามฉันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’

เขาได้ใช้นิ้วเขี่ยไข่ออกไปก่อนที่จะทรุดตัวลงนอนบนเตียง จากนั้นเขาได้ลูบไข่ไปมาก่อนที่จะเริ่มมองไปบนเพดาน

การนอนหลับมันไม่ง่ายเลย นิมิตของคิมฮันนาห์ที่เขาได้เห็นยังคงเล่นซ้ำอยู่ในหัวเขา

‘คิมฮันนาห์…’

***

ในเวลาเดียวกัน

คิมฮันนาห์ก็ยังนอนไม่หลับเหมือนกันกับเขา

หัวของเธอทั้งวิงเวียน และร่างกายเธอก่อนอ่อนล้า แต่ว่าเธอยังคงนึกถึงคำพูดที่เธอเพิ่งจะได้ยินมา

[ฉันไม่อยากสู้กับซิซิเลีย]

เสียงแค่นได้ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาไม่อยากจะต่อสู้กับซิซิเลีย ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับผู้บริหารแล้วก็แคร์ แอ็กเนส

ยิ่งคิดมันก็ยิ่งน่าขำ

แต่ว่าเธอจะรู้สึกยังไงกับความรู้สึกคาดหวังนี่ล่ะ?

มองย้อนไปแล้วซอลจีฮูก็เป็นแบบนี้อยู่เสมอ ทำในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้และพยายามจะหยุดเขา แต่ไม่ว่าจะยังไงสุดท้ายผลลัพธ์มันก็จะปรากฏออกมาให้เห็นเสมอ

เหมือนอย่างที่เขาได้เอาชนะผู้บัญชาการกองทัพปรสิตในตอนที่เขายังมีระดับอยู่แค่เพียง 4

นั่นคือเหตุผล…

“…”

คิมฮันนาห์ได้เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง

***

ตึงๆ

ขณะที่เขากำลังจะหลับไป จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกมา

และตามมาด้วยเสียงปิดประตู ได้มีคนๆหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามาหาเขา เขารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังนอนลงข้างๆเขา

“?”

เขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ว่าเขาเพียงแค่ลืมตามองอย่างไร้เดียงสาเท่านั้น กลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงได้โชยเข้าจมูกเขาทันที

“ฉันรู้ว่านายยังไม่หลับ”

เป็นเสียงของคิมฮันนาห์

“อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ ฉันมาก็เพราะว่าสมองฉันวุ่นไปหมด แล้วฉันก็ไม่อยากจะอยู่คนเดียว”

เธอได้บอกไม่ให้เขาเข้าใจผิด แต่ว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดเลยนี่ ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้วมันดูเหมือนว่าเธอยังคงเมาอยู่

“แล้วอะไรหรอ? เธอมาที่นี่ทำไม?”

เงียบๆ

หลังจากเงียบอยู่สักพักคิมฮันนาห์ก็พูดออกมา

“สัญญากับฉัน… สัญญากับฉันแค่สามอย่าง”

ร่างกายซอลจีฮูได้แข็งทื่อไปเมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังนี้

“…สัญญาอะไร? เธออยากจะให้ฉันปกป้องใช่ไหม? แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันจะปกป้องเธอ”

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”

คิมฮันนาห์ได้บ่นเขาก่อนกระแอ่มออกมา

“อย่างแรกให้อำนาจกับฉัน”

“อำนาจ?”

“นายคิดจะกลายเป็นกษัตริย์ใช่ไหม?”

“…”

“แน่นอนว่าหากเธอต้องการ ฉันก็ยินดีจะทำงานเหมือนกับสุนัขให้กับนาย แต่ว่าหากว่านายอยากจะได้พี่เลี้ยงคอยดูแล ฉันก็คงต้องปฏิเสธ”

ซอลจีฮูได้สงสัยในสิ่งที่เขาได้ยิน จางมัลดงเคยบอกกับเขาไว้แล้ว ทุกๆคนต่างก็มีสิ่งที่ตนเองต้องการ

และความต้องการของคิมฮันนาห์ก็คืออำนาจ ซอลจีฮูที่จับจุดได้แล้วได้ถามออกมา

“เธออยากได้ขนาดไหนล่ะ?”

“ราชินี”

“อะไรนะ?”

ซอลจีฮูได้รีบหันกลับมามอง คิมฮันนาห์กำลังนอนหันหลังให้เขาอยู่

“นี่เธอคิดจะแต่งงาน-“

ผั๊วะ

แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้พูดจบ คิมฮันนาห์ก็เตะกลับหลังใส่เขา

“ฉันไม่มีอารมณ์มาล้อเล่นกับนายหรอกนะ เรื่องไร้สาระควรพอได้แล้ว สำหรับตำแหน่งราชินีน่ะ เมื่อพูดถึงในแง่ระดับชั้นของทีมแล้ว ฉันจะยอมอยู่ภายใต้นายคนเดียว และไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือฉันอีก”

“เฮ้ มีอาจารย์จางด้วยนะ”

“แน่นอนว่าฉันเคารพเขา แต่ว่าอย่างน้อยเราต้องอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ในเมื่อความเชี่ยวชาญของเราต่างกันมันจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

คิมฮันนาห์ไม่ได้ยอมถอยเลย ซอลจีฮูได้คิดกับตัวเองอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับไป

“หากว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ งั้นก็ได้ แต่ว่าเธอจะต้องแสดงความสามารถและภาพลักษณ์ให้สมกับตำแหน่งนั้นด้วยนะ”

“ความสามารถน่ะได้ แต่ว่าภาพลักษณ์อะไรล่ะ?”

