ทั้งหมดได้แสดงให้เห็นว่าถังหนิงกลับมาแล้ว จึงมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ แท้จริงแล้วคนที่ถูกท้าทายกลับไม่ใช่อดีตนายใหญ่แห่งจู้ซิงมีเดีย
หันซิวเช่อแค่นึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะลงมือรวดเร็วขนาดนี้
เป็นเพราะว่าเธอมีไห่รุ่ยหนุนหลังอยู่หรือ ตอนเธออยู่ต่างบ้านต่างเมืองที่อังกฤษเธอไม่ได้เก่งกาจขนาดนี้นี่
ดังนั้นเขาจึงพยายามติดต่อหม่าเวยเวยอีกครั้งหลังจากนั้น แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเธอ
ที่แท้มันก็เกี่ยวข้องกับการกลับมาของถังหนิง
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะรออีกต่อไป เขาคงต้องกลับไปปักกิ่งก่อน…
…
เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วที่หม่าเวยเวยถูกขังอยู่ในจู้ซิงมีเดีย
โทรศัพท์ของเธอใช้การไม่ได้ทำให้ไม่อาจติดต่อคนภายนอกได้ ตอนนี้ต้นสังกัดของเธอคงอยู่ไม่สุขแล้ว หม่าเวยเวยจึงพยายามต่อรองกับบอดีการ์ด “คุณจะขังฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้นะคะ คุณไม่กลัวว่าต้นสังกัดขงฉันจะเรียกตำรวจหรือไง”
ความจริงถังหนิงได้บอกบอดีการ์ดไว้แล้ว “ถ้าหม่าเวยเวยอยากไปก็ปล่อยเธอไปซะ”
“แต่ว่าคุณผู้หญิงครับ ถ้าเธอออกไปแจ้งตำรวจเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ”
“ถ้าเธอมีแรงพอทำอย่างนั้นก็ลองดูสิ” ถังหนิงตอบ
ในขณะที่เหตุการณ์ของเอสเอเจเริ่มเป็นแพร่สะพัดไปทั่ว แม้ว่าข่าวที่หม่าเวยเวยกลายมาเป็นนายใหญ่ของจู้ซิงมีเดียจะถูกเปิดเผยออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ทว่าผมตอบรับกลับยังไม่รุนแรงเท่ากับข่าวใหม่นี้ ว่ากันตามจริงมันเหมือนกับระเบิดที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
เมื่อหม่าเวยเวยอยากจะเป็นนายของจู้ซิงมีเดียนัก อย่างนั้นเธอก็ควรมีบทบาทบ้าง
อย่างไรก็ตามถังหนิงยังสั่งว่าหากหม่าเวยเวยไม่ได้ขอให้ปล่อยเธอไปเอง อย่ายื่นข้อเสนอให้เธอเองก่อน
ดังนั้นเมื่อเธอขอให้ปล่อยพวกเขาจึงตอบกลับทันที “อยากไปก็ตามใจครับ”
เธอมองบอดีการ์ดด้วยความอึ้ง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อว่าถังหนิงจะปล่อยเธอไปง่ายขนาดนี้ แต่ถังหนิงไม่ได้วางกับดักไว้จริงๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่างและก้าวออกมาจาตึก นักข่าวก็กรูเข้าล้อมเธอทันที
“หม่าเวยเวย คุณกลายมาเป็นนายใหญ่ของจู้ซิงมีเดียได้ยังไงคะ”
“หม่าเวยเวย เอสเอเจถูกตำรวจจับกุมแล้ว ในฐานะเจ้านายคนใหม่ของจู้ซิงมีเดีย คุณมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างคะ”
“หม่าเวยเวย…”
สีหน้าของหม่าเวยเวยพลันซีดเซียวขณะที่เธอถอยกลับเข้าไปในตึก เธอรู้ว่าการที่ถังหนิงปล่อยเธอไปนั้นเรื่องคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อมาครุ่นคิดดูแล้วท่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ…
