ณ ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลออกไปในจักรวาล

“หืมม?!”

เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสงสว่างที่น่าสะพรึงกลัวส่องออกมาจากดวงตาของเขา ซึ่งเหมือนกับจะสามารถเจาะทะลวงห้วงมิติก็ว่าได้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าพลังอำนาจของตนเองที่ฝังอยู่ในร่างกายของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นได้หายไป

นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงการตายของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง ไม่มีใครหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

“พวกขยะ ไม่คาดคิดว่าจะถูกสังหารได้!”

เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งมีสีหน้าที่มืดมนอย่างยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถสังหารลูกศิษย์ของเซนต์อสูรมืดได้โดยที่พึ่งพาพลังอำนาจของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง ทว่าไม่คาดคิดว่าขยะเหล่านี้จะไม่สามารถสังหารเซี่ยปิง หน้ำซ้ำพวกเขายังถูกสังหารไปเสียเอง

เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด ทว่าก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

ตอนนี้หากเขาเลือกที่จะเคลื่อนไหว จะต้องถูกเซนต์อสูรมืดค้นพบอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเขาเกรงกลัวว่าตนเองจะถูกเซนต์อสูรมืดไล่ล่า ซึ่งสิ่งที่ได้มานั้นจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป

“บัดซบ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกชั่วคราว ทว่าครั้งหน้ามันจะไม่ง่ายดายเช่นนี้อีก” เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งเปล่งเสียงออกมาในลำคอและได้เรียกความสงบนิ่งของตนเองกลับมาอย่างรวดเร็ว

เพราะว่าการที่ได้ส่งกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังออกไปนั้น เป็นเพียงแค่การลองเชิงเบื้องต้น เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น หากประสบความสำเร็จก็ถือว่าดีไป แต่หากล้มเหลวก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไร

สรุปก็คือ ในโลกนี้ยังมีโอกาสอีกมากมาย ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องมีโอกาสในการสังหารลูกศิษย์ของเซนต์อสูรมืด

คิดได้แบบนี้ เซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งก็ได้หลับตาลงอีกครั้ง ทำการบ่มเพาะต่อไป ด้วยลมหายใจของเขานั้น ทั่วทั้งดาวเคราะห์เหมือนกับก่อตัวกลายเป็นหลุมวนขนาดใหญ่ หมอกและควันสีเลือดได้ห่อหุ้มทั่วทั้งดาวเคราะห์และดึงดูดพลังงานของจักรวาลเข้ามา

……………..

ในช่วงเวลานี้ ณ สำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิง

เซี่ยปิงได้สังหารกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังและได้แย่งชิงแหวนห้วงมิติของพวกเขามาทั้งหมด จากนั้นเขาก็ได้แอบกลับมาอย่างเงียบๆ กลับมาที่สำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงอีกครั้ง

ซึ่งด้วยการกระทำเช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นได้ถูกเซี่ยปิงกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว

ทว่าในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองฮวายหนิงยังคงแตกตื่นกันอยู่ ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังออกสำรวจ พยายามที่จะค้นหาปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้น ทว่าน่าเสียดาย ไม่ว่าพวกเขาจะตามหาอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพบเจอทั้งเจ็ดคน

“เป็นสมบัติที่ดี”

เซี่ยปิงทำการตรวจสอบสมบัติภายในแหวนห้วงมิติเหล่านี้ ทันใดนั้นก็ค้นพบว่าข้างในมีเม็ดยาที่ช่วยในการเสริมสร้างพลังเวทมนตร์ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาห้าธาตุ เม็ดยาหยินหยางและเม็ดยาอื่นๆ ซึ่งมีเป็นจำนวนกว่าสามหมื่นเม็ด

อีกทั้งเขาก็ได้ค้นพบเม็ดยาฟื้นฟูและสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก แต่ละชนิดนั้นไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย

“บัตรธนาคาร?! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบัตรธนาคารที่ไม่ระบุตัวตน?!”

