เมื่อก่อนถูกเทาเท่แสดงท่าทีรังเกียจ หลินจือก็มักจะเศร้าเสียใจมาก ถึงขั้นน้อยเนื้อต่ำใจจนต้องปิดกั้นตัวเอง
แต่ตอนนี้หลินจือไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเขาอีกแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจในสิ่งที่เขาพูด
ต่อให้ในสายตาของเขาเธอจะไม่มีค่าอะไรเลย ก็ไม่เป็นไร
และเธอไม่แม้แต่จะมองไปที่เทาเท่หยิบเอาผ้าพันคอที่ตัวเองเลือกแล้วไปชำระเงิน
เทาเท่ที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ก็รู้สึกถึงการถูกเมินอีกครั้ง
เขาจ้องมองไปยังแผ่นหลังที่เรียวบางหรี่ตาแล้วยิ้มเยาะในใจ เขาก็อยากจะดูเหมือนกันว่าเธอจะแสร้งไปได้อีกนานแค่ไหน
เขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่เคยพูดว่ารักเขาหนักหนา คอยตามติดเขาแจอยู่ตลอด แค่เวลาหนึ่งปีเธอก็สามารถปล่อยวางทุกอย่างจากเขาได้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลินจือโบกรถและมาปรากฏตัวขึ้นที่ตระกูลฟอเรนาคฤหาสน์ เธอจงใจเลือกตอนเที่ยงวันของเวลางานเพื่อมาหาคุณท่าน อยากจะเลี่ยงการเจอหน้ากันกับเทาเท่
จากที่หลินจือรู้จักกับเทาเท่ ชายหนุ่มมักจะมาหาคุณท่านในวันหยุดสุดสัปดาห์
ยิ่งไปกว่านั้นวันธรรมดาทั่วไปเขาจะยุ่งมาก อาหารกลางวันก็มักจะหากินแถวที่ทำงาน
คุณท่านชวนหลินจือให้อยู่ทานมื้อกลางวันด้วยกัน หลินจือยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญแต่ในขณะที่กำลังจะตอบตกลงก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามา
จากนั้นขาวที่เรียวยาวของเทาเท่ก็ก้าวเข้ามา ทันใดนั้นหลินจือก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก
เธอหันไปมองคุณท่านคุณท่านหลบสายตาที่ตั้งคำถามของเธอแล้วหัวเราะออกมา
ทันใดนั้นหลินจือก็เข้าใจความคิดอ่านของคุณท่านในทันที ดูท่าแล้วคุณท่านคงจงใจให้เธอกับเทาเท่ได้เจอกันในเที่ยงนี้แน่
เธอทำอะไรไม่ถูก คุณท่านจะทำแบบนี้ทำไม หย่ากันไปแล้ว หรือท่านยังหวังให้ความรักครั้งเก่าของเธอกับเทาเท่หวนคืน ?
อย่าว่าแต่เทาเท่ไม่มีความคิดแบบนี้กับเธอเลย แม้แต่ตัวเธอเอง ก็ยังไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอยเดิมเลย
การแต่งงานที่ปราศจากซึ่งความรัก ไม่เพียงทำร้ายหัวใจของเธอ แต่ยังทำร้ายความหลงใหลในชีวิตทั้งหมดของเธอด้วย
เมื่อเทาเท่เห็นหลินจือก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกได้ใจขึ้นมา
เขาเคยพูดไว้ว่ายังไง จะคอยดูว่าเธอจะแสร้งไปได้อีกนานแค่ไหน
หลังจากที่หลอกให้ตายใจ ก็กลับมาเข้าทางคุณท่านเพื่อที่จะได้เจอกับเขา เพราะทั้งครอบครัวของตระกูลฟอเรนาก็มีแค่คุณท่านเท่านั้นที่เห็นด้วยกับการที่เธอกับเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็จึงเดินเข้าไปหาด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่งแล้วถามเธอว่า“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
คุณท่านจ้องเขม็งมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาไหน จากนั้นก็กัดฟันแล้วเอ็ดว่า“หุบปากแกซะ !”
หลินจือเมินเฉยกับใบหน้าที่เย็นชาของเทาเท่ ยิ้มแล้วพูดอย่างอ่อนโยนและสุภาพกับคุณท่านว่า“คุณปู่ ของขวัญที่เตรียมมาก็ได้ส่งมอบให้ถึงมือแล้วหนูคงต้องขอตัวก่อน และขอขอบคุณที่ดูแลและห่วงใยกันมาตลอดนะคะ ”
ใช่ว่าหลินจือจะฟังไม่ออกถึงความไม่พอใจและดูถูกในคำพูดของเทาเท่เมื่อครู่ เขาคงคิดว่าที่เธอมาหาคุณท่านก็เพราะอยากจะเข้าหาเขา ด้วยเพราะเหตุนี้เธอจึงพูดเสริมประโยคหลังนี้ไปด้วย เพื่อตบหน้าของเทาเท่ที่คิดเข้าข้างตัวเอง
คุณท่านรีบพูดรั้งเธอ “เดี๋ยวก่อนซิ กว่าจะมาหากันได้ อยู่กินข้าวด้วยกันสักมื้อเถอะนะ”
“คงไม่แล้วค่ะคุณปู่ หนูยังมีธุระที่อื่นต่อ”หลินจือพูดจบก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ทันทีที่ร่างของหลินจือหายลับไปจากประตู ไม้ค้ำของคุณท่านก็หวดเข้าไปที่ร่างกายของเทาเท่
คุณท่านโกรธจนตัวสั่นแล้วตวาดเสียงดังว่า“คนเขาไม่อยากจะติดต่อกับเรามาตั้งนานแล้ว เป็นฉันที่บากหน้าติดต่อไปหาเธอเองมาโดยตลอดหนึ่งปี ” “เธอบอกว่าวันนี้จะแวะเข้ามาหาฉัน ฉันก็เลยโทรหาแกบังคับให้แกตามมาให้ได้ แค่อยากจะให้พวกแกได้มีโอกาสเจอหน้ากัน”
“ฉันไม่รู้ว่าซูซีคนนั้นดีแค่ไหน ในใจของฉันหลินจือเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด!”
“แกไม่ต้องมาพูดอธิบายอะไรกับฉัน เธอดีหรือไม่ดีแกเองก็รู้อยู่แก่ใจ !”
คุณท่านสวดเทาเท่จนยับจากนั้นจึงค้ำไม้เท้าแล้วเดินจากไปอย่างโกรธเคือง โดยไม่สนใจหลานชายที่จองหองและหยาบคายคนนี้อีก