หลังจากขึ้นลิฟต์กลับไปบนตึกจู้ซิงมีเดีย หม่าเวยเวยชาร์จโทรศัพท์และโทรหาหันซิวเช่อทันที “เกิดอะไรขึ้นกัน”
“คุณอยู่ที่ไหน” เขาถาม
“นักข่าวล้อมฉันไปหมดแล้ว ฉันออกจากจู้ซิงมีเดียไม่ได้” หม่าเวยเวยสวนกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณทำอะไรของคุณอยู่ ฉันแค่มาคุมจู้ซิงมีเดีย ทำไมสมาชิกเอสเอเจถึงได้ถูกจับได้ล่ะ”
“รอผมก่อน เดี๋ยวผมจะไปรับคุณเอง” เสียงหันซิวเช่อสั่งดังลอดมาจากปลายสาย “อย่าพูดอะไรและก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น”
หม่าเวยเวยจะไปไหนได้อีก เธอได้แต่โทรหาต้นสังกัดของตัวเองและบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
อย่างไรก็ตามต้นสังกัดของเธอเองก็สงสัยเช่นกันว่าเหตุใดอยู่ๆ เธอจึงได้ยึดจู้ซิงมีเดียมาได้
ถ้าไม่มีเรื่องของเอสเอเจ มันคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย
ช่างน่าเสียดาย…
ตอนนี้ไม่เพียงแต่หม่าเวยเวยจะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรแล้ว เธอยังต้องให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเรื่องของสมาชิกวงทั้งสี่ด้วย ที่แย่ที่สุดคือการที่ข่าวเหมือนจะยิ่งลุกลามใหญ่โตไปมากกว่าเดิมเพราะเหตุการณ์นี้
ด้วยเหตุนี้ข่าวจึงเริ่มแพร่สะพัดไปไกล…
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจู้ซิงมีเดีย รู้เพียงอยู่ๆ วงที่หลงเจี่ยปลุกปั้นมาก็ถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจเพราะถูกจับได้ว่าเสพยา ว่าแต่อยู่ๆ หม่าเวยเวยกลายเป็นนายใหญ่ของจู้ซิงมีเดียได้อย่างไรกัน
หลงเจี่ยจะออกมาชี้แจงหรือไม่ มันคือคำถามที่อยู่ในใจของสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจู้ซิงมีเดียตกมาอยู่ในมือของไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเงาไร้ค่าอย่างหม่าเวยเวย
หลงเจี่ยไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหม่าเวยเวยกับถังหนิงหรือ
โลกออนไลน์ตกอยู่ในความโกลาหล หลักๆ เป็นเพราะทุกอย่างอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ชวนให้คนที่อยากรู้อยากเห็นต้องงุนงง
ทว่าประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดหนีไม่พ้นถังหนิง
หรือทั้งถังหนิงและธุรกิจที่เธอสร้างขึ้นจะหายวับไปกัน
“สิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเรื่องคลุมเครืออยู่เต็มไปหมด ฉันจะไม่เข้าข้างใครจนกว่าจะได้รับข้อมูลมากกว่านี้”
“รู้สึกเหมือนการแสดงใหญ่กำลังจะมาถึงเลยแฮะ หวังว่าจะไม่ผิดหวัง! ”
“สื่อจะเสนอข่าวให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ พวกเขาเอาแต่หาเรื่องอยู่ทุกวันและทำร้ายคนอื่นจนไม่มีชิ้นดี!”
