หันซิวเช่อทำตัวไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน ในขณะที่หม่าเวยเวยหยิ่งผยอง คนในวงการพากันแสดงออกอย่างรุนแรง เพราะไม่มีใครรู้ว่าถังหนิงได้กลับมาปักกิ่งแล้ว
ในขณะเดียวกันทันทีที่เธอกลับมาถึงปักกิ่ง ถังหนิงไปรับลูกชายทั้งสองคนของตัวเอง
วันถัดมาเธอโทรหาหลินเฉี่ยนและวางแผนจะนัดเจอกันหลังจากที่หลงเจี่ยกลับมา แต่หลินเฉี่ยนกลับบอกเธอว่าตัวเองก็ติดต่อหลงเจี่ยไม่ได้เช่นกัน
ถังหนิงโทรหาลู่เช่อทันที ลู่เช่อพยายามติดต่อหลงเจี่ยและเอสเอเจ หากแต่อีกฟากของสายโทรศัพท์ สมาชิกเอสเอเจอยู่ภายใต้การควบคุมของหันซิวเช่อ และไม่อาจบอกสิ่งใดได้นอกจากทุกอย่างเป็นปกติดี
ลู่เช่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงไปที่ไฮแอทรีเจนซีด้วยตัวเอง “คุณผู้หญิงครับ ผมว่าผมคงต้องไปตามหาเสี่ยวมั่นแล้วล่ะครับ เธอไม่เคยปิดเครื่องโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้เลยนะครับ”
ถังหนิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ไปเถอะ”
“ตอนที่คุณไม่อยู่ ข่าวลือเรื่องของคุณแพร่สะพัดไปทั่ววงการอยู่นานเลยครับ เสี่ยวมั่นเลยทุกข์ใจมาก เพื่อพิสูจน์ตัวเองเธอทุ่มเทสุดตัวในการปั้นเอสเอเจขึ้นมา เธอไม่ได้ทำเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แต่เพื่อทำให้เห็นว่าจู้ซิงมีเดียยังคงเหมือนเดิมต่อให้ไม่มีคุณอยู่ก็ตามครับ” ลู่เช่ออธิบาย จากนั้นจึงเอ่ยสำทับก่อนจากไป “ดังนั้นคุณผู้หญิงครับ เสี่ยวมั่นทำทุกอย่างเพื่อคุณจริงๆ นะครับ”
“ฉันรู้” ถังหนิงพยักหน้า เธอรับรู้ความรักเพื่อนของหลงเจี่ยมาตลอด
เมื่อครั้งที่หลานซีข่มขู่เธอ เธอไม่เคยคิดหวั่นไหวกับความกดดัน นับประสาอะไรกับในตอนนี้
ลู่เช่อตามหาคนได้เร็ว ทว่าหันซิวเช่อโอนหุ้นของเขาเร็วยิ่งกว่า
ในชั่วพริบตาเดียว หม่าเวยเวยกลายมาเป็นนายใหญ่คนใหม่ที่ถือหุ้นมากที่สุดในจู้ซิงมีเดีย
ไม่นานหม่าเวยเวยก็มาถึงจู้ซิงมีเดียพร้อมเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอย่างถูกต้องตามกฎหมาย…
เมื่อเลขาของหลงเจี่ยเห็นหม่าเวยเวยเป็นครั้งแรก เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทว่าเธอต้องรักษาความเป็นมืออาชีพของเธอเอาไว้ต่ออให้จะไม่ชอบหน้าก็ตาม จึงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าคุณหม่ามาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
หม่าเวยเวยปาเอกสารใส่เลขาก่อนผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของหลงเจี่ย “ฉันเป็นนายคนใหม่ของจู้ซิงมีเดีย…”
เลขาถึงกับอึ้งไปคล้ายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่มัน…”
“ผู้อำนวยการหลงโอนหุ้นของเธอให้ฉันแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อก็ดูซะสิ” พูดจบหม่าเวยเวยก็เดินไปที่เก้าอี้ของหลงเจี่ยก่อนจะนั่งลง
เธอเปิดแฟ้มและดูเอกสารด้านในทันที หลังจากมั่นใจแล้วว่าหม่าเวยเวยพูดความจริง เธอต่อสายหาหลินเฉี่ยนในทันใด “ผู้อำนวยการหลินคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ คุณช่วยมาที่บริษัทตอนนี้เลยได้ไหมคะ”