“ที่ฉันจะบอกก็คืออย่าได้ใช้อำนาจในทางที่ผิด ไม่ว่าคนๆหนึ่งจะมีความสามารถแค่ไหน แต่ฉันก็จะไม่ทำงานร่วมกันกับคนที่ทำอะไรตามใจตัวเอง

“นายคงยังรู้จักพาราไดซ์ได้ดีไม่พอสินะ ในพาราไดซ์น่ะความสามารถก็คือภาพลักษณ์”

คิมฮันนาห์ได้แค่นเสียงออกมา

“ฉันจะแสดงให้นายเห็นเอง อย่างน้อยที่สุดฉันจะไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผล เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอก”

คิมฮันนาห์ได้ไอออกมา

“อย่างที่สอง จงกลายเป็นต้นไม้ใหญ่”

“ไม่ใช่ชายตัวโตหรอกหรอ?”

“แค่มนุษย์มันมีขีดจำกัดอยู่ ฉันกำลังบอกให้นายพัฒนาองค์กรให้เติบโตโดยมีนายเป็นศูนย์กลาง ทำให้มันใหญ่มากพอที่นายจะมองดูถูกซินยองได้ง่ายๆ”

ในปัจจุบันซินยองเป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพาราไดซ์ แต่ว่าซอลจีฮูก็ได้ตอบกลับไปโดยไม่ลังเล

“แน่นอนสิ”

“…นาย นายสัญญาแล้วนะ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้นายหากว่าจู่ๆนายยอมแพ้กลางคัน หรือตายไปโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาติ”

“ก็ได้ๆ แล้วข้อสามล่ะ?”

“อย่างที่สาม…”

คิมฮันนาห์ได้ชะงักไป ภาพลักษณ์ที่สง่างามของเธอได้หายไปอย่างกระทันหัน

“อย่าได้…”

เขาได้ยินเสียงพึมพำบางอย่าง แต่ว่าก็ได้ยินไม่ชัดเพราะมันเบาจนเกินไป

“เธอพูดว่าอะไรนะ?”

“อย่าได้…”

“คิมฮันนาห์?”

“…ทรยศฉัน… เด็ดขาด…”

น้ำเสียงของเธอสั่นเทา

ซอลจีฮูได้เม้มปากออกมา

“นั่นคือตราบใดเท่าที่เธอไม่ทรยศฉันก่อน”

หลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เธอคงจะหันกลับหลังมาเพราะเขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องแผ่นหลังอยู่

ซอลจีฮูก็ค่อยๆหันกลับไปมองคิมฮันนาห์

“แล้วนี่การดึงเธอเข้าทีมเรียบร้อยแล้วสินะ?”

คิมฮันนาห์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอเพียงแค่มองมาที่เขาด้วยสายตาเหมือนกับจิ้งจอก ก่อนที่จะถอนหายใจและค่อยๆหลับตาลงไป

ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าขนตายาวของเธอมันงดงามมาก

“คิมฮันนาห์”

“อะไร…”

หลังจากได้รับคำตอบที่ชัดเจนเธอคงจะโล่งใจแล้วสินะ? น้ำเสียงเธอดูง่วงมากเหมือนกับความง่วงได้กวาดทั่วร่างเธอไปแล้ว ซอลจีฮูได้ยิ้มออกมา

“ยินดีต้อนรับนะ”

“อืม…”

“ไม่ว่าจะยังไง ฉันจะทำให้เธอมีความสุข”

คิมฮันนาห์ได้หัวเราะออกมาเบาๆ

“หากว่ามีใครได้ยิน… พวกเขาจะคิดว่าเราแต่งงานกันนะ…”

จากนั้นลมหายใจแผ่วๆก็ดังออกมา

ซอลจีฮูได้เปิดใช้นพเนตรขึ้น

เลือดเหล็ก (ไม่หลั่งเลือดและน้ำตา) / มุ่งมั่น / ทะเยอทะยาน (เต็มไปด้วยความหวังที่จะทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่)

ความนึกคิดเธอได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

สีของเธอยังเป็นสีน้ำเงิน ทางเลือกแห่งโชคชะตา

และซอลจีฮูที่เห็นนิมิตเล่นอยู่ตรงหน้าก็ได้กำหมัดแน่น

ในที่สุดเขาก็ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างหนึ่งแล้ว

ซอลจีฮูได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลงไป

และแน่นอนว่าด้วยนิสัยที่ยากจะแก้ไขของเขา ซอลจีฮูจึงค่อยๆซุกหน้าเข้าไปในหน้าอกของคิมฮันนาห์ และหลับลงไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

’75C… ไม่สิ D’

“…เฮ้”

จากนั้นเอง

“นี่มันไร้สาระมากนะ ฉันจะถามนายก่อนที่จะตบนาย”

คิมฮันนาห์ที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วได้พูดออกมาทั้งๆที่หลับตาอยู่

“นี่เป็นวิธีจีบสาวของนายงั้นหรอ?”

ซอลจีฮูได้รีบแกล้งทำเป็นหลับไป เขาได้เกร็งหน้าเตรียมถูกตบแล้ว

“ฟู่วว…”

ในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ามีมือมาลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน

“ฉันมันโง่เองที่เผลอคิดไปว่านายมันพึ่งพาได้…”

คิมฮันนาห์ได้เดาะลิ้น และบ่นออกมา

‘มันอบอุ่น’

ซอลจีฮูได้ยิ้มๆอ่อนๆก่อนจะหลับไป

“นายคิดจะทำอะไร…”

หลังจากยืนยันว่าเขาหวันไปแล้ว คิมฮันนาก็ยิ้มแห้งๆออกมา

“นายเป็นเพียงคนเดียว…”

เธอได้พูดเสียงต่ำๆออกมา

“เพียงคนเดียวที่เข้ามาในพาราไดซ์.. เพราะนายคิดถึงในกลิ่นของผู้คน”