เซี่ยปิงก็ค้นพบว่าภายในแหวนห้วงมิติของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้นมีบัตรธนาคารอยู่ ซึ่งมีทั้งหมดเจ็ดใบ

ในฐานะที่เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงนั้น พวกเขาไม่สามารถที่จะเปิดเผยสถานะของตนเองได้ เพราะว่าเมื่อใดที่ถูกเปิดเผย จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน

พวกเขาจึงมีความระมัดระวังอย่างมาก ไม่เคยไว้ใจใคร ไม่ต้องการที่จะทิ้งข้อมูลของตนเองไว้ในที่ใดสักที่ ดังนั้นจึงได้จัดทำบัตรธนาคารที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งใช้เพื่อเก็บเงินทั้งหมดของตนเองไว้

อีกทั้งบัตรธนาคารที่ไม่ระบุตัวตนประเภทนี้ก็ไม่ได้มีรหัสผ่าน ตราบใดที่บางคนเก็บบัตรธนาคารนี้ขึ้นมา ก็สามารถที่จะไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงินออกมาได้ทันทีโดยที่จะไม่มีใครสอบถามข้อมูลใดๆ ซึ่งผู้คนปกติธรรมดานั้นจะไม่มีทางใช้บัตรประเภทนี้เด็ดขาด

ทว่าสำหรับกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั้น พวกเขามีความมั่นใจในพลังอำนาจของตนเอง คิดว่าจะไม่มีทางทำให้บัตรธนาคารนี้สูญหายอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อใดที่สูญหายนั้น มันก็เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาได้ตายไปแล้ว

ในเมื่อตายไปนั้น การที่บัตรธนาคารจะสูญหายไปหรือไม่นั้นก็คงจะไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป

“ไม่รู้ว่าข้างในจะมีเงินจำนวนมากเท่าไหร่”

เซี่ยปิงรู้สึกสงสัยอย่างมาก เขาได้หยิบบัตรธนาคารมาในทันที ล็อกอินเข้าไปในเครือข่ายเสมือนจริงและป้อนหมายเลขบัตรเข้าไป จากนั้นก็ได้ตรวจสอบจำนวนเงินในบัตรเหล่านี้อย่างรวดเร็ว

“50ล้านเหรียญจักรวาล ไม่คาดคิดว่าบัตรธนาคารแต่ละใบจะมีเงินถึง50ล้านเหรียญจักรวาล การมีอาชีพเป็นนักฆ่านี่ช่างมีรายได้ที่ดีจริงๆ” เซี่ยปิงกล่าวชมออกมา ไม่คาดคิดว่าบัตรธนาคารเหล่านี้จะมีเงินเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ได้สังหารเป้าหมายไปมากแค่ไหนถึงได้รับเงินในจำนวนที่มากขนาดนี้ได้

เงินของทั้งเจ็ดคนที่รวมกันนั้น เป็นเงินทั้งหมด350ล้านเหรียญจักรวาล นี่มันเป็นเงินก้อนใหญ่จริงๆ

แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปกติทั่วไปนั้นก็ไม่ได้เงินที่มากมายเหมือนกับกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังเหล่านี้ เรียกได้ว่าพวกเขานั้นก็เป็นกลุ่มนักฆ่าที่มั่งคั่งทีเดียว

“เดี๋ยวก่อน เหมือนกับมีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณอยู่?!”

เซี่ยปิงทำการค้นหาสมบัติในแหวนห้วงมิติต่อไป ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบถึงสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ภายในแหวนห้วงมิติของฟางกุ่ยทันที มันมีออร่าที่ทรงอำนาจแผ่ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณนั่นเอง

เห็นเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนี้อยู่ในรูปร่างของมนุษย์ เหมือนกับเป็นหุ่นเชิดก็ว่าได้ เหมือนกับก่อตัวขึ้นมาจากของเหลว มีความคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์ของเหลวอย่างมาก บนตัวของมันก็มีอักขระที่ซับซ้อนและลึกลับจารึกไว้อยู่ ดูลึกลับและเป็นปริศนาอย่างมาก

“นี่มันคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณอะไรกัน?”

เซี่ยปิงรู้สึกสงสัยอย่างมาก เขาได้ทำการค้นหาในแหวนห้วงมิติต่อไป ทันใดนั้นก็ได้เห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ฟางกุ่ยได้เก็บเอาไว้ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้มีข้อมูลของหุ่นเชิดนี่อยู่ :มันถูกเรียกว่าหุ่นเชิดอนันต์

หุ่นเชิดอนันต์นี้เป็นสมบัติที่ฟางกุ่ยได้รับมาจากซากปรักหักพังโบราณสักแห่งภายในจักรวาล ว่ากันว่าเป็นสมบัติพิเศษที่หลงเหลือมาจากนิกายหุ่นเชิดที่โด่งดังในยุคสมัยโบราณ

เมื่อนานมาแล้ว นิกายหุ่นเชิดนั้นได้สร้างหุ่นเชิดขึ้นมา พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ประเภทนี้ หุ่นเชิดแต่ละตัวที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นทรงอำนาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นอกจากนี้ก็ยังได้ดำเนินสายการผลิตเช่นกัน สร้างหุ่นเชิดที่ทรงอำนาจขึ้นมาจำนวนนับพันล้านตัว