อีกฟากของปลายสาย หลินเฉี่ยนกำลังพยายามประคองหน้าท้องโย้ของตัวเอง เมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องที่จู้ซิงมีเดียเธอก็ตอบกลับ “ฉันจะถึงไปที่นั่นในอีกครึ่งชั่วโมง”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกใครมาตอนนี้หรอก ต่อให้ถังหนิงมาโผล่ตรงหน้าฉันตอนนี้ เธอก็ไม่ได้เป็นเจ้านายของจู้ซิงมีเดีย” หม่าเวยเวยหัวเราะ “แต่ฉันว่าคงมีแต่ฉันที่มีสิทธิ์พบกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ รวมถึงศิลปินด้วย เรียกลัวอิงหงและทุกๆ คนมาให้ฉันที”
เลขาสาวมีท่าทีต่อต้านอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่เธอเดือดดาลไปด้วยความโมโหและไม่อยากจะเชื่อ
บริษัทตกอยู่ในมือของหม่าเวยเวยได้อย่างไรกัน
แล้วหลงเจี่ยล่ะ
ทำไมเธอถึงโอนหุ้นของเธอให้หม่าเวยเวย
คนตั้งมากมายทำไมถึงต้องเป็นหม่าเวยเวยด้วย
หม่าเวยเวยจงใจโอ้อวดอำนาจของเธอที่จู้ซิงมีเดีย หากแต่เธอไม่รู้ว่าถังหนิงได้กลับมาที่ปักกิ่งแล้ว
หลินเฉี่ยนตั้งท้องอยู่ในขณะที่หลี่จิ่นอยู่ในระหว่างการทำภารกิจ หากถังหนิงไม่อยู่ด้วย ตระกูลหลี่ไม่มีทางปล่อยให้หลินเฉี่ยนมาจู้ซิงมีเดียตามลำพังแน่
หลินเฉี่ยนจึงโทรหาถังหนิง “พี่หนิงคะ จู้ซิงมีเดียแย่แล้วค่ะ”
ถังหนิงย่นคิ้วก่อนขันรถมาที่บ้านตระกูลหลี่เพื่อมารับหลินเฉี่ยนทันที จากนั้นเธอจึงบุกไปที่จู้ซิงมีเดียพร้อมบอดีการ์ดที่โม่ถิงจัดการหามาให้
ลัวอิงหงมาถึงก่อนหน้าพวกเธอและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเห็นหม่าเวยเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้ของหลงเจี่ย
“อย่างที่คิดเอาไว้เลย ความสัมพันธ์ของเธอกับหันซิวเช่อคงไม่ธรรมดาสินะ”
“ในเมื่อเดาได้ก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมคุณไม่ห้ามเอาไว้ล่ะ” หม่าเวยเวยถามพลางเลิกคิ้งขึ้น “เป็นเพราะว่าหลงเจี่ยไม่เชื่อคำพูดของคุณใช่ไหมล่ะคะ คุณเองก็อายุปาเข้าไปสี่สิบแล้ว แต่ก็ยังพยายามอวกเก่งอยู่ได้ น่าอายจริงๆ ผู้หญิงที่ไหนกันจะคาดหวังว่าหน้าที่การงานของตัวเองจะไปได้ไกลกว่านี้กันล่ะคะ
“คุณเองก็มีลูกชายแล้วยังจะไม่คอยจับตามองเขาไว้อีก คุณก็สมควรโดนคนอื่นต่อว่าแล้วล่ะค่ะ อย่างนั้นในฐานะนายใหม่ของจู้ซิงมีเดีย สิ่งแรกที่ฉันจะทำก็คือการพักงานคุณค่ะ”
ลัวอิงหงหัวเราะเยาะเย้ยขณะที่มองหน้าหม่าเวยเวยอย่างไม่เห็บคำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ “ไม่ว่าฉันจะถูกต่อว่าแค่ไหน ฉันก็ยังดีกว่าตัวปลอมไร้ค่าบางคน เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตอนนี้คุณควบคุมทุกอย่างได้แล้ว
“ได้ เธอจะพักงานฉันก็ได้ แต่เธอก็จะฟ้องคุณกลับเหมือนกัน…”