“คุณความเห็นด้านบนไม่มีสิทธิ์จะพูดอย่างนั้นนะ ถ้าไม่มีประเด็นพวกนี้ ชีวิตก็คงน่าเบื่อมากเลยน่ะสิ”
หลังจากอ่านความเห็นเหล่านั้น ถังหนิงก็ปิดแล็ปท็อปลง
เธอได้พลิกเกมแล้ว หันซิวเช่อถูกเปิดเผยตัวออกมาในที่แจ้ง ในขณะที่เธอยังอยู่ในเงามืด ไม่มีใครรู้ว่าการทำงานของจู้ซิงมีเดียไปมากกว่าเธอ เขายังกล้าดีมาแย่งมันไปจากหลงเจี่ยอีกหรือ คิดจริงๆ หรือว่าไม่มีใครในจู้ซิงมีเดียที่หยุดเขาได้
“หลงเจี่ยปั้นเอสเอเจมา ถ้าหากทางตำรวจเรียกตัวหลงเจี่ยไปด้วยล่ะคะ” หลินเฉี่ยนถามขึ้นขณะที่นั่งไม่ติดอยู่ข้างถังหนิง
“อย่าลืมว่าใครเป็นคนแนะนำทั้งสี่คนนั้นให้หลงเจี่ยสิ…”
“ลำพังความสัมพันธ์ระหว่างหันซิวเช่อกับหม่าเวยเวยก็เพียงพอที่จะให้ผู้ชมได้ดูการแสดงเด็ดๆ แล้ว เธอคิดว่าพวกเขาจะสนใจอีกเหรอว่าหลงเจี่ยจะรู้เห็นหรือเปล่าน่ะ
“ฉันเตรียมคนที่จะปล่อยข่าวของสองคนนี้แล้ว ตอนนี้พวกเขาได้แต่รอให้ความซวยมาเยือนเท่านั้นแหละ”
ถังหนิงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างตั้งใจจะไม่ลงมือด้วยตัวเองสักครั้ง หลังจากทั้งสองคนดิ้นรนเสร็จ เธอถึงจะออกมาชี้แจงทุกอย่างเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของจู้ซิงมีเดียเอง
ด้วยเหตุนี้ไม่นานข่าวลือเรื่องหันซิวเช่อกับหม่าเวยเวยจึงเริ่มแพร่สะพัดไปทั่ววงการ
“พวกเธอได้ยินเรื่องสมาชิกเอสเอเจเป็นรุ่นน้องสมัยมหาวิทยาลัยของหันซิวเช่อหรือเปล่า เขาจงใจแนะนำพวกเขาให้หลงเจี่ยและวางแผนแฉความลับหลังจากที่หลงเจี่ยทุ่มเทฝึกพวกเขามาล่ะ…”
“จากนั้นเขาเลยเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ให้หลงเจี่ยยกจู้ซิงมีเดียให้ ไม่อย่างนั้นเขาจะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นสินะ! ”
“ส่วนเรื่องที่หม่าเวยเวยกลายมาเป็นนายใหญ่ของจู้ซิงมีเดียได้ยังไง ฉันมั่นใจว่าคำตอบก็เห็นกันอยู่ชัดๆ อยู่แล้ว เธอต้องมีความสัมพันธ์ลับๆ กับหันซิวเช่อแน่ๆ ”
“ถ้าเราลองมองจากมุมอื่น เหตุผลที่หันซิวเช่อต่อต้านจู้ซิงมีเดียคงเป็นเพราะว่าหม่าเวยเวยเป็นเงาของถังหนิงแน่ๆ ”
“หันซิวเช่อกับหม่าเวยเวยต้องวางแผนทำลายจู้ซิงมีเดียมาตั้งแต่แรกแน่! ”
“นั่นสิ ใช่ไหมล่ะ ต้องเป็นการสมรู้ร่วมคิดของไอ้สารเลวกับนังชั่วแน่”
นี่เป็นกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์ หากแต่ทำไมมันถึงได้ใกล้เคียงกับความจริงนัก
เพราะว่าถังหนิงปล่อยข้อมูลให้หลุดไปอย่างไรล่ะ…
“คนชั่วอย่างนั้นสมควรได้รับการลงโทษแล้ว สมาชิกของเอสเอเจน่าจะถูกจับได้ว่าเสพยาระหว่างถ่ายทำเลยถูกยกเลิกสัญญาไง”
“ถ้าอย่างนั้นทีมงานของรายการก็ถือว่าเป็นคนดีมากเลยนะ! ”
“ว่าแต่หลงเจี่ยรู้เห็นเรื่องที่พวกเขาเสพยาด้วยหรือเปล่า”