ว่ากันว่าพวกเขานั้นก็ได้สร้างหุ่นเชิดบางตัวที่สามารถต่อกรกับผู้บ่มเพาะในระดับเซนต์ได้เช่นกัน ในช่วงเวลานั้นนิกายของพวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีภายในจักรวาล ถือว่าเป็นนิกายที่ไร้เทียมทาน

ทว่านิกายที่ทรงอำนาจนี้ก็ได้สูญสลายไป ถูกทำลายไปโดยนิกายที่ทรงอำนาจอื่นๆ ถอนรากถอนโคนไปจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังโบราณที่กระจายอยู่ตามมุมต่างๆของจักรวาล

ซึ่งเมื่อฟางกุ่ยบังเอิญเข้าไปในหนึ่งของซากปรักหักพังโบราณนั้น เขาก็ได้ครอบครองหุ่นเชิดอนันต์นี่มา ซึ่งอย่างน้อยก็อยู่ในระดับของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลาง

เมื่อใดที่ใช้หุ่นเชิดอนันต์นี่ ตราบใดที่ผู้ใช้มีพลังเวทมนตร์ที่ทรงอำนาจมากพอ จากนั้นก็จะสามารถแยกร่างทหารหุ่นเชิดออกมาได้ พวกมันจะมีพลังการต่อสู้เป็นครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ เป็นเหมือนกับกองทหารก็ว่าได้ สามารถช่วยเหลือตนเองในการต่อสู้

อีกทั้งต่อให้ผู้ใช้จะอยู่ห่างออกไปนับหลายร้อยกิโลเมตร ก็ยังสามารถควบคุมหุ่นเชิดเหล่านี้ในการต่อสู้จากระยะไกลได้

ด้วยการที่ฟางกุ่ยมีหุ่นเชิดอนันต์นี้ เขาจึงกลายเป็นหัวหน้าของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง มีทหารหุ่นเชิดจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งมีคุณสมบัติของความเป็นอมตะเช่นกัน

หากเจ้าของไม่ตายไปและตราบใดที่ยังสามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้ หุ่นเชิดนี่ก็จะสามารถเกิดใหม่ขึ้นมาได้เรื่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติได้ตลอดเวลา

หากตกอยู่ในการห้อมล้อมของกองทัพหุ่นเชิดและไม่สามารถที่จะฝ่าออกไปได้ ศัตรูก็จะต้องตายอย่างแน่นอน

สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือหุ่นเชิดอนันต์นี้สามารถที่จะพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นตามพลังอำนาจของผู้ใช้ได้เช่นกัน มีศักยภาพในการพัฒนาที่สูงมาก

แม้แต่ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของนิกายหุ่นเชิดนั้น หุ่นเชิดอนันต์นี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ล้ำค่าอย่างมาก

“เป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

เซี่ยปิงมีความสุขอย่างมาก เขาได้หลั่งไหลพลังเวทมนตร์เข้าไปทันทีและทำการผสมผสานเข้ากับหุ่นเชิดอนันต์นี้

ดิ้ง!

ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองของหุ่นเชิดอนันต์ได้ส่องแสงสีน้ำเงินออกมาพร้อมกับมีเสียงเครื่องจักรดังขึ้นมา “ฟางกุ่ยเจ้าของเก่าได้ตายไปแล้ว อยู่ในสถานะที่ไร้เจ้าของ ยอมรับข้อมูลของเจ้าของใหม่ในตอนนี้”

“ทำการสแกน เจ้าของใหม่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นยิ่งกว่าเจ้าของเก่า ตรงตามเงื่อนไขของการอนุมัติ”

“ขั้นตอนการยอมรับเสร็จสมบูรณ์ ขอให้เจ้าของใหม่ตั้งชื่อให้กับข้า”

เซี่ยปิงรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองได้เชื่อมต่อกับหุ่นเชิดอนันต์นี้ทันที ล่วงรู้ว่าตนเองได้รวมเป็นหนึ่งกับสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลางนี้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหุ่นเชิดอนันต์ เขาก็ได้เอามือเท้าคางครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา “หลังจากนี้เจ้าจะมีชื่อว่าอนันต์”

“การตั้งชื่อประสบความสำเร็จ”

หุ่นเชิดอนันต์มีสีหน้าที่ไร้อารมณ์และไร้ความรู้สึก พูดออกมาเหมือนกับเป็นเครื่องจักร