“คุณจะฟ้องอะไรก็ตามใจคุณเถอะ ยังไงฉันก็ไม่สนใจชื่อเสียงของจู้ซิงมีเดียอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ตามสบายเลยค่ะ” หม่าเวยเวยไหวไหล่ “ทันทีที่สื่อรู้ว่าฉันกลายมาเป็นนายใหญ่คนใหม่ของจู้ซิงมีเดีย ฉันก็คงจะได้ในสิ่งที่ฉันต้องการไปแล้ว คิดดูสิคะ ถ้าฉันเข้ามาแทนที่ถังหนิงในบริษัทที่เธอก่อตั้งขึ้น จะเป็นข่าวใหญ่ขนาดไหนกันล่ะ”
ลัวอิงหงทำได้เพียงจ้องใบหน้าที่เหมือนกับถังหนิงเขม็ง ในขณะที่หม่าเวยเวยทำแผนชั่วของเธอสำเร็จ
หญิงสาวทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันกว่าแปดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลัวอิงหงรู้ว่าไม่ว่าหม่าเวยเวยจะหน้าตาเหมือนถังหนิงมากแค่ไหน เธอจะไม่มีวันเข้ามาแทนที่ตัวจริงได้
ในไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็ดังก้องมาจากด้านนอกจู้ซิงมีเดีย เดิมทีหม่าเวยเวยคิดว่าเป็นหลินเฉี่ยนที่ตั้งท้องอยู่ และตั้งท่าหมายจะต่อว่าถากถางอีกฝ่าย ทว่ากลับเป็นถังหนิงที่ปรากฏตัวขึ้นในชุดสูทสีขาว พร้อมด้วยบอดีการ์ดของเธอที่ตามหลังมา
“ถังหนิง คุณกลับมาแล้ว” ลัวอิงหงดีใจออกหน้าออกตาที่เห็นถังหนิง
“พี่หง ฉันได้ยินที่คุยกันทั้งหมดแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ไม่มีใครกล้าพักงานพี่ได้หรอกค่ะ”
หม่าเวยเวยพลันลุกขึ้นขากที่นั่งของหลงเจี่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นถังหนิงตัวเป็นๆ
ลัวอิงหงพยักหน้าให้ก่อนหลีกทางให้ถังหนิงได้สำแดงฤทธิ์เดชได้อย่างเต็มที่
ถังหนิงมองสำรวจหม่าเวยเวยหัวจรดเท้าก่อนเอ่ย “หน้าของเธอดูคล้ายฉันนิดหน่อยนะ แต่ส่วนสูงยังห่างหลายขุมเลยล่ะ ฉันว่าเธอควรไปยืดตัวเพิ่มดีกว่านะ…”
ต่อหน้าของจริง หม่าเวยเวยหมดซึ่งความมั่นใจ เธอรู้สึกราวกับถูกต้อนให้อับอาย เพราะถังหนิงดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งใบหน้าของผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเอง รูปร่างของสุดยอดนางแบบ และรังสีของนายใหญ่แห่งจู้ซิงมีเดีย
ผิดกับหม่าเวยเวยลิบลับ
“เทียบเงาของถังหนิงไม่ติดเสียด้วยซ้ำ
“พี่หนิง หม่าเวยเวยอ้างว่าเธอเป็นนายคนใหม่ของจู้ซิงมีเดียค่ะ” เลขาของหลงเจี่ยเอ่ยขณะยื่นเอกสารในมือให้
ถังหนิงเปิดดูด็วยท่าทีสบายๆ และเห็นสัญญาการโอนหุ้น จากนั้นจึงวางลงบนโต๊ะก่อนปรายตามองหม่าเวยเวย “ก่อนอื่น บอกฉันมาว่าหลงเจี่ยอยู่ที่ไหน”
หม่าเวยเวยหันหน้าหนีและไม่ได้ปริปากออกมา
แน่นอนว่าถังหนิงไม่ได้โกรธเคือง ทำเพียงสั่งบอดีการ์ดของตัวเอง “ก่อนที่เราจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ อย่างปล่อยให้คุณหม่าออกจากตึกนี้ไปเด็ดขาด ถ้าเธอหายตัวไป นายต้องรับผิดชอบ”
“นี่มันป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ผิดกฎหมายนะ! ” หม่าเวยเวยท้วง
อย่างไรก็ตามเธอหวาดกลัวสายตาเชือดเฉือนของถังหนิงจนล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเธอมีปัญญาออกไปจากที่นี่ ก็ไปป่าวประกาศกับทุกคนว่าฉันขังเธอไว้ที่นี่โดยไม่เต็มใจก็ได้… ในฐานะตัวปลอมไร้ค่าคนหนึ่ง เธอน่าจะรู้ตัวเอาไว้ว่าต้องถูกเล่นงานในไม่ช้าก็เร็วนี่นา…”